มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ

ครอบครัว....ความรัก....และความรุนแรง (ตอน) ผู้ชายไม่เข้าใจ

15 ธันวาคม 2563
ครอบครัว....ความรัก....และความรุนแรง (ตอน) ผู้ชายไม่เข้าใจ

“ขอรบกวนอาจารย์อรอนงค์อีกครั้ง เนื่องจากไม่รู้จะอธิบายหรือบอกใครได้ เริ่มแรกผมและเธอก็เป็นเพื่อนร่วมงานกันตามปกติ ไม่มีความรู้สึกอื่นใด มีวันหนึ่งเธอเครียด ๆ ผมก็ถามว่าเครียดเรื่องอะไร เธอไว้ใจผมจึงเล่าให้ฟังทุกอย่างว่า สามีเธอไปมีกิ๊ก ผมก็ปลอบใจว่าใจเย็น ๆ ค่อย ๆ คุยกันสงสารลูก อย่ากระทำรุนแรง  เธอก็ปรึกษาเล่าให้ฟังตลอดมา และเหมือนเข้าใจ รู้ใจ ไว้ใจ คุยทุกเรื่องในครอบครัว เรื่องพ่อแม่พี่น้องลูกแต่ละคน จนดูเหมือนอยู่ในครอบครัวเดียวกัน ก็คุยให้คำปรึกษากันไป

ผ่านมาปีสองปีความใกล้ชิดคุ้นเคยมีมากขึ้น เฉพาะที่ทำงานไม่มีอะไรเกินเลย  ต่อมาได้ข่าวว่าสามีเขาเริ่มมีกิ๊กคนใหม่อีกมาจนถึงปัจจุบัน โดยที่เราไม่สามารถบอกอะไรเขาได้ กลัวครอบครัวเขาจะมีปัญหา ความรู้สึกเริ่มเป็นห่วงใยเขามากขึ้น กลัวว่าวันหนึ่งเธอรู้เรื่องแฟนมีกิ๊กใหม่ ไปลงทุนเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว ซื้อนาฬิกา ซื้อของต่าง ๆ ให้ โดยที่เธอยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ใจหนึ่งอยากจะบอกเธอด้วยความเป็นเพื่อน ด้วยความเป็นห่วงเผื่อจะแก้ไขได้ทัน แต่ถ้าเธอรู้ ปัญหาก็เยอะ  จึงได้แต่เก็บความเป็นห่วง แล้วเพิ่มความคิดถึงเข้ามาโดยไม่รู้ตัว ก็เลยได้ส่งไลน์ไป ขอแค่คิดถึง...เธอก็ส่งรอยยิ้มกลับมา จึงเข้าใจว่าเธอคงคิดถึงเหมือนกัน

ครั้งที่สอง เลยส่งว่า คิดถึงได้ไหม...ก็ตอบรอยยิ้มมาเหมือนกัน แต่โดยไม่คาดคิด รอยยิ้มที่ส่งมาครั้งนี้ ดูเธอจะโกรธ จึงส่งขอโทษเขาและสัญญาจะไม่ส่งอีก ขอเป็นเพื่อนดังเดิมได้ไหม จึงไม่เข้าใจมันคือยังไงถึงโกรธไม่คุยกันเหมือนเดิม อยากอธิบายดีไหม คำว่าขอแค่คิดถึงไม่ได้หมายถึงมีอะไรกัน หรือมาอยู่ด้วยกันเพราะทั้งสองมีครอบครัวอยู่แล้ว ไม่สามารถเป็นไปได้อยู่แล้ว เพียงแค่เป็นเพื่อนที่คิดถึง เป็นกำลังใจให้กันในการทำงาน ในชีวิตประจำวัน ทุกวันเลิกงานก็บ้านใครบ้านมัน ไม่มีอะไรเกินเลยที่น่าเกลียดหรือไม่เหมาะสม ผมจึงเครียด ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร งงจริง ๆ เรื่องนิดเดียวเอง คนอื่นเขาล้อเล่นแซวเล่นว่าคิดถึงกันเยอะแยะไป แต่ผมพูดแค่นี้ทำไมโกรธ แค่บอกว่า...เป็นเพื่อนกันก็พอ...ก็ไม่ซีเรียสอะไร ไม่เข้าใจจริง ๆ เลยข้องใจว่า...จะอธิบายให้เขาเข้าใจดีไหม...หรืออยู่เฉย ๆ แต่เจอกันทุกวันจากเคยคุยเป็นไม่คุย ก็อึดอัดใจ ไม่เห็นกันยังดีกว่า...หรือว่าผมเปลี่ยนงาน...จะได้ไม่เจอกัน...หรือว่าแสดงความบริสุทธิ์ใจ แสดงความเป็นเพื่อนจริง บอกเรื่องแฟนเขามีกิ๊กอยู่ตอนนี้...ผมจึงกราบเรียนอธิบายมายังอาจารย์อีกครั้งเพื่อความกระจ่างแจ้งในเรื่องราว อาจจะรบกวนอาจารย์ แต่เพื่อคลายเครียดความข้องใจ ที่ไม่สามารถบอกหรือปรึกษาใครได้เพราะเรื่องศีลธรรม จึงมีแต่อาจารย์ หวังจะได้รับคำแนะนำ จะได้ลดความเครียดลง ขอขอบคุณอาจารย์อีกครั้งที่ให้คำแนะนำ”

 

สมัยนี้หญิงชายมีการศึกษามีความสามารถ ทีสิทธิเสรีภาพที่เกือบจะเท่าเทียมกัน  มีการออกไปทำงานตามบริษัทห้างร้านต่าง ๆ เคียงบ่าเคียงไหล่หรือใกล้ชิดกันมาก  อาจจะมากกว่าการใช้ชีวิตร่วมกันระหว่างสามีภรรยาที่บ้าน  ผู้คนจำนวนมากยอมรับว่า  ในแต่ละวัน  เขา/เธอ ใช้เวลาอาจจะมากกว่าสิบชั่วโมงในการพูดคุยปรึกษาและทำงานร่วมกัน จากนั้นใช้เวลาในการเดินทางระหว่างสองถึงสี่ชั่วโมง เมื่อถึงบ้าน รับประทานอาหาร พูดคุยกับลูก  ๆ  กับสามี/ภรรยา   หรือช่วยลูกทำการบ้าน ทำงานบ้านทำความสะอาดบ้านอีก ราว ๆ สองชั่วโมง แล้วก็เข้านอนด้วยความอ่อนเพลีย   เวลาจะสื่อสารกันระหว่างสามีภรรยาค่อนข้างมีน้อย   แต่เพราะต่างฝ่ายต่างรักใคร่กันมาก่อนแต่งงาน  ความไว้วางใจ  ความเชื่อมั่นศรัทธาที่มีมาแต่ต้น เป็นความผูกพันบนพื้นฐานของความซื่อสัตย์และความรับผิดชอบร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม   การทำงานใกล้ชิดกันระหว่างหญิงชาย  แม้ต่างมีครอบครัวมีคู่สมรสแล้ว แต่โอกาสที่อารมณ์อ่อนไหวจะถูกกระตุ้นด้วย “ฮอร์โมน” ในร่างกายของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือจากทั้งสองฝ่าย  ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางร่างกายที่ต้องการจะได้รับการตอบสนองก็ย่อมมี ดังกรณีของชายหนุ่มข้างบนนี้  โดยไม่รู้ตัว  เขาได้ปล่อยให้อารมณ์ส่วนเกินเข้าครอบงำทีละน้อย ๆ เริ่มจากอยากจะบอกเพื่อนหญิงว่า “เขาคิดถึงเธอนะ....” เพราะในความจริงในความเป็นเพื่อน  เราก็สามารถจะรู้สึกคิดถึงกันได้  แต่ไม่จำเป็นจะต้องบอกกล่าวเขา/เธอคนนั้น  “คิดถึงก็คือคิดถึง”  ไม่จำเป็นจะต้องขออนุญาตที่จะคิดถึง   เพราะเราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิดถึงใครก็ได้ แต่การถามว่า  คิดถึงได้ไหม  เหมือนจะถามว่า...แล้วเธอล่ะจะคิดถึงฉันไหม?

“คิดถึงได้ไหม?”  เป็นการแสดงออกของอารมณ์ออดอ้อน  รุกเร้าให้ฝ่ายหญิงแสดงอารมณ์ในลักษณะเดียวกัน  ซึ่งหากเป็นหญิงโสดชายโสดทั่วไปคงไม่มีปัญหา  ครั้งแรกที่ส่งไลน์ไป  ฝ่ายหญิงส่ง “ยิ้ม” มาให้ เพราะคิดว่าเป็นคำพูดพื้น ๆ ของเพื่อน แต่เมื่อถามเซ้าซี้มาอีก สันชาติญาณเตือนให้ฝ่ายหญิงตระหนักว่า  เขากำลังล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของเธอ และเธอไม่พอใจความในใจของเขา เนื่องจากเธอไม่ใช่คนโสดในขณะที่ฝ่ายชายดูจะไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งมากนัก และเขาคิดว่า 

“คำว่าขอแค่คิดถึงไม่ได้หมายถึงมีอะไรกัน หรือมาอยู่ด้วยกันเพราะทั้งสองมีครอบครัวอยู่แล้ว ไม่สามารถเป็นไปได้อยู่แล้ว เพียงแค่เป็นเพื่อนที่คิดถึง เป็นกำลังใจให้กันในการทำงาน ในชีวิตประจำวัน ทุกวันเลิกงานก็บ้านใครบ้านมัน ไม่มีอะไรเกินเลยที่น่าเกลียดหรือไม่เหมาะสม ผมจึงเครียด ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร งงจริง ๆ เรื่องนิดเดียวเอง คนอื่นเขาล้อเล่นแซวเล่นว่าคิดถึงกันเยอะแยะไป แต่ผมพูดแค่นี้ทำไมโกรธ แค่บอกว่า...เป็นเพื่อนกันก็พอ...ก็ไม่ซีเรียสอะไร ไม่เข้าใจจริง ๆ เลยข้องใจว่า...จะอธิบายให้เขาเข้าใจดีไหม...หรืออยู่เฉย ๆ แต่เจอกันทุกวันจากเคยคุยเป็นไม่คุย ก็อึดอัด...”

ในขณะที่ฝ่ายชายดูจะไม่ละเอียดอ่อนในการใช้ภาษาหรือการพูดจา  ฝ่ายหญิงกลับมีความละเอียดลึกซึ้งมากกว่า  โดยเฉพาะเธอกำลังมีปัญหากับสามีอยู่ก่อนแล้ว  เธอจึงไม่ต้องการจะให้มีปัญหาซ้ำซ้อนเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน  ที่สำคัญคือไม่ต้องการให้เพื่อนชายคนนี้  มีความคิดความรู้สึกที่มากไปกว่าที่ผ่านมา

ผู้เขียนอ่านเรื่องนี้แล้ว  ทำให้ “คิดถึง”  อีกเรื่องหนึ่ง เมื่อไม่นานมานี้  ผู้เขียนได้ให้คำปรึกษาแก่ชายหนุ่มวัยสามสิบต้น  ๆ อาชีพวิศวกร  ยังโสด  เขาเล่าว่าทำงานบริษัทก่อสร้างใหญ่มากแห่งหนึ่ง  ในแผนกมีทั้งวิศวกรและสถาปนิกทั้งหญิงชายจำนวนมากกว่า 30 คน  ตัวเขามีเพื่อนสนิทเป็นสถาปนิกหญิงวัยไล่เลี่ยกัน  เพราะจบมาจากที่เดียวกัน  จึงสนิทกันกว่าเพื่อน ๆ ร่วมงานอื่น ๆ เพื่อนสาวคนนี้แต่งงานมีครอบครัวแล้ว ยังไม่มีบุตร ปกติในแต่ละวันช่วงพักอาหารกลางวัน  เขาและเธอจะออกไปรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน  เขาจะเป็นคนขับรถพาเธอไปร้านอาหารอร่อย ๆ และคุยกันเรื่องงาน  และเรื่องทั่วไปตามประสาเพื่อนค่อนข้างสนิทที่ทำอาชีพเดียวกัน

ในสายตาของเขาถึงเธอจะแต่งงานมีครอบครัวแล้ว  แต่ก็ดูเป็นคนสบาย ๆ ไม่เข้มงวดจริงจังอะไรนัก ส่วนเขาเป็นคนโสดไม่มีใครพิเศษ พ่อแม่อยู่ต่างจังหวัด ตัวเขาซื้อคอนโดฯ อยู่คนเดียว  ตกเย็นหากไม่ได้ไปรับประทานอาหารหรือดูภาพยนตร์กับใคร เขาก็จะนั่ง ๆ นอน ๆ ดูวิดีโอซึ่งมีอยู่มากมายหลายเรื่องหลายประเภทโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับ “เซ็กซ์” ซึ่งเขาคิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาของหนุ่มสาว!

ในทัศนะของคนหนุ่มการศึกษาสูงรุ่นใหม่ในยุคไอที  เขามองว่าเซ็กซ์เป็นเรื่องธรรมดาเหมือนการกินอาหารแล้วก็ต้องตามด้วยของหวาน ด้วยความเชื่อดังกล่าว ในวันหนึ่งหลังอาหารกลางวันระหว่างเขาและเพื่อนสาวคนสนิท เขาก็ขับรถพาเธอเข้าไปในโรงแรมม่านรูดเกรดสูง ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะมีเซ็กซ์กับเธอหลังอาหารกลางวัน

เมื่อเข้าไปถึงห้อง  เธอมีอาการนิ่งขึงตลึงไปชั่วขณะเหมือนตกอยู่ในอาการช็อก  แล้วเธอก็เปลี่ยนทีท่าเป็นใจเย็น  ไม่มีอาการโกรธหรือไม่พอใจ  เธอถามว่าเข้ามาทำไมในนี้  เขาก็ตอบเธอตรง ๆ ว่า เราคุ้นเคยกันมานานพอที่จะมีเซ็กซ์กันได้แล้ว เธอพยักหน้าแล้วบอกว่า งั้นเอาไว้โอกาสหน้าที่ฉันพร้อมกว่านี้แล้วกันนะ  เราออกไปกันเถอะ แน่นอน...เขาบอกว่าผู้ชายสมัยใหม่อย่างเขา  เมื่อผู้หญิงปฏิเสธเขาก็จะไม่บังคับ  เขาถือว่าเซ็กซ์เป็นเรื่องของความสมัครใจ  เขาจึงขับรถออกมาจากสถานที่แห่งนั้นและกลับไปทำงานตามปกติ

ทว่า...นับแต่วันรุ่งขึ้น หลังจากวันนั้นจนวันนี้เกือบเดือนแล้วที่เธอไม่พูด  ไม่มองหน้าเขาอีกเลย   “...เธอทำเหมือนไม่มีผมในโลกใบนี้  ผมไม่เข้าใจทำไมเธอจึงต้องทำอย่างนั้น  ผมไม่ได้บังคับเธอ  เราไม่ได้มีอะไรกัน ทำไมเธอทำเหมือนเราโกรธกันมาทั้งชาติ  เพราะอะไรครับ?

เพราะอะไร?  นั่นซิเพราะอะไร  ผู้ชายไทยการศึกษาสูง มาจากครอบครัวปานกลาง  เกิดและเติบโตมาจากครอบครัวที่มีขนบธรรมเนียมประเพณีและความเชื่อแบบเอเซีย  มีหรือจะไม่รู้จักคำว่ากาละเทศะ หรือไม่รู้อะไรควร ไม่ควร!” ลำพังการเดินจูงมือกันระหว่างหญิงชายที่ไม่ใช่เครือญาติสนิท  เป็นเรื่องไม่เหมาะสม การไปพบปะพูดคุยกันสองต่อสองในที่ลับตานับว่าไม่ถูกต้อง ยิ่งเข่าในโรงแรมมานรูดด้วยกันตาม  ลำพัง เรียกว่าเป็นการพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอันตราย  ผู้หญิงอาจถูกฝ่ายชายทำร้ายทางเพศได้ในทุกกรณี  ดังเช่นในกรณีนี้ หากฝ่ายชายบังคับขืนใจ  พลาดพลั้งไปผู้หญิงอาจถูกกล่าวหาว่าเป็นความสมัครใจของเธอด้วยเช่นกัน  เพราะฉะนั้นพฤติกรรมและการกระทำของชายหนุ่มคนนี้  ไม่ควรเป็นที่ไว้วางใจต่อไป หรือ  “ผู้ชายคนนี้  คบไม่ได้!” “ไว้ใจไม่ได้!”   เขามีทัศนคติที่ไม่ดีต่อผู้หญิง  คงไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากมีเพื่อนที่ตัวเองจะต้องระวังตัวอยู่ตลอดเวลา     เธอจึงไม่สนใจที่จะมองหน้า หรือคบหาเขาเป็นเพื่อนต่อไป   และนี่เป็นเพียงบางส่วนของผู้หญิงที่  เขาควรจะเข้าใจว่า  พฤติกรรมของเขาที่ผ่านมา  เป็นการกระทำที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ชอบ  จนอาจถึงขั้น “รังเกียจ!


กลับด้านบน