“ธารา” ชายหนุ่มวัย 28 ปี ท่าทางสุภาพเรียบร้อย จบการศึกษาระดับปริญญาโท ชีวิตการทำงานเพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน ปัญหาของเขาคือ แฟนสาวต้องการให้เขาและเธอแต่งงานกันโดยเร็ว ทั้งสองคบหากันตั้งแต่สมัยเรียนชั้นมัธยมปลาย และติดต่อกันเรื่อยมา แม้ว่าฝ่ายหญิงจะต้องเดินทางไปมาระหว่างประเทศไทยกับประเทศอียิปต์ เนื่องจากครอบครัวมีธุรกิจที่นั่น แต่เธอบอกว่าเธอยินดีที่จะทิ้งโอกาสทางธุรกิจของครอบครัวเพื่อที่จะได้มาใช้ชีวิตร่วมกับเขาในประเทศไทย และแม้เขาจะรักเธอ แต่เขามองว่า ทั้งเขาและเธอน่าจะเลื่อนเวลาแต่งงานออกไปก่อน เพื่อทั้งสองต่างจะได้ทำสิ่งที่ตนเองอยากทำ เช่น หากเธอต้องการจะทำงานที่ต่างประเทศ เธอก็น่าจะลองทำดู ส่วนเขาต้องการความก้าวหน้าทางหน้าที่การงาน ก็จะพยายามสร้างความมั่นคงให้ตนเองสักระยะ ทั้ง ๆ ที่ตัว “ธารา” นั้นมาจากครอบครัวมีฐานะ พ่อแม่รักและเอาใจลูก ๆ มาก เช่น ทันใดที่พ่อแม่รู้ว่าเขาวางแผนจะแต่งงาน พ่อแม่ก็จัดเตรียมซื้อบ้านตกแต่งให้ใช้เป็นเรือนหอให้ โดยทั้งสองคนไม่ต้องลำบาก แต่สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดเกี่ยวกับคนรักของเขาก็คือ ทัศนคติของเธอที่มีต่อตัวเองและคนรอบ ๆ โดยเฉพาะต่อพ่อแม่และพี่สาวคนเดียวของเขา!
“ธารา” รู้สึกสับสนงุนงงกับคำพูดและพฤติกรรมของฝ่ายหญิง แต่เขาก็อยากจะเข้าใจ อยากจะช่วยให้เธอสามารถอยู่อย่างมีความสุขร่วมกับครอบครัวเล็ก ๆ ของเขาได้ เขาเล่าว่า “เธอมาจากครอบครัวอิสลาม พ่อเป็นชาวอียิปต์ แม่เป็นคนไทย พ่อและแม่มีลูกสามคน ชายสองคน หญิงหนึ่งคน เธอเป็นลูกสาวคนกลาง ที่มักจะถูกมองข้ามเสมอมา โดยเฉพาะเมื่อพ่อแม่แยกทาง ลูกทุกคน พ่อและเครือญาติของพ่อเป็นคนเลี้ยงดู ส่วนแม่ไปมีครอบครัวใหม่เธอจึงไม่สนิทกับแม่ และไม่ใช่ลูกที่พ่อภูมิใจ เธอบอกว่าเธอเติบโตมาอย่างอ้างว้างเดียวดาย และรู้สึกตนเองมีปมด้อย มีบาดแผล ที่ต้องได้รับการเยียวยา แต่เธอก็ไม่คิดว่าจะต้องถึงขนาดไปพบจิตแพทย์ เธอเพียงอยากสร้างครอบครัวที่อบอุ่น แต่คำว่าอบอุ่นในความหมายของเธอ ขอบเขตหรือเนื้อหามันอยู่ที่ตรงไหน...”
ในขณะที่ “ธารา” นั้นเติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่นใกล้ชิดกัน พ่อและแม่พร้อมจะยืนหยัดเพื่อปกป้องดูแลลูก ๆ ให้โอกาสที่ดี ให้การรับฟังและยอมรับการตัดสินใจของลูกทั้งสอง พี่สาวของเขาเป็นผู้หญิงเก่งเฉลียวฉลาด มีน้ำใจไมตรี มีวาจาที่สุภาพ พร้อมจะให้ความร่วมมือช่วยเหลือทุกอย่างที่น้องชายขอร้อง หรือแม้ไม่ได้ร้องขอ พี่สาวก็จะช่วยจัดการซื้อหามาให้ ถ้ารู้ว่าน้องต้องการอะไร ในกรณีของบ้านที่พ่อแม่สร้างให้ใหม่ พี่สาวช่วยซื้อหาข้าวของที่จำเป็นเข้าบ้าน หรือคอยดูแลช่างที่มาตกแต่ง แต่แฟนสาวของ “ธารา” กลับทำหน้าไม่พอใจ และกล่าวว่าพี่สาวของเขาก้าวก่ายจุ้นจ้านเกินไปในเรื่องส่วนตัวของเธอ
เช่นเดียวกับพ่อแม่ของเขา ภาพที่พ่อแม่หญิงชายวัยกลางคน พยายามจะพูดจาเอาอกเอาใจแฟนสาวของเขา เพราะความรักห่วงใยลูกและเพื่อนหญิง เธอกลับบอกเขาว่า พ่อแม่เธอวุ่นวายกับลูกมากเกินไป ครั้นพ่อแม่พยายามระมัดระวังคำพูด ไม่พูดมาก แฟนสาวก็บอกว่า พ่อแม่ของเขาไม่ชอบเธอ มีอคติคอยจับผิดเหมือนไม่ต้องการจะต้อนรับเธอเป็นครอบครัว การกระทำและคำพูดของเธอทำให้ทุกคนเครียด สับสน วางตัวไม่ถูกว่าจะทำอย่างไรให้เธอพอใจ
“ธารา” บอกว่า เขาไม่ได้เข้าข้างพ่อแม่ แต่ทุกสิ่งที่แลเห็นคือเพื่อนสาวสนใจแต่ตัวเธอเอง ดูเหมือนเธอไม่ได้พยายามจะทำตัวให้เข้าได้กับใคร แต่เธอต้องการให้ทุกคนเป็นหรือเข้าให้ได้กับเธอ ในขณะที่เธอบอกว่าเธอต้องการมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่พฤติกรรมของเธอดูจะทำให้ทุกคนต้องการจะถอยห่างออกไป พ่อแม่และพี่สาวมีอาการเครียด เกร็ง ระมัดระวังที่จะพูดเรื่องอะไร หรือเรื่องของใครต่อหน้าเธอ ดูทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม
ในความรู้สึกของ “ธารา” เขายอมรับว่ารักเธอ และไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนใจเปลี่ยนคนแต่งงานเป็นคนอื่นนอกจากเธอ แต่เขามองว่า “ดูเหมือนเราทั้งสองคนจะยังไม่พร้อมจะใช้ชีวิตคู่นะ!” คำพูดของเขาทำให้เธอโกรธ เสียใจและน้อยใจ เธอต่อว่าเขาว่า “คุณไม่เข้าใจหรือว่า ฉันอยากแต่งงานให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้ออกจากบ้าน จากครอบครัวนั่น มาสร้างครอบครัวเอง หากฉันไม่แต่งงาน พ่อคงไม่ยอมให้ออกมาอยู่ข้างนอกตามลำพัง ที่สำคัญคุณไม่เห็นหรือว่า การที่ฉันจะมาแต่งงานกับคุณนั้น ฉันต้องเสียสละตำแหน่งและอาชีพของฉันที่อียิปต์ ฉันยอมทิ้งโอกาสนั้นก็เพื่อคุณนะ!”
คำพูดของแฟนสาวทำให้ “ธารา” อึ้งไป ในความรู้สึกของเขาขณะนั้นหรือก่อนหน้านั้น ที่เธอยกเอาประเด็นการสูญเสียโอกาสของเธอมาพูด มันทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่า เธอต้องเสียสละสิ่งสำคัญหลายอย่างในชีวิตเพื่อเขา เธอกำลังชี้ให้เขาตระหนักว่าเธอมีบุญคุณกับเขา หรือในอีกความหมายหนึ่งคือ เขาโชคดีที่เธอตัดสินใจจะแต่งงานด้วย ครั้นเขาสรุปว่า เพื่อไม่ให้เธอต้องสูญเสียโอกาสในการทำงานที่ต่างประเทศ ทั้งสองคนก็น่าจะเลื่อนการแต่งงานออกไป เธอจะได้มีโอกาสทำอย่างที่เธอชอบและต้องการ คือทำธุรกิจของพ่อที่อียิปต์ ส่วนเขาก็ทำงานของตัวต่อไป พร้อมเมื่อไรก็แต่งงานได้ทันที เพราะเราไม่มีปัญหาจะต้องกังวลเรื่องการสร้างฐานะ เพียงอยากทำในสิ่งที่ตนเองชอบและอยากทำอย่างที่ฝัน หลังจากนั้นเราก็มาช่วยกันสร้างครอบครัวต่อไป อายุเรายังไม่มาก ยังมีโอกาสจะทำอย่างที่อยากทำ ก่อนจะสร้างครอบครัว
เธอทำท่าเหมือนจะกรี๊ดใส่เขา แล้วก็เปลี่ยนเป็นนั่งซึมน้ำตาคลอ ก่อนจะพูดว่า “คุณไม่เข้าใจฉัน ฉันมาจากครอบครัวที่แตกแยก แต่ก็เหมือนกับถูกกักขังด้วยวัฒนธรรมประเพณีและความเชื่อ ทางเดียวที่ฉันจะออกไปสร้างชีวิตใหม่ ครอบครัวใหม่ ให้แก่ตนเอง ก็ด้วยการแต่งงานออกไปอย่างเป็นทางการ และฉันก็อยากจะออกไปให้เร็วที่สุด เพราะฉันรักคุณและต้องการจะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่อบอุ่นของคุณ!”
“ธารา” ตอบกลับไปอย่างไตร่ตรองว่า “หมายความว่า การแต่งงานคือใบผ่านประตูสู่อิสรภาพของคุณ เรื่องนั้นคงไม่เป็นปัญหา แต่คุณคาดหวังอะไรจากครอบครัวผมบ้างล่ะ เพราะที่ผ่านมา พ่อแม่และพี่สาวผมก็พยายามเอาใจใส่ ดูแลคุณเหมือนที่ทำกับผม แต่คุณก็ไม่พอใจ ใช่..ท่านอาจจะดูห่วงใยมากไป ใส่ใจเกินไป แต่ก็เพราะความรักลูก ท่านพร้อมจะเปิดใจกว้างให้คุณเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ท่านปฏิบัติต่อคุณเหมือนที่ทำกับผม หากมีอะไรที่มากเกินไปและคุณรู้สึกเหมือนไม่ชอบไม่พอใจ ก็ต้องอดทนหรือบอกท่านอย่างสุภาพตรง ๆ ท่านก็คงพร้อมจะปรับตัว เช่นเดียวกับที่ผมอยากให้คุณปรับตัวให้เข้ากับพ่อแม่และพี่สาวผมด้วย เพราะทุกคนเป็นคนดี และทุกอย่างที่ทำไปก็เพราะรักและหวังดีกับคุณและผมเท่านั้นเอง!”
“ธารา” รู้ว่าที่ผ่านมาเพราะความรักเธอ ทำให้เขามองข้ามพฤติกรรม คำพูดและทัศนคติทางลบของเธอที่มีต่อคนรอบข้างไป อาจเป็นเพราะบาดแผลเล็ก ๆ จากเรื่องราวในอดีตที่ติดตามมา ซึ่งไม่ได้เป็นอุปสรรคในความรักของคนทั้งสอง แต่เมื่อมาถึงจุดที่จะต้องก้าวต่อไปเพื่อใช้ชีวิตคู่ บางที...เขาก็เกรงว่า เรื่องเล็ก ๆ เหล่านั้นอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ หากเธอยังไม่ยอมจะก้าวข้ามหรือปลดปล่อยความทุกข์เหล่านั้นไปเสียบ้าง
“ธารา” บอกว่า สาเหตุที่เขามาปรึกษานักจิตวิทยาเพราะรู้สึกสับสน และไม่แน่ใจว่าควรจะโต้ตอบหรือปฏิบัติตัวอย่างไรกับเธอ จากที่เธอพูดถึงความคาดหวังจากครอบครัวของเขา ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนกับว่า ทุกอย่างที่ขาดหายไปจากชีวิตในครอบครัวของเธอ สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกพ่ายแพ้ ต้องทุกข์โศกและไม่มีความสุขนั้น เธอคาดหวังว่า ทั้งธาราและครอบครัวของเขา จะต้องทำหน้าที่ชดเชย หรือนำความสุขเหล่านั้น คืนกลับมาให้เธอให้คุ้ม หรือเท่ากับที่เธอได้สละโอกาส และตำแหน่งหน้าที่ในธุรกิจที่ต่างประเทศมาเพื่อแต่งงาน
“ธารา” บอกว่า หลายครั้งที่เขาอยู่ตามลำพัง และพยายามมองย้อนกลับไปพิจารณาถึงความสัมพันธ์ คำพูด และพฤติกรรมระหว่างเธอและเขา รู้สึกเครียด อึดอัด และหนักหน่วงในจิตใจเหมือนตนเองถูกกล่าวหาว่ามีความผิด ที่เกิดมามีชีวิตครอบครัวอบอุ่นเช่นนี้ ในขณะที่เธอไม่มี และเขาจะต้องแบ่งปันและแบกภาระที่หนักหน่วงของเธอเอาไว้ด้วย และนานไปภาระเหล่านี้ อาจจะตกไปเป็นภาระของพ่อแม่และพี่สาวเขาด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ที่ผ่านมาเขาเคยได้ยินเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างแม่ผัวและลูกสะใภ้ แม่ผัวไม่ชอบลูกสะใภ้ มีอคติกับลูกสะใภ้ เพราะหวงลูกชาย แต่กรณีของเขาเหมือนจะตรงกันข้าม และดูจะซับซ้อนสับสนมากกว่า ลำพังตัวเขาเอง “ธารา” เชื่อว่าเขาพอจะรับมือกับเรื่องนี้ได้ และดูเหมือนเธอจะยิ่งพอใจ หากพ่อแม่และพี่สาวของเขาจะไม่อยู่ในสายตาของเขา แต่หากขาดพ่อแม่และพี่สาวเสียแล้ว สำหรับเขา จะเรียกว่านี่คือ “ครอบครัว” ได้อย่างไร?