มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ

ครอบครัว....ความรัก....และความรุนแรง (ตอน) เคยทำแท้ง

15 ธันวาคม 2563
ครอบครัว....ความรัก....และความรุนแรง (ตอน) เคยทำแท้ง

“ตอนอายุ 17 ปี ดิฉันเคยทำแท้ง เรื่องมีอยู่ว่าดิฉันกับเพื่อนไปเที่ยว แล้วรู้จักผู้ชายสองคน พอคุยสนิทกันเขาก็ชวนเราขับรถไปเที่ยวต่อ ไปดูพระอาทิตย์ที่พัทยา เราก็หลงเชื่อ แต่เขาพาเข้าโรงแรมม่านรูด สงสัยตนเองว่าทำไมไม่ร้องโวยวาย ดิฉันแยกไปกับผู้ชายรุ่นอา เรามีอะไรกันทั้งที่ไม่เคยคิด แต่ทำไมยอมก็ไม่รู้  มารู้ตนเองก็ท้องห้าเดือนแล้ว โทรหาก็ให้คนอื่นรับ ไม่ติดต่อกลับ เลยไม่รู้จะทำอย่างไรก็ไปหายาย ยายคงไปบอกพ่อแม่  พ่อและแม่มาที่หอพัก ไม่ซักถามสักคำ  พาดิฉันไปทำแท้งเลย พอเรื่องเสร็จก็มาเรียนต่อ  ถึงวันนี้พอดิฉันมีครอบครัว  ก็นึกย้อนไปว่า ณ เวลานั้นทำไมไม่เก็บเด็กไว้ ทำบาปทำไม ดิฉันนึกถึงลูกที่ดิฉันทำแท้งไป ถ้าวันนั้นมีสติหน่อยจะไม่ยอมไปทำแท้งแน่

ทุกวันนี้จิตใจก็ไม่เป็นสุข ชอบคิดย้อนอดีตค่ะว่า ทำไมเราถึงยอมมีอะไรด้วย ทั้งที่เจอกันครั้งแรก และเราเกิดความรักเขาขึ้นมาจริง ๆ ทั้งที่เขาแก่กว่าเรามาก  หลังจากนั้นทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์กันเสร็จ  เขาก็ให้กินยาคุมฉุกเฉินทุกครั้ง และก็ให้เงินไว้เล็ก ๆ น้อย ๆ  เรารู้สึกรักเขาจริง ๆ แต่เขาคงคิดว่าเราเป็นเด็กใจแตก ขายบริการ มารู้ที่หลังว่าผู้ชายเป็นนักเที่ยว นอนกับผู้หญิงไปทั่ว จนทำผู้หญิงท้อง ต้องไปแต่งงาน

แต่ตอนนี้ดิฉันมีชีวิตที่ดี มีครอบครัวที่น่ารัก สวดมนต์ นั่งสมาธิ แผ่เมตตาให้ลูกเสมอ สอนลูกว่าถ้าท้องอย่าทำแท้งเด็ดขาด มาบอกพ่อแม่ จะได้ให้พักเรียน คลอดก่อนแล้วไปเรียนต่อ เด็กสมัยนี้กลัวการบอกความจริง จัดการกันเอง รบกวนอาจารย์ช่วยวิเคราะห์ได้ไหมคะ ทำไมต้องเกิดมาเจอผู้ชายคนนี้ แล้วต้องมาสร้างกรรมทำแท้งทั้งที่ไม่เคยคิดทำ สงสารพ่อแม่ที่ต้องทำบาปไปด้วย ดิฉันบอกให้พ่อแม่สวดมนต์ นั่งสมาธิ เพราะท่านแก่มากแล้วจะได้ไม่ตกนรก แต่ไม่เอ่ยเรื่องอดีตเลยเพราะกลัวท่านคิดมากค่ะ”

 

เริ่มต้นที่ตัวเรา  เมื่อยังเยาว์วัย หัวใจของเด็กสาวอ่อนไหวใสซื่อ  ทุกอย่างทุกเรื่องดูจริงจังไปทั้งหมด  เมื่อเจอคนถูกใจก็คิดไปว่าเขาคงจะดี คงจะรักเราหรืออยากให้เขารัก แล้วเราก็ทุ่มใจทอดกายให้เขามีความสุข  กว่าจะรู้ตัวก็พบว่าความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น และที่แย่กว่านั้นก็คือเราตั้งครรภ์ทั้งที่ยังไม่พร้อม สำหรับเรานั่นอาจเป็น “รักแรก”  แต่สำหรับเขาอาจมองว่าเราเป็นเด็กสาวใจแตกที่อยากได้เงินใช้ แล้วก็มาขายบริการ  ทุกครั้งที่พบกันเขาจึงพาเข้าโรงแรม  เสร็จกิจก็ให้เงินนิดหน่อยแล้วก็ผ่านไป แต่เราไม่ได้เป็นเช่นนั้น จึงเป็นความเจ็บปวดที่ไม่มีใครจะช่วยเช็ดน้ำตาให้ได้ โดยเฉพาะเมื่อไม่รู้จะจัดการกับตนเองและเด็กในครรภ์อย่างไร ไม่มีที่ปรึกษา  ไม่มีทางออกให้เลือก พ่อแม่อยู่ไกล ส่งมาเรียนด้วยหวังให้เราประสบความสำเร็จ เรียนจบสูงมีงานทำ  สามารถดูแลตนเองได้  แต่วันนี้เหมือนทางตันไปหมด

ทางเดียวที่คิดออกคือ  นำเรื่องการตั้งครรภ์ไปบอกยายเพื่อระบายความทุกข์  แน่นอน...หายากที่เพื่อน ๆ หรือคนทั่วไปจะเข้าใจ และไม่มีใครที่พอจะช่วยได้ ตนเองก็เด็กเกินกว่าจะตัดสินใจทำอะไรได้   หลังจากนั้นพ่อและแม่เดินทางมาถึงหอพักและพาเธอไปที่คลินิกทำแท้ง  ไม่มีการดุว่าหรือกล่าวหา  ทุกอย่างที่จะเป็นปัญหาและภาระยุติลงอย่างเงียบ ๆ เธอกลับเข้าเดินบนเส้นทางสู่อนาคตและความสำเร็จตามที่เธอและครอบครัวคาดหวัง  คงทิ้งไว้แต่ความทรงจำ  และข้อกังขาให้เด็กสาวต้องครุ่นคิด  และเหลียวกลับมามองหาคำตอบด้วยตนเอง ว่าผู้ชายคนนั้นคิดอย่างไรกับเธอ  และอาจเพราะเขาเป็นรักแรกของเธอ  เธอจึงอยากจะได้ความรู้สึกดี  ๆ จากเขาบ้าง

สิ่งที่รบกวนจิตใจทำให้เธอไม่มีความสุข ส่วนหนึ่งคือความรู้สึกผิดหวัง เสียใจต่อการกระทำของตนเอง  ที่ยอมปล่อยตัวให้แก่ผู้ชายคนนั้น จนทำให้เขาคิดและปฏิบัติต่อเธออย่างไร้ค่า และมันทำให้เธอรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่าไปด้วยเช่นกัน  แต่ด้วยวัยเพียง 17 ปี ในขณะที่เขาอายุสูงกว่ามาก  เหมือนลูกแกะตัวน้อยกับหมาป่าเจ้าเล่ห์ ย่อมยากจะรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยม ทั้งที่ในความจริง  ผู้ชายคนนั้นควรมีคุณธรรมพอจะไม่เอาเปรียบ เบียดเบียนทางเพศจากเด็กสาวคนนี้ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะคิดเสียดายชายคนนั้น ตรงกันข้ามควรรู้สึกดีใจและขอบคุณพ่อแม่ที่ดึงออกมาจากการที่ได้ชื่อว่าเป็น “เหยื่อกามารมณ์” ของเขา ที่สำคัญหากคิดว่าเขาเป็น “รักแรก” ที่ฝังใจตลอดหลายปีที่ผ่านมา ก็ต้องถามตนเองว่า เขามีดีอะไรตรงไหนบ้างที่ทำให้เรารักเขา ความรู้สึกที่เกิดขึ้น เป็นเพียงแค่ความอ่อนไหวในหัวใจของวัยรุ่นหญิงชายที่เกิดขึ้นเป็นปกติ ผ่านมาแล้วผ่านไป  ถ้าไม่เจอเขา  ก็อาจได้เจอเพื่อนชายที่ดีกว่านี้  โดยเฉพาะขณะนี้ก็ได้เจอแล้ว  ผู้ชายที่ร่วมสร้างครอบครัวที่ดี จนมีลูกสาวน่ารัก  เวลาที่เคยให้กับการคิดถึงชายคนนั้น  นับวันจะหมดไปอย่างเปล่าประโยชน์ หากรู้สึกผิดก็คงต้องเรียนรู้จักการให้อภัยตนเอง และปล่อยเขาไปจากความทรงจำ เพราะเราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะทำผิดและเลือกที่จะไม่หวนกลับไปทำผิดอีก

ขณะเดียวกันดูเหมือนเธอรวมทั้งพ่อและแม่  จะยังไม่ได้เปิดบาดแผลของความบาดเจ็บ ความเศร้าโศกเสียใจ ที่พ่อแม่ต้องตัดใจเด็ดขาดในการจัดการเด็กในครรภ์   เพื่อปกป้องลูกสาวคนนี้ไว้ให้ได้  นั่นคือที่ผ่านมา  ต่างฝ่ายต่างเกรงอีกฝ่ายจะสะเทือนใจ  จึงต่างยังไม่ได้บอกถึงความรู้สึกของตน จึงเหมือนต่างฝ่ายอาจจะยังมีเรื่องติดค้างในใจ ที่ทำให้ไม่สามารถจะก้าวข้ามไปได้  โดยเฉพาะคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อแม่

ทั้งที่ผ่านมา เคยห้ามปรามตักเตือนมาตลอด  แต่เมื่อรู้ว่าลูกพลาดไปแล้ว ก็คิดจะแก้ไขป้องกันไม่ให้ลูกต้องเสียใจมากไปกว่านี้  แม้จะทุกข์ทรมานใจมากขนาดไหน   ความทุกข์ของพ่อแม่คือ กลัวว่าลูกจะเรียนไม่จบ โรงเรียนจะไล่ออก จะต้องอับอายเพื่อน ๆ กลัวว่าลูกจะลำบาก ช่วยตนเองไม่ได้ จะต้องแบกรับภาระทั้งที่ยังเด็ก ขณะเดียวกันมโนธรรมก็ย้ำเตือนว่า การกระทำเช่นนั้นเป็นบาปและไม่ควรจะกระทำ แต่เพื่อป้องกันความทุกข์ยากและปัญหาที่จะตามมา ซึ่งยากเกินกว่าครอบครัวในขณะนั้นจะแบกรับ   พ่อแม่จึงได้พาลูกไปเอาเด็กในครรภ์ออก ทั้งที่หัวอกแม่ไม่อยากจะทำเช่นนั้น  นั่นเพราะสมัยก่อนหรือเมื่อหลายปีก่อน ทางเลือกสำหรับเด็กสาวที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อมมีไม่มาก พ่อแม่คิดว่าได้ตัดสินใจเลือกทางออกที่ดีที่สุดสำหรับลูก และถึงจะเป็นบาป  ท่านก็พร้อมจะรับบาปนั้นไว้เพื่อลูก  จึงทำให้คุณได้มีโอกาสมีชีวิตครอบครัวที่ดีมีความสุขเช่นทุกวันนี้

เพราะฉะนั้นเมื่อเธอมีความสุขกับปัจจุบัน ก็จงใช้ชีวิตด้วยความพึงพอใจ ไม่จำเป็นต้องกังขาหรือหาคำตอบว่า เพราะอะไร  ทำไม จึงต้องมาเจอชายคนนี้  จนต้องสร้างกรรมทำแท้ง  เมื่อคิดว่าเป็นกรรม ก็ขอให้เลือกทำแต่กรรมดีต่อไป ส่วนอดีตที่ผ่านมาแล้ว  แม้ยากที่จะลืม แต่ก็ไม่อยากให้หันกลับไปมองและเก็บความรู้สึกเสียใจ ความรู้สึกผิด  หรือโกรธเกลียดตนเองเอาไว้  ทุกคนทั้งพ่อแม่และเธอเอง ก็ได้พยายามทำในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดแล้ว ในสถานการณ์ขณะนั้น  ถึงไม่ชอบก็ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้   ควรหันมาดูแลปกป้องลูก ๆ ของเราในปัจจุบันด้วยความเข้าใจ และรับฟังความคิด ความรู้สึก ความต้องการของลูกให้มากที่สุด  ขณะเดียวกัน พ่อแม่ก็ต้องอธิบายและบอกให้ลูกได้รับรู้ถึงความห่วงใยที่พ่อแม่มีต่อลูก หากเกิดเรื่องอะไรที่ไม่เหมาะสมก็ต้องช่วยกันคิดหาทางออกอย่างเป็นเหตุเป็นผล ปัจจุบันเราสามารถหาทางออกให้ปัญหาได้มากกว่าในอดีต  เพียงระวังอย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย


กลับด้านบน