สวัสดีครับ ผมอายุ 27 ปี ทำงานในบริษัทแห่งหนึ่งมา 5 ปีแล้วครับ ตั้งแต่เรียนจบมาก็ทำที่นี่มาตลอด แรกๆก็มีพลังกาย พลังใจ ทำอะไรด้วยความตั้งใจ มุ่งมั่นมาโดยตลอด จนได้เลื่อนตำแหน่ง ได้ทุนเรียนต่อ แต่ ณ วันนี้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายคร้บ เพื่อนร่วมงานที่สนิทๆทยอยกันลาออก หัวหน้างานที่คอยให่คำปรึกษามาโดยตลอดก็ลาออก ใจมันหดหู่ครับ เหมือนจะไปต่อไม่ไหว นอนก็ไม่ค่อยหลับ พะวงกังวลอยู่ตลอด พยายามฟังธรรมมะ ฝึกปฏิบัติ ก็ไม่ดีขึ้น ทำไมช่วงเวลาหนึ่งมันถึงมีพลังมากมาย แต่ ณ วันนี้ พลังมันหายไปไหนหมด ทำอย่างไรจะเอาพลังเหล่านั้นกลับมา ผมเคยมีความสุขกับงาน มีความคิดด้านบวกกับทุกสิ่ง ยังจดจำความรู้สึกเหล่านั้นได้ แต่ตอนนี้ร่างกายและจิตใจมันอ่อนล้า อ่อนแรง เหลือเกินครับ อาการเหล่านี้กระทบทำให้ผมทำอะไรด้วยความไม่ตั้งใจ ทำพอให้มันผ่านไป ยิ่งทำให้รู้สึกเกลียดตัวเองไปอีกครับ
คุณกล้า จากวันที่คุณเขียนจดหมายฉบับนี้ ถึงวันนี้ รู้สึกตัวเองมีความเปลี่ยนแปลงความคิด ความรู้สึกสดชื่นมีความสุขขึ้นบ้างหรือไม่ โดยปกติคนที่รักการทำงาน หรือรักอาชีพใดอาชีพหนึ่ง ความสุขมันจะอยู่ตรงนั้น ตรงที่ได้จับต้อง พูดถึง รู้เร่ืองราวเกี่ยวกับส่ิงนั้น มันทำให้รู้สึดกระตือรือล้นมีชีวิตชีวา ถึงหาดจะมีบ้างที่รู้สึกเบ่ือ เหน่ือยเพลียไม่มีแรง ไม่อยากสนไม่อยากทำ ก็จะเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่นาน ซึ่งอาจจะเกิดจากความไม่สบายกายไม่สบายใจ พอเวลาผ่านไป หายไข้กายใจ ความสุขกระตือรือล้นก็จะกลับคืนมาเหมือนเดิม นั่นคือคนที่รักงานนั้นหรือชอบงานนั้นจริง ๆ อยากให้ลองพิจารณา ก้มลงถามตัวเองซิว่า เราชอบงานท่ีกำลังทำอยู่จริิิง ๆ หรือไม่ ตรงไหนที่ทำให้เราชอบ เช่น เป็นงานที่ท้าทาย เป็นงานที่มีความรับผิดชอบสูง เป็นงานที่รายได้สูง เป็นงานยากสำหรับคนส่วนใหญ่ ฯลฯ มันเป็นเพราะงาน เน้ืองาน หรือเพราะเงินที่ทำให้เราชอบงานนนี้ หรือที่ผ่านมาเราไม่มีทางเลือกอ่ืน ได้งานนี้มาก็ดีใจที่ได้ทำ ทำมาสามสี่ปีแล้ว ถึงตอนนี้มันอาจกลายเป็นงานที่ง่ายไป ไม่ท้าทายอีก่อไป ทำให้เบ่ือเซ็ง ยิ่งไม่มีคู่แข่ง เพราะคนอ่ืน ๆ เบ่ือลาออกไปพลอยทำให้เราเซ็งไปด้วย มันอาจจะถึงเวลาที่คุณต้องตรวจสอบความรู้สึกนึกคิด ความต้องการความเปลี่ยนแปง เพ่ือจะได้รู้จักตัวเอง ดีย่ิงขึ้น เป็นเร่ืองงปกติี่เกิดขึ้นกับคนมากมาย ทำงานเพลินไปสักระยะหนึ่ง ก้มลงมองตัววเองอีกที รู้สึกเหมือน ตัวเรา/คนที่เราเคยรู้จักมันหายไป เราก็ต้องค้นหาหากสถานการ ปัจจุบันทำให้คุณรู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวเรา คนที่เราเคยคุ้นเคยอีกต่อไป และเรารู้สึกถวิลหาคนที่เราเคยคุ้นเคยคนนั้น อยากเป็นอย่างเดิมหรือคนเดิม เราก็รู้ว่าอะไรทำให้เราเปล่ียนไป ไม่ใช่เร่ืองผิดปกติที่คุณจะชอบตัวเดิมของคุณเอง และไมใช่เร่ืองแปลกที่คนมากมายก็พอใจที่จะเห็นตัวเองเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เพราะ ความเปลี่ยนแปลงหมาย ถึงการเจริญเติบโต หรือจริงๆ แล้วเราอาจยังไม่อยากโต ไม่อยากเปลี่ยนไปจากเดิม และจะเพราะอะไรหรือต้องการอย่างไร เริ่มแรก คือค้นหาตัวตนของตัวเองให้เจอ เราเป็นคนอย่างไร ต้องการอะไรในชีวิต อะไรทำให้เรามายืนตรงจุดนี้ จุดอ่อนจุดแข็งของเราคืออะไร และเราต้องการจะเดินต่อไปในเส้นทางไหน แล้วเปรียบกับส่ิงที่เราอยากเป็นอยากทำ เมือคุณหาตัวเองเจอ คุณก็จะตอบคำถามที่เกิดขึ้นของความทุกข์ หรือความสุขที่เรากำลังเผชิญอยู่้ เพ่ือจะได้้ตัดสินใจว่่าจะพาตัวเองให้ก้้าวต่อไปได้ทางไหนและอย่างไร ที่จะทำให้คุณทุกข์น้อยที่สุด คุณเป็นคนฉลาดเคยเติมไปด้วยพลังและความฝัน ตอนนี้ทุกอย่างก็ยังอยู่ในใจในความคิด และในตัวคุณ ค้นหาให้เจอแล้วก้าวเดินต่อไปอย่างกล้าหาญ ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับคนอืน เพราะแต่ละคนมีเส้นทางที่ไม่เหมือนัน ขอให้โชคดี
รักงานที่ทำครับ เคยมีความสุขกับมันมากๆ แต่ตอนนี้มันเหมือนกำลังเดินอยู่คนเดียว หัวหน้าที่เคยให้คำปรึกษา ดูแลมาตลอด ไม่อยู่แล้ว ผมคิดถึงท่่าน ท่านคอยช่วยเหลือทุกอย่าง ทุกเรื่อง ตอนนี้ต้องแก้ปัญหาอยู่คนเดียว กำลังเราก็น้อย เพราะเป็นเด็ก เหมือนหันหน้าหาใครก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือ
คุณกล้าบอกว่ารักงานที่ทำ และทำอย่างต่อเนื่องมา 5 ปีแล้ว และปัจจุบันคุณอายุเพียง 27 ปี เพราะฉะน้้นการทำงานประเภทเดียวกันอย่าง่อเน่ืองมาตลอด ถึงจะรักและชอบงาน แต่ก็เกิดอาการเบ่ือ เซ็ง เหนื่อยหน่ายกับความจำเจได้เช่นกัน ถามว่า ตลอด 5 ปีที่ทำงานด้วยความตั้งใจ ได้รับการส่งเสริมสับสนหรือได้รับรางวัลโดตรงจากนายจ้างหรือหัวหน้าหรือไม่ หรือหากไม่ได้ คุณกล้ามีการจัดเก็บเงินส่วนหนึ่งไว้สำหรับนำไปใช้จ่ายเพ่ือเพิ่มกำลังใจให้ตนเองเหมือนการให้รางวัลตนเอง โดยไม่ต้องรบกวนใคร โดยเฉพาะในช่วงหยุดพักร้อนตามสิทธิ์ที่บริษัทจัดเตรียมไวใ้ห้ คุณได้ทำอะไรให้ตัวเองบ้าง ถ้ายังไม่เคยทำ ก็ลองคิดพิจารณาเพ่ือให้กำลังใจตนเองด้วบ้างจะได้เบื่อน้อยลง ที่สำคัญคุณบอกว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา หัวหน้าเคยดูแลให้ความใส่ใจ ให้การปรึกษแนะนำกับคุณ ได้ออกหรือย้ายไปแล้ว ทำให้คุณรู้สึกเงียบเหงาเพราะคิดดึงหัวหน้าคนน้้้น ซึ่งการพล้ดพรากจากกันกับใครๆ ก็ตาม เป็นเร่ืองปกติ ซึ่งคุณจะต้องทำใจยอมรับความจริง ไม่ว่าจะรักชอบเขาหรือไม่วันหนึ่งก็ต้องแยกกันไป ที่สำคัญคุณได้รับคำแนะนำจากอดีตหัวหน้ามาหลายปี ถึงวันนี้อาจถึงเวลาที่คุณจะต้องฝึกการแก้ไขปัญหาให้ได็ด้วยตนเอง อย่าหวังเพียงพึ่งพาคำแนะนำจากผู้อ่ืน แม้คุณจะคิดว่า ตัวเองยังเป็นเด็ก กำลังน้อย ประสบการณ์ไม่มากพอ แต่คุณจะต้องเจริญเติบโตต่อไป การเปลี่ยนแปลงจึงเป็นสัญญานของการเจริญเติบโตที่ทุกคนต้องเผชิญ ในทุก ๆช่วงของชีวิต และเรียนรู้ที่จะทำใจยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น นอกจากนั้นตรวจสอบ พิจารณาผลงานทั้งด้านผลผลิต และคุณภาพว่ายังต้องมีการพัฒนาอีกมากน้อยแต่ไหน หากทุกอย่างอยู่ภายใตัการควบคุมของคุณในฐานะผู้ททำหน้าที่รับผิดชอบอย่างดีแล้ว ก้าวต่อไปคุณอยากทำอะไรต่อไป และเป้าหมายท่ียิ่งใหญ่ของคุณคืออะไร คุณจะก้าวต่อไปอย่างไร ลองไตรตรองดูนะ