มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ
ชอบวิตกกังวล

สวัสดีค่ะอาจารย์ หนูชอบวิตกกังวลเเละคิดมากในหลายๆๆเรื่องด้วย คือ สิ่งที่หนูทำความผิดในครั้งแรกเเละเรื่องที่เกี่ยวกับการเเต่งกายจะกังวลมากจนศูนย์เสียความเป็นตัวของตัวเอง เเละจะคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนั้น เช่น วันนี้ หนูใส่กระโปรงยาว บาง ถ้าไม่มีซับในติดกระโปรง จะเห็นกางเกงในชัดเจน พอหนูกลับมาถึงบ้าน หนูก็จะคิดว่า เวลาเข้าห้องน้ำ เเล้วซับในที่ติดกระโปรง มันจะเข้าไปในกางเกงในไหม (ถ้าซับในที่ติดกระโปรงเข้าไปในกางเกงใน จะเห็นกางเกงในชัดเจน) แล้วถ้ามันเข้าไป เเล้ว เพื่อนร่วมงานเห็น คนเดินผ่านไปผ่านมาเห็น มันจะน่าเกียจเเน่ๆๆ มันไม่ควรที่จะเกิดเหตุการแบบนี้ ทำไมเราไม่รอบคอบ เเล้วเราจะมองหน้าคนได้ยังไง เรารู้สึกอายมากถึงมากที่สุด หนูคิดเเบบนี้หลายครั้ง ซ้ำไปซ้ำมาจนปวดหัวค่ะ หนูเคยกระโปรงเข้ากางเกงใน เเล้วคนทั้งโรงเรียนเห็น หนูรู้สึกเครียดเเละอายมาก แม้ว่าเหตุการนี้จะผ่านมานานเเล้ว เวลาว่างๆเหตุการณ์นี้ก็จะเข้ามาในหัว ซึ่งหนูไม่ชอบเลยค่ะ หนูเป็นคนที่ทำงานช้า เเต่รอบคอบค่ะ หนูกลัวความผิดพลาด เลยจะทำงานช้ากว่าคนอื่น ซึ่งงานหนูม้วนเดียวจบ เเต่เพื่อนร่วมงานนินทาว่าหนูผ่านโปรเเล้วยังทำงานไม่เป็น หนูรู้สึกแย่เเละไม่ชอบเขาค่ะ ขณะเขาทำงานมา20ปียังผิดพลาดได้เลย หนูคิดถึงแต่สิ่งไม่ดีของเขาค่ะ คิดวนไปเวียนมา หนูกังวลเเละคิดมากกับทุกเรื่องที่เข้ามาในชีวิต หนูไม่กล้าไว้ใจเพื่อนร่วมงานค่ะ เพราะกลัวว่าจะเอาไปนินทา หนูกังวลว่าหนูพูดผิดเเล้วคนไม่ชอบ หนูควรทำอย่างไรดีคะ ขอบคุณค่ะ

พิมพ์
5 มีนาคม 2562 00:02

หนูพิมพ์สังเกตุหรือเปล่าว่า ทุกวันนี้มีเร่ืองราวที่ฟังดูหรือรู้เห็นแล้วทำให้ผู้คนฉงนสงสัยสับสนวุ่นวายไปหมด พิจารณาอย่างเผินๆ คงอยู่ในช่วงความเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อม สังคม ภายใต้อิทธิพลของส่ือที่ยังไม่ัชัดเจนในจุดยืนของตนเอง แต่มีบทบาทและอิทธิพลอยู่รอบตัวผู้คนในสังคม โดยเฉพาะวัยรุ่นที่ดูเหมือนจะไม่พยายามจะเช่ือใคร ไม่เช่ือแม้กระทั่งตนเอง ซึ่งสังเกตุจากท่ีหนูพิมพ์เล่าไป อาจารย์รู้สึกเหมือนหนูขาดสมาธิ และสับสนมาก ดูเหมือนหนูจะปล่อยให้เร่ืองเก่าเร่ืองใหม่ว่อนเข้ามาป่วนความคิดของหนู จนเหมือนจะกลายเป็นความพยายาม ที่จะ ย้ำคิดย้ำทำ ซ้ำซาก กำจัดออกไปไม่ได้ เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า ซึ่งที่จะพูดต่อไป หนูคงเคยได้ยินพ่อแม่ครูอาจารย์และผู้ใหญ่หรือเพ่ือน ๆ พูดกันเสมอมาก่อนแล้วว่า ขึ่นช่ือว่าคน-มนุษย์นั้นมีความเป็นปุถุชน คือทุกคนเมหือนกันไม่มีใครวิเศษกว่าใคร ทุกคนมีถูกมีผิด ทำดีบ้างไม่ดีบ้าง สิ่งที่คิดว่าทำดีแล้วก็อาจเป็นความผิดพลาดได้ แต่เม่ือผิดพลาดแล้ว รู้แล้วก็ต้องปรับปรุงแก้ไขให้ถูก หรือยอมรับว่าเร่ืองนั้นไม่ถูกต้อง ไม่ควรทำอีก ยอมรับแล้วก็ปล่อยให้เร่ืองนั้นผ่านไปเพราะเรารู้แล้วว่าถูกผิดอย่างไร ถ้าดีก็ทำต่อไป ไม่ดีก็หยุด หยุดการกระทำและหยุดคิด หรือหากคิดแล้วจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ก็คิดเถอะ แต่หากคิดแล้วซ้ำซาก วนเวียนกลายเป็นความฟุ้งซ่านก็จะส่งผลต่อบุคลิกภาพของตัวเองอาจกลายเป็นคนลอกแหลก ไม่น่ิง ไม่สงบ ขลาดกลัว อ่อนไหว ขาดความมั่นใจในตนเอง ซ่ึงส่ิงแรกที่หนูพิมพ์ต้องคิดให้ได้คือยอมรับว่าด้วยวัยขนาดนี้ ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ และคนส่วนใหญ่ก็จะเข้าใจไม่ถือสาความผิดพลาดของคนวัยนี้ ไม่ต้องไปกังวลมาก ให้อภัยตนเองแล้วก้าวต่อไป ไม่ต้องไปย้ำคิดย้ำทำ ที่สำคัญค้องฝึกตัวเองให้้รู้สึกดี ๆ เกี่ยวกับตัวเอง รู้สึกดี ๆ และคิดว่าเราเป็นเด็กดี สุภาพ มีเมตตา ไม่ได้อิจฉาริษยาใครหรือโกรธแค้นหงุดหงิดง่าย รู้สึกให้อภัยตัวเอง ให้อภัยผู้อ่ืนที่ทำผิดพลาดได้ ไม่ถือสาเอาทุกอย่างมาเป็นอารมณ์ มองคนและตนเองในด้านดีหรือมองหาสิ่งดี ๆ ที่เขาเป็นอยู่มากกว่าจะคิดจับผิดตัวเองและคนอ่ืน เม่ือเรารู้สึกดี ๆ คิดดีได้ เราก็ต้องพูดหรือส่ือทางคำพูดด้วยภาษาสละสลวย สุภาพ นุ่มนวล พยายามฟัังผู้อ่ืนให้มากกว่าที่เราจะพูด ฟังแล้วก็ไต่รตรองแยกแยะถูกผิด ควรไม่ควร ถ้าหากเราจะทักท้องคัดค้านไม่เป็นด้วยก็ต้องพูดอย่าสุภาพ หากคิดว่าเราพูดไปแล้ว เขาอาจไม่ชอบ เราก็อาจตองน่ิงไว้ก่อน รอให้พร้อมแล้วค่อยพูดก็ได้ เม่ือคิดดี พูดดี แล้วเราก็ต้อง ทำดี หรือแสดงออกทางการกระทำที่สุภาพเรียบร้อย นุ่มนวล มีความเป็นเหตุเป็นผล มีความระมัดระวังในการแสดงออก อาจสังเกตุจากการกระทำการแสดงออกจากผู้ใหญ่ครูอาจารย์ที่เราเคารพหรือช่ืนชมก็ได้ ส่ิงที่ต้องจำไว้เสมอคือ การกระทำน้ันส่ิงเสียงดังกว่าคำพูด เม่ือคิดดี พูดดี แล้วก็ต้อง ทำดี ทำแตเร่ืองดี ๆ ด้วยเช่นกัน ที่พูดมาทั้งหมด หนูพิมพ์หรือผู้คนมากมายมักจะท้วงว่าทำยาก ทำไม่ได้ ก็ต้องถามตนเองว่า มันมีวิธีอ่ืนที่จะทำหรือซ้ือหามาให้ได้มากกว่านี้ไหม เม่ืออยากเป็นคนดี คือคิดดี พูดดี ทำดีแล้ว ก็ต้องพยายามฝึกฝนตนเองให้ได้ คนมากมายโชคดีมีพ่่อแม่คนใกล้คอยอบรมสั่งสอน มีความต้องการจะฝึกฝนตนเองมาแต่เล็ก โตขึ้นก็สามารถปรับเปลี่ยนตัวเองได้ง่ายหน่อย แต่หากเราขาดคนใกลั คอยชี้นำที่ผ่านมา และยิ่งด้ือรั้น ก็อาจทำให้การพัฒนาตนเองยากหน่อยนะคะ ลองไตร่ตรองดูนะคะ ส่วนคนที่ผ่านการฝึกฝนทำความเข้าใจมาได้ระดับหนึ่งแล้ว หรืกเคยฝึกธรรมะมาบ้าง การสร้างสมาธิให้ตนเองเป็นคนนิ่งและสงบได้ไว ก็ขอแนะนำการสวดมน์ไหว้พระเช้าเย็น ครั้งละ 10-20 นาที นานไปจิตจะน่ิงขึ้นเอง ผู้ที่อ่านเรืองนีัแล้ว หากถูกจริตในเร่ืองไหนก็ลองเลือกเอาไปฝึกฝนตนเองต่่่่่อไปได้ค่ะ ขอให้มีความสุขทุกคนค่ะ

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
6 มีนาคม 2562 13:58
Post อันดับที่ 1

ตอบกระทู้


กลับด้านบน