มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ
อึดอัดคนข้างห้องชอบหาเรื่อง

สวัสดีค่ะ อยากขอคำปรึกษาอาจารย์เกี่ยวกับเรื่องพฤติกรรมคนข้างห้องค่ะ พอดีหนูมาอยู่ห้องเช่าได้เข้าเดือนที่4แล้วเนื่องจากอยู่ใกล้ที่ทำงานจึงต้องเช่าไว้เพื่ออยู่ระหว่างสัปดาห์ทั้งๆที่บ้านหนูเองอยู่ในกรุงเทพ สภาพห้องเช่าก็พออยู่ได้ไม่ถึงกับดีมาก เป็นห้องไม่มีแอร์มีเตียงและพัดลมให้แต่อากาศถ่ายเทจึงอยู่ได้ แต่ลักษณะเป็นอาคารไม้ปรับปรุงทาสีใหม่ ห้องแต่ล่ะห้องก็จะติดๆๆๆกันเป็นห้องเล็กๆและไม่เก็บเสียงหนูอยู่มา 3 เดือนแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไรนะคะ หนูก็อยู่เงียบๆของหนูไม่ได้สร้างความเดือดร้อนรำคาญอะไรให้ใคร หนูจะกลับเข้ามาแค่ตอนเย็น ที่เลือกเช่าที่นี่ก็เพราะราคาถูกถ้าให้เช่าที่อื่นแพงกว่านี้ก็คงไม่ไหวเพราะค่าน้ำค่าไฟก็ต้องแยกจ่ายต่างหากด้วย แต่ที่นี่ห้องน้ำรวมค่าไฟก็คิดรวมอยู่แล้วเป็นหอสตรีด้วย ปัญหามีอยู่ว่าระหว่างที่อยู่นั้นผู้หญิงวัยกลางคนข้างห้องมักมีพฤติกรรมแปลกๆ เช่น เวลาเราเปิดกระเป๋ามันก็ต้องมีเสียงถูกไหมคะแต่เขาก็จะทุบผนังใส่เราบ้าง หรือบางทีเสียงถุงพลาสติกเขาก็จะแกล้งถอนหายใจใส่เสียงดังๆบ้าง หนักสุดที่เพิ่งเจอวันนี้หลังกลับจากช่วงสงกรานต์ก็คือ ทันทีที่เราเข้ามาในห้องยังไม่ทันวางกระเป๋าหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ได้ยินคำพูดหยาบคายออกจากปากเขาและพูดออกสำเนียงใต้ "เปรตนี่มาห้องก็เหม็น" สักพักก็ "เหม็นโว้ย" และเดินออกจากห้องไป "เด็กเปรต" คือ อึ้งและก็ งง มากว่าหนูไปทำอะไรให้เขาคะ ในห้องหนูก็ไม่ได้เอาทุเรียน ปลาร้า หรือ ของมีกลิ่นฉุนเข้ามาทานเลย มีแต่กลิ่นสบู่รสผลไม้ยังเหม็นอีกหรอ เจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ยอมรับว่าโกรธเหมือนกัน กำลังคิดอยู่ว่าจะขอย้ายห้องดีมั้ยแต่ก็ไม่รู้ว่าสภาพห้องอื่นจะดีเหมือนห้องนี้หรือเปล่า ยอมรับว่าแปลกใจมากค่ะที่อยู่ดีๆคนข้างห้องก็มาหาเรื่อง สภาพห้องก็แบบไม่เก็บเสียงเลยใครคุยโทรศัพท์ ใครผายลมอะไรก็ได้ยินหมด ที่สำคัญไม่รู้เขาเกลียดหนูเรื่องอะไรทั้งๆที่ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใครเพียงแต่อยู่เงียบๆไม่สุงสิงกับใครซึ่งตัวเขาเองก็อยู่เงียบๆ จะเห็นก็แต่เขาโทรคุยกับลูกและสามีเขาที่ต่างจังหวัดเท่านั้นเอง อาจารย์ว่าหนูควรจะทำไงดีคะ ควรจะย้ายห้องหรือว่าควรทำใจให้อภัยเขาและอยู่ห้องเดิมต่อ แต่ยอมรับว่าก็รู้สึกโกรธที่เขามาด่าหนูหยาบคายโดยไม่มีสาเหตุแบบนี้ เหมือนคนเป็นโรคจิตเลยค่ะ แค่เสียงรูดซิบกระเป๋า เสียงถุงพลาสติกนิดหน่อยก็ต้องทุบผนัง แสดงพฤติกรรมแปลกๆเลยหรอ หนูไม่รู้ว่าเขามีปัญหาชีวิต ปัญหาครอบครัวอะไรแต่ก็ไม่ควรมาลงกับคนอื่นแบบนี้ทั้งที่ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่คนรู้จัก น่าจะรู้จักกาลเทศะ มารยาททางสังคมบ้าง หนูเองจะกลับไปอยู่บ้านกับน้ากับป้าหนูก็ได้แต่ด้วยความจำเป็นก็เลยต้องอยู่จะย้ายไปอยู่หอเพื่อนก็ไม่สะดวกและค่าใช้จ่ายแพงกว่ามาก ยอมรับว่าเจอแบบนี้ทำใจลำบากค่ะ นึกไม่ถึงด้วย

...
flyaway.likeabird@gmail.com
12 พฤษภาคม 2562 13:58

หนูflyaway เข้าใจที่หนูพูด ชีวิตคนเมืองหลวงดูจะไม่เหมือนเดิม ดูเหมือนความแปลกแยกจะเข้ามาสอดแทรกอยู่ระหว่างผู้คนทั่วไปหมด หากดูข่าวตอนค่ำทุกวันนี้จะพบว่ว แต่ละที่แต่ละแห่งที่มีเร่ืองขัดแย้งทะเลาะมีเร่ืองราวกัน ดูจะเป็นเร่ืองที่ไม่เป็นเร่ือง คือเร่ืองไม่เป็นเร่ืองก็เอาขึ้นมาเป็นเร่ือง นำไปสู่ความรุนแรงระหว่างกันแลละกันได้ในทุกรูปแบบ เพราะฉะนั้นหากเราพบเจอเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเร่ือง คงต้องใช้ความอดน อดกลั้น ไม่ถือสามองข้ามไป (แต่ละแวดรระไวอยู่ในที คืออย่านอนใจ) พยายามรักษาอามรณ์ เคยยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่บึ้งตึงหรือทำหน้าน่ิวค้ิวขมวดให้คนที่พยายามหาเร่ืองเพ่ือจะได้ีเร่ืองต้องแคะไคัให้เป็นเร่ืองต่อไป คือไม่ถือสาในกิริยาอาการหล่านั้น คนมากมายทุกวันนี้ต้องมาอยู่ในสภาพที่เป็นอยู่ด้วยความรู้สึกไม่พอใจไม่มีความสุขไม่อยากอยู่เหมือนอย่างที่หนูรู้สึึกคือต้องมาอยู่เพราะมันจำเป็น ถ้าเราไม่อดทนเช่นนี้ เราก็ต้องอดทนในการเดินทางกลับบ้านที่ไกลหรือไม่สะดวก และถึึงเราจะอดทนแต่บางทีก็ต้องถามว่ามันคุ้มไหม ชีวิตที่แออัดยัดเยียดแก่งแย่งกันอยู่ กันกิน กันทำมาหาทำมาหากิน ทำให้ความสัมพันธ์รหว่างคนต่อคนมันห่างเหินไป และมากมายก็มีอาการของคนที่เหงา โศกเศร้า ขลาดกลัว รู้สึกไม่มั่นคงในการดำเนินชีวิต แต่ก็พยายามปกปิดด้วยการแสดงพฤติกรรมคำพูดที่ก้าวร้าวเพ่ือปกป้องตนเองจากความกลัวความวิตกกัวล ความอ่อนแอของผู้คนมากมายทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตตามมา คือไม่สามมารถรักษาสมดุลทางจิตไว้ได้ หรือคนที่ต้องอยู่ในสภาพจำทนจำยอม มีความทุกข์ ไม่มีความสุขก็อาจทำให้เกิดอาการของโรตซึมเศรา อาการของโรคประสาท จนถึงเป็นอาการป่วยด้วยโรคทางจิต เช่นที่ปรากฎออกมาให้เห็นกันทั่วไปและมากขึ้นเร่ือย ๆ ซึ่งคนมากมายก็ไม่อยากเป็นเช่นนนั้นแต่ความอดทนของเขาอาจมาถึงจุดที่ตัวเองแบกรับต่อไปไม่ได้ ซึ่งอาการและพฤติี่ขาดสมดุลมางจิตนี้ อาจกำลังปรากฎอยู่ตรงหน้าคุณเช่นกัน หนูจึงต้องระมัดระวังตัวให้มาก ต้องข่มจิตข่มใจ ต้องให้อภัยไม่ถือสา มองว่าเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากความเปลี่ยนแปลงของผู้คนและสังคมในประเทศไทยขณะนี้ หากเราช่วยลดความก้าวร้าวไม่ไปรับอารมณ์เครียด ที่กำลังปะทุอยู่ให้ลุกลามไปได้ก็ให้อภัย มองข้ามไปไม่ถือสาได้ก็ทำ แต่หากถามตัวเองว่าเราจำเป็นต้องทำเช่นนี้ไหมและทำได้จรงิ หรือเปล่า คนคนนี้นับวันลดคามก้าวร้าวลงหรือรุนแรงขึ้น หรือไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าเราจะแสดงความเป็นมิตรด้วยการยิ้มแย้มแจ่มใสแล้วก็ยังเหมือนเดิม คือเหมือนจะเป็นศัตรูกับเราเร่ือยไป กรณีนั้นน่าจะพิจารณาหาที่อยู่ใหม่ไม่ว่ากลับบ้านพ่อแม บ้านญาตหรือมีเพ่ือนคนไหนที่เราพอจะไว้วางใจพอจะไปอยู่ด้วยจะดีกว่าไหม ต้องพิจารณาไตร่ตรอง ว่ากรณีนี้ทำเช่นนั้นคุ้มไหม ทำเช่นนี้จะดีกว่าไหม ถ้าอยู่ตรงนี้เกิดอะไรขึ้น ใครคือคนที่จะเข้ามาช่วยหรือป้องกันเราได้เร็วที่สุด ต้องเตรียมความเป็นไปได้ไว้ด้วย ลองไตร่ตรองดูนะคะ ไม่อยากะให้กลัวหรือืหวาดระแวงคนรอบด้าน แต่ระวังไว้ก็ไม่เสียหายนะ ขอให้หนูปลอดภัย แล้วกลับมาคุยกันใหม่ได้ว่าคิดจะทำอะไรหรือได้ทำอะไรไปบ้างที่เปนการปกป้องตนเอง ให้เสี่ยงน้อยที่สุด

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
12 พฤษภาคม 2562 14:00
Post อันดับที่ 1

ตอบกระทู้


กลับด้านบน