มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ
ไม่พร้อมมีบุตร

สวัสดีค่ะ คบกับแฟนมา4-5ปี แฟนเรียนจบปวส.ตอนนี้ทำงาน ส่วนเราเรียนป.ตรีจบปีหน้า เดือนที่แล้วจับได้ว่าเขามีคนอื่น พากันมามีอะไรที่ห้อง แน่นอนค่ะ ว่ารับไม่ได้ คิดว่าจะเลิกแน่ๆ ตอนนั้นเลยวันที่ปจด.จะมา เลยคิดไปก่อนว่าอาจจะเป็นเพราะเครียดเพราะตอนนั้นเสียใจมาก แต่ก็รู้สึกเวียนหัวจะอวกบ่อยๆ เลยสงสัยว่าเราจะท้องหรือเปล่าเลยไม่ซื้อที่ตรวจครรภ์มา2อันค่ะ ปรากฎว่าขึ้น2ขีดทั้ง2อัน เลยไปบอกเขา เขาก็บอกว่าเขาดีใจนะ เขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเองนู้นนี่นั้น จนเมื่อวันสองวันเขาพาไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ท้องจริงๆค่ะ ตอนนั้นเราเครียดมากค่ะ เพราะเรายังเรียนไม่จบไหนจะอนาคตเราอีก แต่เขาก็เหมือนจะดีนะคะ ตอนอยู่ด้วยกันก็ดูแล เทคแคร์ดีค่ะ แต่พอเรากลับบ้านมา เขาไม่ทัก ไม่โทร ไม่สนใจเราเลยค่ะ คือตอนนี้ความรู้สึกของเราก็ไม่ได้เหมือนเดิมแล้วค่ะ เพราะเขาทำเราเจ็บมากๆ ตัวเขาเองก็ควไม่เหมือนเดิม แต่ต้องมารับผิดชอบเราเพราะเราท้อง ตอนนี้มันไม่รู้เลยค่ะว่าจะเอายังไงต่อ เราเคยถามเขาว่าจะเอาไงต่อ เขาบอกไม่รู้เราถามเขาว่าจะบอกที่บ้านเมื่อไรเขาบอกไม่รู้ เราก็เลยไม่อยากอยู่หรือใช้ชีวิตกับคนๆนี้เลยค่ะ รู้สึกอยู่ไปก็ต้องเลิกกันอยู่ดี อยากเอาออกเพราะจะได้จบๆปัญหานี้สักทีค่ะ

Mild
mild.nawamin18@gmail.com
6 มิถุนายน 2562 15:23

ก็เข้าใจความเสียใจ ผิดหวัง และความโกรธที่เรามีต่อเขา และต่อตัวเราด้วย แต่ก็ยังไม่เป็นเหตุผลที่เพียงพอในการจะเอาเด็กออก เพราะเขาไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้หญิงเวลาทำผิดพลาดไป ส่วนใหญ่ความโกรธที่เกิดขึ้น มักโกรธตัวเองมากกว่าโกรธฝ่ายชาย โกรธที่พบว่าาตัวเองโง่เขลาเบาปัญญาไปเชื่อคำพูดของเขา โกรธเขาแต่ไม่รู้จะแสดงออกอย่างไรเพราะเขาก็ไม่ค่อยอยู่กับเรา เราต้องเผชิญความผิดในตัวเราเองและด้วยตัวเอง ความโกรธและรู้สึกผิดจึงมาลงที่ตัวเรา โดยเฉพาะเมื่อมีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้หญิงจะมุ่งใส่อารมณืโกรธไม่พอใจไปที่บุคคลที่สามมากกว่าที่ตัวฝ่ายชาย เช่นกันเราไม่ค่อยได้พบเจอผู้หญิงคนนั้นมากนัก แต่บุคคลที่สามในท้องเรานี่เอง มักต้องรับเคราะห์หรือเป็นที่รองรับอารมณ์ของเราแทนที่จะเป็นผู้หญิงคนนั้น เพราะฉะนั้นเหตุการณืที่เกิดขึ้นครั้งนี้เกี่ยวข้องกับคน 4 คน แต่คนที่ถูกตัดสินลงโทษกลับเป็น คนตั้งท้องกับเด็กในท้อง! ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่คิดจะลุกขึ้นต่อสู้และปกป้องตัวเราเองกับปกป้องเด็กในท้อง เหตุการณ์เดียวกับที่คุณ Mildเล่ามาจึงเกิดขึ้นในสังคมไทยทุกวันนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า วนเวียนอยู่แต่ว่า ยุติการตั้งครรภ์หรือกำจัดเด็กไปแล้ว เราก็จะกลับไปใช้ชีวิตดังเดิมได้ แต่ความจริงเป็นเพียงการเริ่มต้นของปํญหาความรุนแรงที่จะตามมาเท่านั้น ตราบใดที่เรายังไม่คิดจะปรับเปลี่ยนทัศนคติของตัวผู้หญิงเอง ให้มีความเคารพในตนเองและเรียนรู้ในการปกป้องตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่ออารมร์ทั้งก่อนและหลังการมีเพศสัมพันธ์ แทนที่จะปล่อยให้ฝ่ายชายเป็นผู้กำหนด ฝ่ายหญิงโอนอ่อนตามสนอง แล้วเมื่อเกิดตั้งครรภ์ขึ้น ผู้หญิงกลับเป็นคนที่ต้องแบกรับปัญหาทั้งหมด เกือบจะตามลำพัง! หลายท่านที่ติดตามอ่านคอลัมภ์นี้คงได้เห็นแล้วว่า เรื่องราวนี้ใกล่เคียง และคำถามก็จะเป็นคำถามเดิมๆคือ "ต้องการจะยุติการตั้งครรภ์ ต้องทำยังไง?" และไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจความคิด ความรู้สึกของหญิงชายทั้งหลายที่ปรึกษามา เพราะเข้าใจและเห็นใจมากทีเดียว จึงใช้เวลาในการตอบคำถามที่ดูเหมือนง่าย ๆนี้นานพอสมควร เพราะในฐานะของนักจิตวิทยา/นักสังคมสงเคราะห์ เราไม่ได้ทำหน้าที่เพียง "ตอบคำถาม" แต่หน้าที่ของเราคือช่วยคุณคิดพิจารณาไตร่รอง มองให้เห็นอย่างเป็นเหตุและเป็นผล ช่วยให้ผู้มีปัญหาได้ปรับเปลี่ยนทัศนคติ และความเชื่อให้ได้เห็นโลก และชีวิตนี้ทั้งทางบวกและทางลบ ทั้งยังระมัดระวังการใช้ภาษาไม่ให้สะเทือนใจคุณ เพราะเราเข้าใจความเสียใจ ความเจ็บปวดของคุณ เราก็อยากจะให้คำตอบอย่างที่คุณอยากได้ แต่เราก็ไม่มีคำตอบใดที่ดีไปกว่าความเป็นจริง ก่อนหน้าที้เราได้ตอบคำถามนี้ไปหมดทุกแง่มุม และทั้งที่ไม่อยากให้คนถามต้องรู้สึกผิดหวัง แต่ก็อยากให้หนูเข้าใจด้วยว่า ทำความเข้าใจกันตรงนี้เสียดีกว่าต้องไปเจอปัญหาต่อข้างหน้า อยากให้หนูรู้ว่า การยุติการตั้งครรภ์หรือการทำแท้ง เป็นเรื่องผิดกฏหมาย กรณีที่ทำไก้หากฝ่ายหญิงถูกข่มขืนหรือการตั้งครรภ์ส่งผลต่อสุขภาพกายและชีวิตของแม่และเด็กในครรภ์ แต่กรณีของคุณกลายเป็นความสมัครใจที่ทำไม่ได้ค่ะ แต่เมื่อเราไม่ต้องการสามีหรือผู้ชายคนนี้ และเราก็ไม่อยากให้เขาเป็นพ่อของลูกเรา แต่เด็กก็เกิดขึ้นมาแล้ว ก็อยากให้รู้ว่า มีพ่อแม่หญิงชายอีกมากมายที่อยากมีลูก อยากได้ลูกแต่ก็ไม่สามารถมีได้ และเขาก็อยากจะได้ลูกหรือเด็กที่คุณไม่พร้อมจะดูแล แต่เขาพร้อม ผ่านทางกระบวนการทางกฏหมาย คุณอาจต้องอดทนตั้งครรภ์ไปก่อนหยุดบ้างเรียนบ้างเป็นระยะ ๆ จนคลอดออกมาทางหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบหนูก็จะรับเด็กไปอยู่ในความดูแล โดยหนูอาจจะไม่พบเด๋กอีกเลย หลังจากนั้นหนูก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ ปัจจุบันการตั้งครรภ์ขณะที่ยังเรียนไม่จบไม่เป็นปัญหา มีหน่วยงานที่คอยดูแลช่วยหนูตรงนี้ ตั้งแต่ฝ่ายแนะแนวที่มหาวิทยาลัย หน่วยงานราชการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและคามมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม โทร 1300 ได้ทั่วประเทศไทย หากอยู่กรุงเทพ หน่วยงานของ กทม หรือศูนย์สาธารณสุขกว่า 60 แห่งสามารถให้คำปรึกษาและทางออกได้ หรือหน่วยงานเอกชน บ้านพักฉุกเฉิน 02 929 2222 หรือองค์การการกุศลทางศาสนาตามชุมชนต่าง ๆ พร้อมจะช่วยดูแล อยากให้หนูมีความกล้าที่จะนำพา ให้เด็กไปสู่อ้อมกอด และครอบครัวที่ต้องการเด็กอีกมากมาย ช่วยพาเขาไปส่งด้วยจะดีกว่านะ ลองไตร่ตรองดู ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีเหตุผลในตัวของมันเองเสมอ ถ้าคิดว่าที่ผ่านมาเป็นความผิดพลาด ก็อย่าให้ต้องพลาดเป็นคำรบสอง ลองไตร่ตรองดู ถ้าต้องการปรึกษาต่อก็เขียนไปได้อีกนะ ดูแลตัวเองให้ดีด้วย

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
7 มิถุนายน 2562 12:45
Post อันดับที่ 1

ตอบกระทู้


กลับด้านบน