มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ
การอยู่ด้วยกันก่อนแต่งงานผิดหรือไม่

ผมกับแฟนคบกันได้ประมาณ 4 ปีแล้วครับ ตั้งใจว่าจะแต่งงานกันอีกประมาณ 5 ปีข้างหน้า เราค่อนข้างเป็นเด็กรุ่นใหม่ ไม่รู้ขนบธรรมเนียมประเพณีไทยสักเท่าไหร่ครับ แต่เราก็ทำอะไรด้วยความรับผิดชอบอย่างสูงสุดนะครับ คือผมพึ่งซื้อคอนโดใหม่เป็นของตัวเอง กะว่าจะให้เป็นเรือนหอของเราสองคน แต่ตั้งใจว่าจะเก็บเงินกันอีกสักพักก่อนแต่งงาน อยากจะอยู่ด้วยกันก่อนแต่ง ผมก็กลัวชาวบ้านนินทา หรือพ่อแม่ไม่เห็นด้วย แต่ยังไม่ได้ลองคุยนะครับ การมาอยู่คอนโดก่อนแต่งด้วยกันนั้น จะทำให้ผมกับแฟนไปทำงานได้สะดวกขึ้นครับ ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เป็นคอนโดกลางเมือง ใกล้ที่ทำงานเราสองคน เลยอยากจะขอความเห็นหน่อยครับ ว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้เกียรติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย แต่งตอนนี้ยังไม่พร้อมเพราะเก็บเงินกันอยู่ครับ รบกวนด้วยครับ

อาร์ม
1 กุมภาพันธ์ 2562 18:33

รู้สึกดีใจที่ได้ยินคนหนุ่มรุ่นใหม่มาปรึกษาเร่ืองนี้ เพราะแสดงให้เห็นว่า คุณอาร์มเป็นบุคคลที่มีความระมัดระวัง คิดก่อนทำ ไม่มักง่าย รู้จักให้เกียรติตัวเองและให้เกียรติผู้หญิงรวมทั้งครอบครัวของทั้งสองฝ่าย ที่ผ่านมาเราได้เห็นค่านิยม "อยู่ก่อนแต่ง" จากคนต่างชาติ เหตุผลหลักคือ ครอบครัวส่วนใหญ่ส่งเสียดูแลให้ที่อยู่ท่ีกิน และส่งเสียลูกจนถึงอายุ 18 เท่านั้น ลูก ๆ ก็ต้องออกไปหาที่เรียน หางานทำส่งเสียตัวเองเรียนต่อด้วยตัวเอง ค่าใช้จ่ายทุกอย่างแพงมาก หอพักหรืออพาตเม้นแพงมาก หญิงชายนักศึกษาจึงต้องหาเพ่ือนหญิงหรือเพ่ือนชายที่จะช่วยแบ่งค่าใช้จ่ายได้ กลายเปนวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่ต้องช่วยเหลือส่งเสียตนเองให้เรียนสูง ๆ แล้วสถานการณ์เหล่านั้นก็ส่งต่อมายังประเทศแถบเอเซีย ทั้งที่บนพ้ืนฐานของการอบรมเลี้ยงดูของครอบครัวเอเซียนั้นแตกต่างจากประเทศตะวันตก แต่การพัฒนาประเทศเช่นประเทศไทย ถึงวันนี้ทัศนคติ และพฤติกรรมของผู้คน เยาวชนไทยก็เร่ิมคล้ายการดำเนินชีิวิตของคนตะวันตกมากข้ึน จะต่างก็ตรง คนไทยจำนวนมากยังมีความเช่ือ ความผูกพันกับวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิม ทำให้ความคิดขัดแย้งกับคนรุ่นใหม่ซึ่ง สถานการณ์และส่ิงแวดล้อมที่เปลี่ยนไปทำให้พร้อมจะวิ่งตามค่านิยมตะวันตก หรือพร้อมจะเลือกการใช้ชีวิตที่อิสระและสะดวกสบายมากกว่าคนรุ่นเก่า ดังกรณีของคุณอาร์ม ซึ้งเป็นผู้ชายที่ดีมีความยั้งคิด คิดเสียก่อนทำ มีความเกรงใจผู้ใหญ่ และให้เกียรติฝ่ายหญิง เกรงจะเป็นที่ครหา จึงมาปรึกษาก่อนจะทำ ซึ่งความจริงด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิขนาดนี้ ถือว่าเป็นคนที่มีความรับผิดชอบมีการรางแผนที่ดี จะตัดสินใจตามที่ตัวเองต้องการก็คงไม่มีใครห้ามได้ สามารถพูดคุยตกลงกันระหว่างสองคนได้ หากตกลงกันได้ ก็สามารถนำเร่ืองนี้ไปปรึกษาเชิงขออนุญาตพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย ขอให้หมั้นกันไว้ก่อน ถ้าท่านไม่ขัดขวาง ก็คงไม่มีปัญหา เหตุผลที่ผู้ใหญ่เป็นห่วงและไม่อยากให้อยู่ก่อนแต่ง ก็เพราะเกรงว่า หากอยู่ก่อนแต่ง แล้วไปกันไม่รอด ต้องเลิกรากัน ฝ่ายหญิงจะรับเร่ืองนี้ได้ไหม ผู้หญิงอาจได้ช่ือว่ามีมนทิล หรือหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไปพบคนถูกใจใหม่จะทำอย่างไรต่อไป ที่เคยบอกว่า "รับได้ ๆ" แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นจะทำอย่างไรต่อไป" เพราะฉะนั้นหญิงชายที่เลือกจะใช้ชีวิตอิสระอย่างที่ตนต้องการ ก็ต้องมีความเช่ือมั่น เข้มแข็งอดทน และมีความกล้าที่จะเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอย่างไม่่หว่ันไหว ขอให้ไจร่ตรองให้รอบคอบค่ะ

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
4 กุมภาพันธ์ 2562 16:03
Post อันดับที่ 1

ผมทราบดีครับว่าอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน เราอาจจะเลิกรากันก็เป็นไปได้ แต่ผมเชื่อมั่นในความรักครับ เหมือนว่าเราผ่านช่วงเวลาที่แย่ๆกันมาได้แล้วครับ ประเด็นที่อยากจะถามอาจารย์คือ เราตกลงกันอล้วครับว่าจะหมั้นก่อน และอยู่ด้วยกันก่อนแต่งงาน (มันไม่ผิดใช่ไหมครับ) อีกสักสามสี่ปีการเงินพร้อม ทุกอย่างพร้อมเราจึงจะแต่งงานกันครับ คำถามคือ เราควรจะเริ่มต้นคุยกับผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายยังไงครับ กลัวว่าท่านจะไม่เห็นด้วยครับ จะอธิบายชี้แจงเหตุผลอย่างไรดีครับ ให้ผู้ใหญ่คุยกันหรือเราคุยกับผู้ใหญ่เองครับ ขอความเห็นด้วยครับ

อาร์ม
21 กุมภาพันธ์ 2562 19:24
Post อันดับที่ 2

คุณอาร์ม ความเปลี่ยนแปลงเป็นส่ิงที่เกิดขึ้นได้เสมอ แม้วันนี้เราจะรักซ่ือสัตย์และมั่นคงกับสัญญาเพียงใด แต่หากเกิดขึ้นจริง ๆ ก็ไม่ถือว่าเป็นความผิด เพราะความเปลี่ยนแปลง เกิดขึ้นได้ตามวาระเวลาสถานที่และสถานการณ์ มันเเป็นธรรมชาติของมนุษย์ โดยเฉพาะในเร่ืองของความรู้สึกในหัวใจ เพียงวันนี้เรารักกันและทำให้ดีที่สุดในทุกเร่ืองที่เกี่ยวข้อง ถึงอนาคตจะเปลี่ยนไปก็จะได้ไม่ต้องมีคำว่า เสียใจ ถึงวันนี้หากคุณสองคนได้เรียนให้่พอแม่ทั้งสองฝ่ายทราบว่าจะหมั้นกันไว้ก่อน หรือวันหมั้นเสร็จ ก็เรียนให้ท่านทราบว่าคุณสองคนวางแผนจะไปอยู่ี่คอนโด้วยกัน บอกเหตุผลกับท่าน เม่ือมีโอกาสพาพ่อแม่ไปดูว่าอยู่ที่ไหนดีอย่างไรหรือสะดวกอย่างไร คุยกับพ่อแม่เสมอ ๆ ให้ท่านรู้สึกว่าท่านเป็นส่วนหนึ่งในชีวิของเราไม่เปลี่ยนแปลง จะพูดบอกโดยตรงหรือทางอ้อม ๆ ก็เช่ือว่าท่านเข้าใจและไม่ขัดขวางเพราะท่านเห็นว่าคุณสองคนเป็นผู้ใหญ่เพียงพอจะรับผิดชอบชีวิตตนเองได้แล้ว ขอให้โชคดีค่ะ

อาจารย์ อรอนค์ อินทรจิตร
22 กุมภาพันธ์ 2562 13:36
Post อันดับที่ 3

ตอบกระทู้


กลับด้านบน