มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ
การเตรียมพร้อมเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว

ดิฉันตั้งครรภ์7เดือนแล้ว มีปัญหากับพ่อของเด็กจนต้องเลิกกัน ดิฉันไม่เสียใจเรื่องผู้ชายที่เดินจากไป แต่จะขอคำปรึกษาเรื่องลูกที่กำลังจะเกิดมา เวลาจะแจ้งเกิด ไม่ต้องใส่ชื่อพ่อได้ไหม เวลาลูกถามขะบอกลูกยังไงให้ลูกไม่รู้สึกด้อยกว่าคนอื่น

วรวลัญ
24 ธันวาคม 2561 07:38

เร่ืองลูก หน้าที่อันดับแรกของแม่คือ ปกป้องผลประโยชน์ (ที่อาจมีขึ้น) ของลูกจากการที่ได้ช่ือว่าเป็นลูกของพ่อเขาคือ หากฝ่ายชายมีสถานภาพดีเช่นฐานะดีมีตำแหน่งหน้าทีการงานที่ดี มีทรัพย์สิน เป็นต้น ถึงเราไม่อยากได้ไม่อยากยุ่ง แต่อนาคตของลูกหากเขามีสิทธิ์ ก็ควรนึกถึงเขาไว้ด้วย แต่ถ้าเขาไม่มีอะไรในวันนี้ ก็ไม่เป็นไรเราไม่จำเป็นต้องให้้เขาช่วย ก็ดี อต่ถ้าเขาก็ไม่ใช่จะเลวร้ายนัก การใส่ช่ือเขาเป็นพ่อเด็กก็ไม่เสียหาย โตขึ้นหากลูกต้องการตามหาพ่อเพ่ือรู้จักจะได้ไม่ลำบากเกินไป แต่ถ้าจะให้ลูกใช้สสกุลของเขา ต้องขออนุญาต แต่ถ้าลูกใช้สกุลแม่ก็ไม่มีปัญหา การใช้นามสกุลพ่อจะมีปัญหาสำหรับเด็ก ตอนเด็กอายุยังไม่่บรรลุนิตกภาวะ หากเด็กจะต้องเดินทางไปต่างประเทศ ก็ต้องไปตามพ่อมาเซ็นอนุญาต เรียกว่าพ่อแม่จะเซ็นต์ทั้งสองคน แต่ถ้าใช้สกุลแม่และไม่ได้จดทะเบีนสมรส เด็กก็เปนสิทธิ์ของแม่คนเดียว อย่างไรก็ตาม อาจมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายใหม่แล้ว เม่ือไรว่างอยากให้ดทรไปปรึกษานักฎหมายเพ่ือความแน่ใจ การเลี้ยงดูลูกคนเดียวต้องวางแผนต้งแต่ลูกยังอยู่ในท้อง ตอนนี้อายุ 7 เดือนคุณแม่ต้องเร่ิมคุยกับลูกในท้อง เวลาาาาาอยู่คนเดียว หรืออาบน้ำ ทาแป้ง แต่งตัว ก็ลูบท้องตัวเอง เหมือนปลอบโยนลูกไปด้วย ทำร่างกายให้สบาย ทำ จิตใจให้แจ่มใส และทำใจให้สงบ เราต้องบอกกับตัวเองว่า นี่คือเราได้เลือกททางนี้ ตัดสินใจที่จะมีเขาเลี้ยงเขาด้วยตัวเอง ต้องไม่มีคำว่าเสียใจ ไม่โกรธ ไม่เกลียดใคร โดยเฉพาะพ่อเด็ก ต้องฝึกค่อย ๆ พูดกับลูกด้วยจิตที่เมตตา ค่อยเล่าเร่ืงอราวระหว่างเรากับฝ่ายชายให้เด็กในท้องฟั ง ช่น พ่อกับแม่พบกันตอนที่เรายังเด็กนะลูก เขาอายุ....แม่อายุ...ยังไม่เดียงสา แต่ตอนนั้นเราก็รู้สึกว่า เรามีความสุขที่จะได้พบหน้าพูดจากัน และเขาาก็เป็นคนดี แม่ก็เป็นคนดี แต่เม่ือเวลาผ่านไป เราต่างโตขึ้น เราก็พบว่า แม้เราจะรู้สึกรักกัน พึงพอใจกัน แต่เราก็ขัดแย้งไม่ได้คิดเหมือนกันหลายเร่ือง ยิ่งเราโตขึ้นอายุมากขึ้น เรากอยากเป็นตัวของตัวเอง เร่ิมจะไม่อยาากเช่ืฟังอีกฝ่าย นานไปเราก็คิดว่าหากอยู่ด้วยกันแล้วถกเถียงทะลเาะกันบ่อย ๆ คงไม่ดีสำหรับเราและลูก เราคงยังต้องการเวลาที่จะโต และเป็นตวของตัวเอง เราจึงตกลงที่จะให้เขาไปเรียนต่อหรือใช้ชีวิตอย่างที่เขาต้องการ ส่วนแม่ต้องการเลี้ยงลูฏด้วยตัวเอง คงเป็นเพราะแม่คิดวาแม่โตเร็วกว่าเขา และพร้อมมากกว่าเขา เราจึงต่างคนต่างยอู่ไปก่อน แต่ลูกไม่ต้องกลัว ไม่ต้องตกใจนะลูก แมรักลูก และเขาก็คงรักลูกเช่นกกัน แต่เขาปล่อยให้ลูกอยู่กับแม่กเพ่ือที่แม่จะได้มีลูกเปนเพ่ือน ตอนนี้เราแม่ลูกต้องช่วยกันดูแลกันและกันนะลูก ปฏิบัติต่อลูกในท้องเสมือนเขาเป็นเด็กที่กำลังเติบโตและเข้าใจ รับรู้สิ่งที่แม่กำลังพยายามจะบอกเขา สร้างสุขภาพจิตที่ดี มีความเข้าใจใช่้เหตุผล มีความรู้สึกความคิดและอารมณืแจ่มใจสดช่ืน เข้มแข็ง ลูก ๆ จะเป็นเช่นไร ขึน้นอยู่กับพ่อแม่่ แม้พ่อไม่อยู่เด็กก็ดีได้ ดีกว่าอยู่กับพ่อแม่ที่ขัดแย้งกัน ส่วนปมด้อย อาจมีบ้างขึ้นอยู่กับวิธีการที่เราสร้างเขาขึ้นมา ตัวเราลองจินตนาดูว่า ถ้าเราเป็นลูก อยากให้คุณพ่อคุณแม่เป็นเช่นไร ก็ฝึกฝนตนเองนั่นแหละลองพิจารณาดู แล้วปรึกษามาใหม่ได้ค่ะ

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
25 ธันวาคม 2561 18:49
Post อันดับที่ 1

ตอบกระทู้


กลับด้านบน