มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ
น้อยใจน้าที่ไม่ให้การยอมรับในตัวเรา

หลายครั้งที่หนูเองก็รู้สึกน้อยใจน่ะค่ะ ที่บางครั้งเราเล่าอะไรให้น้าฟังแล้วดูเหมือนมีท่าทีเมินเฉย เฉยชา ไม่ยินดียินร้าย ไม่แม้กระทั่งจะชื่นชมในสิ่งดีๆที่เราได้ทำบ้าง อยากวันก่อนที่หนูเล่าเกี่ยวกับเรื่องในอดีตสมัยเรียนและเล่าว่าภูมิใจที่ตอนนั้นได้รับเกียรติบัตร รางวัลน่ะ แต่ ท่าทาง สีหน้า แววตาของน้ากลับไม่แสดงออกถึงความรู้สึกในทางบวก ไม่แม้กระทั่งจะพูดให้เรารู้สึกมีคุณค่าในตัวเองขึ้นมาบ้าง หรือ สร้างความรู้สึกภูมิใจในตัวเองให้เราบ้าง แต่ท่าทีแบบนั้นมันกลับทำร้ายจิตใจเราอย่างมาก ทำให้รู้สึกเจ็บปวดและบั่นทอนจนเกินจะรับไหว ไม่รู้ว่าน้าลึกๆไม่ค่อยพอใจเรากับพ่อหรือเปล่าที่ต้องมาช่วยเหลือออกค่าใช้จ่ายที่พ่อป่วยและต้องไปอยู่ศูนย์พักฟื้นเลยพาลรู้สึกในแง่ลบกับเราไปด้วย และยิ่งหลังๆมีปัญหาเรื่องการเรียน จบช้า มันเลยดูแย่มากในสายตาเขาหรือเปล่านะค่ะ แค่ผิดหวังที่น้าเป็นผู้ใหญ่แทนที่จะให้กำลังใจเด็กกลับพูดจา แสดงสีหน้าท่าทางที่ทำให้เกิดบาดแผลในใจแบบนี้ มันผิดหวังและน่าน้อยใจมากค่ะ สมัยก่อนพ่อแม่ยังชมและให้กำลังใจที่เราทำได้ดีเลย ทุกครั้งที่จะทำอะไรหน้าเขาจะลอยขึ้นมาทำให้เราร้องไห้และสูญเสียกำลังใจอย่างมาก พยายามเข้มแข็งแต่หลายครั้งก็เหนื่อยอ่อนกับสิ่งที่เขาทำกับเรามาก น้าก็มีข้อดีที่ให้ความช่วยเหลือนะคะ แต่ไม่เข้าใจว่าพฤติกรรมที่น้าแสดงออกมามันคืออะไรกันแน่ มันทำให้เราสับสน ที่แน่ๆนิสัยน้าเป็นผู้ใหญ่ที่ปากเปราะ ปากดี พูดจาขวานผ่าซาก และดูเหมือนอารมณ์ขึ้นๆลงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ส่วนนึงก็เป็นผู้หญิงมีอายุโสด ไม่มีครอบครัว ซึ่งมักแสดงออกทางวาจาว่าเกลียดเด็ก ไม่อยากมีลูก และมักจะบอกกับเราอยู่หลายครั้งว่า ถ้าน้ามีลูกของตัวเองเด็กต้องโดนดีเยอะกว่านี้ จะต้องถูกใช้งานหนักๆ หนูฟังแล้วก็เกิดความกลัวและก็คิดแบบนี้ว่าทำไมฉันถึงต้องมาอยู่กับผู้หญิงคนนี้เนี่ย เอาจริงๆเพิ่งมาอยู่ที่บ้านเขาได้ 2 ปีค่ะ ก่อนหน้านั้นก็อยู่กับพ่อแม่ เลี้ยงดูมาตลอด และก็มักจะมีปัญหากับน้าคนนี้เป็นระยะๆ แต่เมื่อก่อนด้วยความที่ยังอยู่กับพ่อก็จะกลับบ้านได้แต่ตอนนี้ไม่มีใครเลยกลายเป็นลูกไก่ในกำมืออย่างง่ายดาย น้าเหมือนคนเก็บกดจริงๆนะคะ พยายามไม่เล่าเรื่องอะไรในชีวิตให้น้าฟังแต่บางครั้งมันก็หลุดปากออกไป เช่น พอบอกว่าไปสมัครงานมา และน้าก็จะเข้าจู่โจมด้วยคำพูดแย่ๆ บั่นทอนจิตใจ คำพูดที่ทำให้เรามองโลกในแง่ร้าย ทำให้เราเกิดความกลัว แต่เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาก็จะเปลี่ยนเป็นคนล่ะคนแบบว่าแสร้งพูดจาดี พูดเพราะกับเพื่อนร่วมงาน แต่กับคนที่บ้านกับญาติพี่น้องเขาจะปฎิบัติอีกแบบนึงประนึงเราเป็นขยะหรือสุนัขข้างถนนซึ่งหนูรู้สึกไม่ชอบใจและไม่พอใจเอามากๆ ซ้ำยังเอาเราไปเปรียบเทียบ ชอบอ้างถึงเพื่อนร่วมงานเขาที่ฐานะร่ำรวย มักจะยกย่องและพูดถึงลูกเขาและเอามาทับถมเรา ข่มเราให้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจทั้งๆที่เราก็มีความสุขกับชีวิตของเราและไม่เคยไปยุ่งกับใคร ประนึงเขาจะเอาเพื่อนๆเขาเป็นไอดอลไปเลย ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าถึงแม้น้าจะฐานะปานกลางแต่หน้าที่การงานก็ดีมีตำแหน่งทางวิชาการสูงมาก แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำตัวไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่ ไม่มีจิตวิทยาในการพูดและการแสดงออกทางพฤติกรรมที่เหมาะสม ช่างน่าเศร้าและน่าผิดหวังมากค่ะ และหนูก็แค่ไม่เข้าใจว่าที่เขาช่วยบางส่วนเป็นเพราะอะไรกันแน่ ทั้งๆที่เขาก็ไม่ใช่คนที่ดีพร้อม 100% ตอนนี้ยอมรับว่าเสียศูนย์และรู้สึกสะเทือนใจมากค่ะ อยากให้แม่กอด แม่ก็เสียชีวิตไปนานแล้ว พ่อก็ต้องมาป่วยติดเตียงและยังต้องให้คนอื่นดูแลที่อื่น ใจเราอยากให้พ่อกลับบ้านและเลี้ยงดูพ่อเองแต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เราจะดูแลผู้ป่วยติดเตียงได้เองที่บ้าน เครียดมากๆค่ะ เหมือนชีวิตมืดแปดด้านที่ต้องมาอยู่กับผู้หญิงคนนี้ที่อารมณ์แปรปรวน ไม่แม้กระทั่งจะรู้สึกดีกับเราบ้าง เลยอยากขอคำปรึกษาน่ะค่ะ ขอบคุณค่ะ

g1989
flyaway.likeabird@gmail.com
20 พฤศจิกายน 2561 21:56

จดหมายของหนูเรียบเรียงได้ค่อนข้างดี เช่ือว่าหนูคงเก่งภาษาไทย ตอนนี้เรียนอยู่ระดับมหาวิทยาลัยใช่ไหมคะ หมั่นฝึกฝนภาษาไทยทั้งการอ่านและการเขียนเยอะ ๆ นะคะ ต่อไปคนเก่งภาษาไทยจะน้อยลงเพราะไปสนใจส่ืออื่นๆ มากกว่าการอ่านการเขียนอย่างที่คนสมัยก่อนรักชอบกัน เพราะฉะนั้นถ้าใครฝึกหัดไว้ก็จะได้เปรียบคนอ่อนภาษาไทย จากที่หนุเล่าไป สมัยที่พ่อแม่ลูกอยู่พร้อมหน้ากัน พ่อแม่คงดูแลหนูอย่างดีมากในฐานะที่เป็นลูกสาวคนเดียว แต่ชีวิตของคนเราก็อาจประสบอุบัติเหตุระหว่างทางได้ ความเปลี่ยนแปลงไม่แน่นอนอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา หลาย ๅ ครอบครัวก็มีเร่ืองราวเกิดขึ้นไม่ต่างจาก่ที่เกิดกับหนู คือคุณแม่เสียชีวิตขณะที่หนูยังเด็กมาก แล้วคุณพ่อก็ยังมาป่วยติดเตียง ทำให้หนูและเด็ก ๆ อีกมากมายต้องเป็นกำพร้า และรู้สึกเงียบเหงาเดียวดายเหมือนกับที่หนูรู็สึกอยู่ขณะนี้ และแม้ไม่มีใครต้องการ ไม่อยากให้เกิดเร่ืองแบบนี้ขึ้น โดยเฉพาะเม่ือเรายังอยู่ในวัยที่ต้องการความรัก ความเข้าใจ ความใกล้ชิดและการเอาใจใส่ดูแลจากพ่อแม่ แต่ชีวิตของคนเรา ก็เลือกไม่ได้นะ ถ้าหนูเป็นคนพุทธก็คงเข้าใจที่อาจารย์พูดคือ เราเลือกเกิดไม่ได้ แม้เราจะไม่ชอบสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แต่เราทุกคนสามารถจะเลือกที่จะเป็น และทำสิ่งดี ๆ เพ่ือชีวิตของเราได้ เพียงแต่ตอนนี้หนูยังเด็ก ยังเล็ก เรียนยังไม่จบ ยังไม่สามารถทำงานหาเลี้ยงตนเองได้ ต้องค่อย ๆ สะสมความรู้ ฝึกฝนความขยันอดทน หนักเอาเบาสู้ ไม่ย่อท้อและไม่เสียกำลังใจ เพียงเพราะคุณน้าหรือใคร ๆ ไม่เข้าใจ คนเรานั้น หากยังไม่เข้าใจตนเอง ก็ยากที่คนอื่นจะเข้าใจตัวเรา แต่ต้องไม่ท้อ เพราะถ้าหนูท้อแท้ รู้สึกหมดหวังหมดกำลังใจ จะมีอะไรเหลือ ทุกวันนี้ถึงพ่อจะป่วยแต่ท่านก็ยังคิดถึง เฝ้ารอคอยพบหน้าได้ิฟังเร่ืองราวของหนู รอวันที่หนูจะเรียบจบประสบความสำเร็จ รอคอยที่จะมีวันได้กลับมาอยู่ด้วยกัน นั่นคือความหวังของพ่อ แล้วตัวหนูล่ะคาดหวังอะไรจากตัวเราเองบ้าง เพราะการจะคาดหวังจากผู้อ่ื่นเราอาจเสียใจผิดหวังเม่ือไม่ได้ดังต้องการเพราะเราไปบงการหรือบังคับเขาไม่ได้ แต่เราพอจะทำกับตัวเราคือสร้างระเบียบวินัยในการเรียน การทำงาน และการดำเนินชีวิตให้ดีอย่างที่เราอยากเป็นได้ กรณีเร่ืองพฤติกรรมหรือบุคลิำของน้าสาว ไม่อยากให้หนูถือสามาก อยากให้หนูพยายามเข้าใจเธอมากกว่าที่ผ่านมา และต้องขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณน้าสาวที่เรามีเธอ และเธอยอมให้การอบรมเลี้ยงดูเรา ถ้าไม่มีเธอ หนูอาจลำบากมากกว่านี้ เธอก็อาจเหงาหรือเครียดมากกว่านี้ เพียงแต่ที่เธอหงุดหงิดพูดจาไม่น่าฟัง อาจเพราะเธกรู้สึกเหน่ือยกับชีวิต เหน่ือยกับภาระหน้าที่ เธออาจคิดว่า "อุตสาห์ไม่แต่งงาน แต่ก็ยังมีลูกต้องเลี้ยง!" แต่การที่เธอไม่ปฏิเสธหนู ก็จงรู้เถอะว่า น้ารักหนู เพราะฉะนั้น ทนกันต่อไปเถอะนานไปก็จะเข้าใจกันดีขึ้น มองข้ามพฤติกรรมคำพูดที่หนูไม่ชอบไปเสีย คนมากมายอยากส่ือสารด้วยภาษาดอกไม้ แต่เพราะไม่คุ้นเคยจึงพูดไม่เป็น หนูต้องเป็นคนเร่ิมก่อน รู้จักแสดงน้ำใจ เอาใจใส่ช่วยงานในบ้า น ช่วยดูแลเอาใจน้าบ้าง ไม่ต้องอาย ไม่ต้องกลัว ยิ้มสู้เข้าไว้ก็จะได้ใจจากน้าเอง ลองนึกดูนะ ตอนนี้เรากมีกันเพียงสองคนน้าหลาน หากเมินเฉยไม่พูดไม่สื่อสารกัน ต่างคนต่างอยู่แล้วเราจะมีชีวิตอยู่อย่างไร เราอยากมีชีวิตทีอบอุ่นเรากต้องสร้าง ต้องทำ ความสุขสดช่ืนความอบอุ่น มันไม่สามารถลอยเข้ามาเองได้หรอก ต้องลงมือทำ เหมือนการปลูกต้นไม้ ทำได้ไหม ทุกวันนี้ที่เกิดขึ้นเพียงเร่ืองกระทบกระทั่งกันเล็ก ๆ ระหว่างน้าหลานขี้เหงาสองคน แต่ปรับเปลี่ยนแปลงให้ความสัมพันธ์นี้ดีขึ้น ถ้าเขาพูดอะไรไม่ถูกใจเรา ก็เงียบเปลี่ยนเร่ือง ไม่ต้องโกรธไม่ต้องเสียใจ น้าทำงานเหน่ือยเหมือนที่พ่อแม่เคยทำ ตอนนี้พ่อแม่เราทำไม่ได้เขาทำให้ต้องขอบคุณน้า และรู้จักสงบเสงี่ยมอ่อนน้อมไว้ อย่าจับผิดหรือคิดว่าน้าไม่ดี คนเราดีบ้างไม่ดีบ้างเป็นเร่ืองปกติของมุษย์ น้าอาจไม่ดีดังใจเราที่ต้องการ แต่เขาให้เรากินนะ คนอ่ืน ๆที่หนูว่าดีนะ มีใครให้หนูกินข้าวบ้าง เคยคิดบ้างไหม! ที่สำคัญต้องตระหนักว่า ตอนนี้ครอบครัวเรามีกันเพียงสองหรือสามคน หากน้าเป็นอะไรไป แล้วเรายังเรียนไม่จบ พ่อเราจะอยู่อย่างไร ถึงจะมีกันเพียงสองคนน้าหลาน ดีกว่่าไม่มีใครนะ ที่อาจารย์พูดมาทั้งหมด เพราะเข้าใจและเป็นห่วงหนู อยากให้หนูปรับทัศนคติในการมองน้าให้เป็นทางบวกมากกว่านี้ เราจะได้มีความสุข น้าจะได้ไม่เครียด และพ่อจะได้มีกำลังใจจะรอคอยหนูต่อไป ที่ผ่านมาอาจารย์รู้สึกช่ืนชมหนูมากที่ผ่านอุปสรรคปัญหามาได้ถึงวันนี้ แตจะดีย่ิงขึ้นถ้าหนูพยายามมากขึ้นตามแนวทางที่แนะนำมา ขอให้หนูตั้งสติ มีอะไรปรึกษาไปใหม่ได้นะ ขอให้มีความสุข และปลอดภัย

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
21 พฤศจิกายน 2561 14:02
Post อันดับที่ 1

ตอบกระทู้


กลับด้านบน