มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ
พ่อกับแม่นิสัยสุดขั้ว

สวัสดีคะอาจารย์ที่เคารพหนูมีเรื่องเรียนปรึกษาอาจารย์ ดังนี้คะ คือ พ่อของหนูมีนิสัยพูดจาหยาบคาย ตะคอก ดุดัน ขี้โมโหโวยวาย ชอบทะเลาะกับแม่ ด่าเถียงกันทุกวัน พ่อเป็นคนชอบพูดด่าคนลับหลังโดยเฉพาะหนูที่เป็นลูกสาว หนูรู้มาตลอด และเคยได้ยินหลายครั้ง แต่พ่อไม่เคยยอมรับ กับคนอื่นพ่อจะพูดจาดีมาก ชอบคุยเรื่องอดีตให้คนอื่นฟัง ชอบคุยกับคนอื่นเชิงสั่งสอน จนไม่ค่อยมีใครคบกับพ่อ พ่อหนูมีนิสัยแบบนี้เหมือนย่า ส่วนแม่หนูก็อารมขี้โวยวาย พูดจากระโชกโฮกฮาก หูตึง ด่าแบบไม่มีเหตุผล เสียงดังลั่นบ้าน กับข้าวก็ไม่ทำกิน นั่งๆนอน บางวันแกนั่งเหม่อลอยมองหน้าต่าง แม่หนูไม่มีอาชีพ จะคอยดูแลลูกๆหนู 2 คนหลังจากกับโรงเรียน (ลูกหนูสองคนชายหญิงอายุ 3-5 ปี) แม่ชอบพูดจากับลูกหนูหยาบคาย พูดกับเด็กมึง-กู ทุกวันนี้ครอบครัวหนูอาศัยอยู่บ้านพ่อ แต่ปัญหาสั่งสมที่เกิดขึ้นสามีหนูเขาทนไม่ได้แล้วคะเขาอยากย้ายไปอยู่บ้านที่เพิ่งซื้อไว้ แต่ตอนนี้พ่อหนูเป็นคนไปรับ - ส่งหลานๆ ถ้าเกิดย้ายไปตอนนี้พ่อก็จะทะเลาะกับหนูและแฟนได้ ตอนนี้หนูไม่คุยกับพ่อเพราะพฤติกรรมของเขาหลายอย่าง หนูควรจะทำอย่าางไรดีคะ แม่หนู กับพ่อเขาดูเหมือนคนไม่ปกติเลยคะ หนูเครียดทุกวันจะย้ายออกหนูก็เป็นห่วงแม่ ถ้าย้ายออกไปก็สบายใจมาก ไม่ต้องได้ยินเสียงด่ากัน เขาจะได้ไม่รำคาญลูกหนูเวลาซนด้วย หนูสับสนมากคะอาจารย์ ถา้ทนอยู่แล้วเป็นแบบนี้แฟนหนูบอกว่าจะระเบิดลงอารมย์เขาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เขากล้าที่ทะเลาะกับพ่อหนู เพื่ออยากออกจากบ้านให้พ้นๆ

น้องเมย์
kookjo.grace82@gmail.com
22 กรกฎาคม 2562 11:48

หนูเมล์ เคยได้ยินไหมที่พระท่านว่า คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้ และเป็นในสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ว่าเราจะเป็นอะไรหรือสรวมบทบาทใหน ก็ทำเสียให้ดี ให้มากเท่าที่จะทำได้ เราจะ ได้ไม่ต้องเสียใจภายหลัง ที่สำคัญพระพุทธศาสนา สอนให้เราได้เข้าใจว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเรา หรือสิ่งที่เราพบเห็นและเป็น ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ ก็เป็นเพราะผลแห่งการกระทำของตัวเราใหนอดีตนั่นเอง จากอดีตมาปัจจจุบัน เราต่างยอมรับกันว่า เราแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เราสามารถ "กำหนด" อนาคตให้ตัวเราและครอบครัวได้ แต่เมื่อเรามีอดีตเป็นผลแห่งกรรม เป้นความผิดทีติดตัวมาซึ่งเราต้องชดใช้ เราก็ต้องทั้งทำงานเพื่อสร้างอนาคต และเผชิญหรือต่อสู้กับอุปสรรคและปัญหาที่มาจากอดีต จึงทำให้เกิดทั้งทุกข์และสุขคละเคล้าปนกัน หากเรา"ปลง" ได้เราก็จะมีสุขมากกว่าทุกข์ คือไม่ปล่อยใให้อุปสรรคและปัญหามาทำร้ายชีวิตของเราจนไม่มีความสุข การรู้จักปลง คือการ"ยอมรับ" สถานการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นว่าแก้ไขไม่ได้ เช่นที่เราทักจะพูดกันสั้น ๆ ว่า "เรื่องที่เกิดขึ้นนั้น เป็นวิบากกรรมส่วนตัวของคนนั้น คนนี้ เราคงช่วยเขาไปได้หรอกคือเขาคนนั้นต้องชดใช้กรรมของตนเองด้วยตนเอง" เหมือนอย่างกรณีครอบครัวของคุณ หนูเมย์กับสามีนิสัยสุภาพเรียบร้อย แต่พ่อแม่กลับเป็นคนแข็งกระด้าง พูดจาหยาบคาย ชอบหาเรื่องทะเลาะกับลูก ๆ ทำให้บรรยากาศในบ้านไม่สงบ ถ้าถามเขาว่าชอบไหม ชอบที่ต้องเป็นอย่างนี้หรือเปล่าเขาก็คงบอกไม่ชอบแต่ควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาไม่อยากทำ ไม่อยากเป็น แต่ไม่สามารถควบคุมตนเองให้ไม่สร้างความน่ารังเกียจให้ตนเองได้ นั่นคือวิบากกรรมส่วนตัวของเขา ถ้าเรายอมรับได้ ไม่ถือสา และพยายามหาทางพาเขาไปรักษากับจิตแพทย์ หายแลวค่อยคุยกันใหม่ เราจะได้ห่าง ๆ กันไปบ้าง การยอมรับว่าเขาป่วยด้วยโรคประสาท หรือโรคทางจิตเวช ก็เหมื่อนกับเรากำลัง "ปลด"ความทุกข์ ความเครียด ความโกรธเกล้ยดที่เข้าไปทำลายความสุขของเรากับลูกเมีย ซึ่งนานไปกลายเป็นเขายั่วยุอารมณ์โมโหหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนวันหนึ่งเราอาจทนไม่ได้ต่างเข้าทะเลาะทำร้ายกัน กลายเป็นสามีคุณ พาตัวเองเข้าไปร่วมกรรมกับเขาด้วย ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ลองตั้งสติและคุยกับสามีคุณตรง ๆ ให้เขา "ปลง ปลด และปล่อยวางเรื่องราวของพ่อแม่คุณ" หาทางพาท่านไปรับการรักษาที่ รพจิตเวช เขาจะได้หมดเคราะห์หมดกรรมไปด้วย พอจะทำไห้ไหม พยายามพาพ่อแม่ไปรักษากับแพทย์โดยตรง เพื่อเขากับเราจะได้พูดคุยกันในระดับเดียวกัน ทุกวันนี้เหมือนคุณกับสามีพูดกับคนป่วย อยากให้มองว่าเขาป่วย จิตเราจะได้มีเมตตามากขึ้น วันไหนหยุด ก็พากันทั้งครอบครัวไปทำบุญกรวดน้ำ แผ่ส่วนกุศลให้ความทุกข์ของเราทุกคน จิตจะได้สงบขึ้น(ถ้าเป็นคนพุทธ)นะ แผ่เมคคาให้กับพ่อแม่ลูก ๆ ด้วยกันทุกคนและจะทำบุญกุศลอะไรก็ได้ที่ทำให้เราค่อยสบายใจและมองกันอย่างเป็ณมิตรใหมากขึ้น แล้วทางออกต่าง ๆ ก็จะค่อย ๆ มาเอง ลองไปคิดไตร่ตรองดูนะคะ แล้วเขียนไปใหม่ได้ ดูแลตัวเองด้วยค่ะ

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
22 กรกฎาคม 2562 16:18
Post อันดับที่ 1

ตอบกระทู้


กลับด้านบน