มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ
โดนรบกวน

จากครั้งก่อนที่ได้สอบถามอาจารย์เรื่องบริการให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์นั้น หนูหวังว่าอาจารย์จะปรับปรุงการให้บริการและเปิดให้บริการเร็วๆนี้นะคะ จะได้เป็นทางเลือกสำหรับการโทรปรึกษามากขึ้น วันนี้มีเรื่องอยากขอปรึกษาค่ะ ช่วงนี้หนูรู้สึกขาดกำลังใจอย่างมากเนื่องมาจากคนรอบข้างสร้างปัญหาให้มากโดยเฉพาะคุณป้าค่ะ แกมีปัญหาทางสมองและมักจะมีพฤติกรรมแปลกๆ เดินขึ้นเดินลงและเดินเข้าเดินออกห้องที่หนูใช้นอนซึ่งมันสร้างความรำคาญให้หนูมากเพราะเขาจะเดินเข้ามาพูดอะไรไร้สาระ เพ้อเจ้อ เวลาที่หนูนั่งอ่านหนังสือหรือทำการบ้าน แล้วหนูยิ่งเป็นคนขี้หงุดหงิด อารมณ์เสียง่ายด้วย มันทำให้สมาธิแตกกระเจิง เวลาจะหยิบขึ้นมาอ่านอีกก็ไม่กล้า เครียดและกลุ้มใจมากๆเลยค่ะ เคยใช้วิธีล็อคประตูห้องแกก็เคาะห้องอย่างเมามันเหมือนคนบ้าแล้วก็เรียกชื่อเราเป็น 10 รอบ บิดลูกบิดก๊อกแก็กๆๆ ถ้าเราไม่เปิดก็ตะโกนเสียงดังๆเหมือนหมาถูกเชือด บอกเปิดประตูให้ป้าเข้าไปสิ หนูมาอยู่บ้านนี้ได้ 2 ปี แล้วค่ะ แต่ก่อนอยู่กับคุณพ่อแต่ด้วยความจำเป็นเลยต้องมาอยู่ที่นี่ แรกๆก็ไม่มีอะไรนะคะ แต่หลังๆพออยู่นานขึ้นก็มีพฤติกรรมแบบนี้มากขึ้น หนูรู้สึกถูกรบกวนความเป็นส่วนตัวมาก แม้กระทั่งจะอ่านหนังสือยังไม่ได้เลยค่ะ ตอนที่อยู่กับคุณพ่อ แกไม่เคยมายุ่งกับเราต่างคนต่างอยู่เพราะรู้นิสัยเราดี เราอยู่ชั้นบน พ่ออยู่ชั้นล่าง ฟ้องน้าก็หลายครั้ง บอกว่าน้าหนูทนป้าไม่ไหวแล้วนะ มันไม่มีพื้นที่ส่วนตัวเลย น้าก็เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ยิ่งถ้าเราเล่ารายละเอียดก็จะว่าเราว่าป้าพูดแค่นี้ก็ไม่ได้หรือ เราก็บอกว่าเราต้องการความเป็นส่วนตัวมากกว่านี้ แล้วที่มาเคาะๆห้อง ตะโกนเหมือนคนบ้าเนี่ยคิดว่าถูกเหรอ น้าบอกว่าป้า เอ๋อๆ อย่าถือ แต่อาจารย์ค่ะ เวลาที่เราต้องการความเป็นส่วนตัวเราก็ไม่อยากให้ใครมารบกวนเลย ทำไมน้าถึงไม่เข้าใจคะ จริงๆมันก็เป็นสิทธิ์ของหนูนะคะ หนูคิดจะกลับบ้านเดิมที่เคยอยู่กับคุณพ่อแต่ก็ต้องใช้ชีวิตลำบากเนื่องด้วยอยู่ชานเมืองเรื่องการเข้าออกและอาหารการกินก็ไม่สะดวก หนูไม่มีรถหรือมอไซด์น่ะค่ะ อีกอย่างผูกปิ่นโต ค่าใช้จ่ายต่อเดือนก็ค่อนข้างแพงอยู่ หนูทำอาหารพอได้ค่ะ แต่ด้วยความที่อยู่คนเดียวหนูไม่อยากให้เป็นภาระจึงกำลังคิดว่าจะทำไงดี ยิ่งช่วงนี้สภาพจิตใจกำลังอ่อนแอ อยู่คนเดียวก็อาจรู้สึกเหงา อ้างว้างได้ เพราะบ้านพ่อเป็นหลังๆ มีบริเวณ ตอนกลางคืนจะเงียบมาก ไม่ใช่กลัวผีนะคะ แต่กลัวความคิดตัวเอง หนูเป็นลูกสาวคนเดียวค่ะ จะทำอะไรก็ลำบากมาก แม้กระทั่งจะหิ้วสัมภาระกลับบ้านก็ต้องพยายามหิ้วขึ้นแท็กซี่เอง ไม่มีคนช่วย เพราะนอกจากบ้านนี้ ญาติอื่นๆก็ไม่เอาธุระ จริงๆอยากให้พี่ที่เป็นลูกชายพี่สาวพ่อมาช่วยแต่เขาก็ไม่เคยมายุ่งกับเราเลย หนูตัดสินใจแล้วว่าจะกลับบ้านไม่งั้นคงไม่ได้อ่านหนังสือแน่ๆ แล้วสภาพบ้านไม่ได้กลับไปนานๆฝุ่นก็จับอีก ก็ต้องเรียกคนมาทำความสะอาด ก็มีค่าใช้จ่ายอีกค่ะ อาจารย์คิดว่าหนูควรจะทำไงดีคะ ถึงจะใช้ชีวิตที่บ้านพ่อได้ น้าจะออกค่าอาหารแบบผูกปิ่นโตให้เดือนล่ะ 1000 แต่ค่าทำความสะอาดก็ต้องซื้ออุปกรณ์ น้ำยาถูพื้น าน้ำยาขัดห้องน้ำและอื่นๆ ตอนนี้สับสนไปหมดเลยค่ะกับสภาพที่เป็นอยู่

...
flyaway.likeabird@gmail.com
27 พฤศจิกายน 2561 12:37

ทุกวันนี้ถ้าดูข่าวทุกวัน จะพบว่า ผู้คนในสังคม หรือคนในครอบครัวที่มีอาการไม่ค่อยปกติ หรือมอาการทางจิต ประสาทนั้นมให้พบเห็นหรือได้ยินเร่ืองราวตลอดเวลา ซึ่งเกิดจากการไม่ได้ไปพบทีมนักจิตวิทยาหรือทีมจิตแพทย์ตั้งแต่ต้น อาจเพราะเจ้าหน้าที่ด้านนี้มีีีีีไม่พอหรือเราไม่มีความเช่ือจึงไม่ได้ไปขอรับบริการ พอนานๆ ไปอาการก็สะสมมากขึ้น จนแสดงพฤติกรรรมออกมาอย่างน่าเป็นห่วง กรณีป้าของหนู หนูเคยคุยกับคุณน้าไหมว่าให้เธอหมุนโทรศัพท์ 1323 หรือ 1300 ก็ได้แล้วย่ืนโทรศัพท์ให้คุณป้าลองคุยกับเ้าหน้าที่นั้นดูโดยเฉพาะ 1323 ที่เป็นของกรมสุขภาพจิต หากเธอคุ้นเคย ต่อไปคุณน้าอาจพาเธอไปใช้บริการโดยตรงที่โรงพยาบาลศรีธัญญาก็ได้ การไปพบนักจิทยาหรือจิตแพทย์ไม่ได้หมายความว่า เธอเป็นบ้า แต่เธอต้องการความช่วยเหลือ อาจต้องการยาซึ่งจิตแพทย์เท่านั้นที่จะจ่ายยาได้ จะช่วยให้เธอสามารถควบคุมตัวเองต่อไได้นะ อยากให้พยายามช่วยเธอเร่ืองนี้เสียก่อน ให้ตัวเองแน่ใจสบายใจว่าได้พยายามช่วยเหลือคนใกล้แล้ว ป้าก็เป็นพี่สาวพ่อ ถ้าพ่ออยู่ตรงนี้เขาก็คงต้องพาป้าไป แต่เขาไมอยู่อยากให้หนูและน้าช่วยป้าเร่ืองนี้ คือส่งให้ถึงมือคนที่สามารถจะช่วยดูแลรักษาเธอได้นะ ส่วนเร่ืองที่หนูคิดจะทำเพ่ือรักษาความเป็นส่วนตัวของตัวเองไ้นั้น หนูยังมีเวลาอีกมากจะทำในส่ิงที่หนูต้องการ ก็เข้าใจในความคิดและความรู้สึกของหนู เพราะคนวัยเดียวกับหนูทั้งในอดีกและปัจจุบันก็ไม่ต่างกันเท่าไร คืออยากเป็นตัวของตัวเอง แต่ดูเหมือนแต่ละเส้นทางก็จะมีขอจำกัดเสมอ คือหนูยังเด็ก การอยู่คนเดียวก็อันตราย คนสมัยนี้ไว้ใจยาก กระทั่งจะสั่งคนมาส่งปิ่นโต เราก็ไม่รู้เขาจะเป็นผู้ร้ายหรือเปล่า ใคร ๆ ก็ไม่สามารถรับประกันกับใครได้ แล้วหนูจะกล้าเสี่ยงหรือ แล้วยังต้องดูแลทำความสะอาดหรือเสียเงินจ้างคนมาทำความสะอาดบ้าน บ้านอาจเงียบแต่ก็มีงานที่คนตัววเล็กอย่างเราจะเหน่ือยมากเช่นกัน หนูคิ่ทำไหวไหม ไปอยู่ตรงนั้นเพ่ือนบ้านรู้จักคุ้นเคยหรือไว้ใจได้หรือเปล่า ความสามารถในการเข้าถึงความช่วยเหลือกรณีมีเหตุร้ายขึ้นใครจะมาช่วยทัน ต้องคิดไตร่ตรองให้ดี สมยนี้ไม่่าอยู่ในกรุงเทพหรือต่างจังหวัดก็น่าห่วงเร่ืองคามปลอดภัยทั้งนั้น ครั้นหนูต้องอยู่กับป้าและน้าต่อไป หนูก็เครียดไม่ต้องการจะทนกับญาติผู้ใหญ่ทั้งสอง แม้จะรู้ว่าเขายังไม่ได้เป็นอันตรายแต่ก็น่ารำคาญ หรือหากปล่อยนานไปเขาอาจจะป่วยจริง ๆ ก็ได้ อาจารย์มองว่า ถ้าหนูช่วยป้า ช่วยน้าให้ได้รับการดูแลและมีคนให้คำปรึกษาป้า ป้าก็จะดีขึ้นเอง แลทุกอย่างจะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่ถ้าหนูไม่เอาทิ้งเขาไป ตัวหนูก็ลำบาากและอาจมีอันตราย ป้าก็อาจมีอาการหนักมากขึ้น บางที นี่คือส่ิงที่หนูสามารถทำได้ดีกว่าใคร ๆ คือช่วยป้าช่วยน้าและช่วยตนเองด้วย ลองคิดพิจารณาไตร่ตรองด้วยจิตเมตตาต่อตัวเองและต่อครอบครัวของเราด้วยนะ แล้วดูแลตวเองให้ปลอดภัยด้วย

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
27 พฤศจิกายน 2561 13:27
Post อันดับที่ 1

เข้าใจที่อาจารย์อธิบายค่ะ แต่ว่าเรื่องความผิดปกตินั้นไม่ได้เกิดจากระบบประสาทแต่เกิดจากการผ่าตัดเนื้องอกในสมองเมื่อ 15 ปีก่อน ซึ่งหลังจากการผ่าตัดก็มีความผิดปกติเกิดขึ้นกับตัวป้าเอง เช่น แรกๆก็อาจเดินไม่ได้เลย แล้วก็เปลี่ยนมาเป็น ตาเลือนลาง หูตึง ความจำเสีย พฤติกรรมที่ผิดปกติต่างๆ ซึ่งป้าเองก็มีบัตรคนพิการของกรมสังคมสงเคราะห์เพื่อใช้ลดค่ารักษาพยาบาลต่างๆ จากประเด็นที่หนูได้อธิบายไปจึงไม่คิดว่าน่าจะเป็นโรคที่รักษาได้หายขาดจากการทานยานะคะ ในทุกๆ 2-3 เดือน น้าก็จะพาป้าไปพบแพทย์และรับยามาทานอยู่แล้วค่ะ ซึ่งยาตัวนี้ก็เหมือนจะช่วยควบคุมอารมณ์ แต่ก็นั่นแหละค่ะ ยาไม่ได้ไปยับยั้งพฤติกรรมที่ผิดปกติของป้าได้ แกก็ยังคงเป็นอยู่แบบนี้ เพียงแต่ไม่ให้อาการแรงไปกว่านี้แค่นั้นเอง ซึ่งแต่เดิมป้าก็ไม่ถูกกับยายที่อยู่บ้านตรงข้ามก็ชอบไปหาเรื่องเขาจนเขาอยู่ไม่ได้เหลือแต่หลานๆเขาอยู่ แต่ก็ดีนะคะที่ไม่ได้เป็นลักษณะอาการคลุ้มคลั่งเหมือนคนเป็นโรคประสาทเพียงแต่ลักษณะพูดจาไม่รู้เรื่อง ไฮเปอร์ สมาธิสั้น อยู่นิ่งๆไม่ได้ ชอบยุ่งกับคนอื่น หูตึง หรือบางครั้งก็มีพฤติกรรมแปลกๆอย่างที่อธิบายไปตอนต้น หรือ บางทีก็ชอบปิดไฟทั้งบ้านและอยู่มืดๆคนเดียวตอนกลางวันเวลาไม่มีใครอยู่บ้านเพราะคิดว่าประหยัดไฟแบบนี้ เป็นต้น ก็เลยไม่คิดว่าป้าแกจะยอมคุยกับเจ้าหน้าที่ 1323 หรือไม่ก็คงคุยไม่รู้เรื่อง เพราะขนาดเวลามีไปรษณีย์มาส่งของแกยังไม่กล้ารับของเซ็นชื่อเลย เหมือนเป็นโรคกลัวคนด้วยค่ะ เจอแบบนี้ก็รู้สึกเหนื่อยใจ ส่วนเรื่องการย้ายไปอยู่บ้านนั้นก็เห็นด้วยตามที่อาจารย์บอกค่ะ เรื่องข้อจำกัดต่างๆ ส่วนเรื่องความปลอดภัยก็ไม่น่าเป็นห่วงเพราะเป็นหมู่บ้านจัดสรร อยู่มานานก็ไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรนอกจากเมื่อ 20 ปีก่อน โดนขโมยขึ้นบ้านตอนไม่มีคนอยู่ เพราะตอนนั้นไม่ได้อยู่กันที่บ้านนั้น เพียงแต่จะลำบากเรื่องการเข้าออกและอาหารการกินแค่นั้นเองค่ะ แต่ตอนนี้หนูไม่มีทางเลือกเลยค่ะ ถ้ายังอยู่ก็ไม่มีสมาธิ และก็จะนึกหงุดหงิดที่ป้ามากวนใจตลอดเวลานั่นแหละค่ะ ก็เลยกลายเป็นว่าไม่มีทางออก ถ้าพ่อกับแม่ยังอยู่ที่บ้านเราก็คงกลับบ้านอย่างสบายใจ แต่ชีวิตมันก็ดูจะขาดๆเกินๆ เลยรู้สึกลำบาก

...
27 พฤศจิกายน 2561 16:04
Post อันดับที่ 2

ดีใจที่หนูเข้าใจสถานการณ์ และพอจะยอมรับคุณป้าได้บ้าง อย่างน้อยเพ่ือไม่ให้เราทุกข์มากเกินไป เกิดอะไรขึ้น อยากให้หนูนึกว่าเมตตาคนแก่นะ ไม่ต้องถือสา สมัยนี้ผู้สูงอายุมีมากแทบทุกบ้าน ช่องว่างระหว่างวัยสุูง ก็อย่าถือสาเลยนะ ตั้งใจเรียนใ้จบ ออกไปเที่ยว ออกกำลังบ้าง หรือทำในส่ิงที่เราชอบและถนัด เช่น อ่านหนังสือ วาดรูป ร้องเพลงหรือจะส่วดมนต์ก็ได้ที่ทำแล้วสบายใจ โชคดีนะคะ

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
28 พฤศจิกายน 2561 13:15
Post อันดับที่ 3

ตอบกระทู้


กลับด้านบน