มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ
ไม่ำว้ใจคนรอบข้าง

แบมเป็นคนคนนึงที่ปรึกษาเรื่องนู้นเรื่องนี้คนอื่นไปทั่ว เพราะ คิดอะไรไม่ค่อยเป็น และกลัวทำผิด แต่ เราก็ยังไม่ไว้ใจคนที่เราไปปรึกษาอยู่ดี ว่า.. เค้าจะว่าเราบ้ามั้ย จะว่าเราปัญญาอ่อนมั้ย ก็กลัวแหละค่ะ แต่ก็ยังปรึกษาเค้า แบมปรึกษาเค้าทุกเรื่องจนเหมือนเข้าเป็นหมอจิตแพทต์ประจำตัวเลยก็ได้ แต่ คำตอบที่ได้มา คำแนะทำที่เค้าให้มา แบมก็เก็บมาคิดแล้วนะคะ มันเป็นได้ทั้งเรื่องที่สามารถทำได้และทำไม่ได้ ปัญหามันอยู่ตรงที่.. แบมปรึกษาทุกคนแต่ก็ไม่ไว้ใจใครสักคน แล้วก็ยังต้องมาเครียดเรื่องที่ว่าจะทำแบบที่เค้าบอกหรือทำแบบที่ตัวเองคิดดี มันก็กลัวที่จะเลือกทำอะไรสักอย่างแล้วมันจะพลาด เลยคิดมากจนไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรเลยอยู่แบบนี้ จากที่แรกๆ แบมเป็นคนที่เริ่มเข้าหาเพื่อน เริ่มทำงานส่ง ก็กลายกลับมาเป็นคนคนเดิมในตอนก่อนหน้านี้ที่ไม่เคยส่งงานส่งการบ้านเลย มันเครียดจนทำอะไรไม่ถูก ที่ไม่ไว้ใจมีหลายเหตุผลค่ะ เช่น ช่วงนึง แบมชอบรุ่นพี่ที่เค้าทักมาหาแบมก่อน เพราะเค้าอยากรุ้จัก เค้าไม่ได้คิดที่จะจีบแบมเลย ช่วงแรกๆพี่เค้าก็บอกว่าเค้าชอบแบมเหมือนกันแต่หลังๆเค้าไม่คุยด้วยเลยเราก็เลยคิดว่า เค้าคงทนเราไม่ไหวแล้ว แบมก็ไปปรึกษาเพื่อนเค้า ที่เค้าเคยบอกเรื่องพี่คนนั้นตอนที่แบมไม่ได้อยุ่ไกล้ๆ แบมก็ปรึกษาไปเรื่อยๆ จนถึงวันเกิดพี่ที่แบมชอบ แบมซื้อของให้เค้าแต่เค้าไม่เอา แบมก็ไม่ได้เจ็บปวดอะไรนะ แต่ เหมือนหัวใจมันหยุดทำงาน เหมือนมันแตกร้าว แบมเลยไปถามพี่ที่เป็นเพื่อนพี่คนนั้น เค้าก็บอกว่า.. ทุกครั้ง.. ที่แบมไปหาเค้าบ่นรำคาญ และว่าว่าแบมปัญญาอ่อน แบมไม่ตกใจหรอกนะ ก็รุ้อยู่แล้ว แต่ มันก็เจ็บกว่าเดิม แบมก็ยังอยุ่ได้ และอีกเรื่อง ช่วงตอนที่แบมยังไม่สงสัยว่าพี่ที่เราชอบเริ่มรำคาญ ก็มีเพื่อนในกลุ่มนั่นแหละ เค้าเริ่มบอกว่าอยากสนิดกับแบม แบมก็โอเค คุยกันได้ทุกอย่าง มันราบรื่นดี แต่.. หลังจากที่แบมเลิกยุ่งกับพี่คนนั้นไป แบมกับเค้าก็เริ่มสนิดกันมากขึ้น เค้าเริ่มจัยแก้มจับผม นู่นนี่นั่น จนถึงตอนนี้ ซึ่งมันมากไป ใจก็เพิ่งแตกร้าวมา ใครเข้ามาก็หวั่นไหว แต่ คนนี้แบมทำอะไไม่ได้ ต่อให้ตอนแรกแยมคิดก็เค้าแค่เพื่อน แต่ตอนนี้แบมก็ยังไม่ได้ชอบเากลอกแค่หวั่นไหวหน่อยๆเลยเริ่มออกห่าง เพราะ เค้ามีแฟนแล้ว แฟนเค้าคือเพื่อนในกลุ่มอีกคน แฟนเค้าเป็นคนที่ดูไม่คิดอะไรมาก ใจดี แบมเลยำม่อยากยุ่งกับเพื่อนคนที่ตีสนิดแบม แบมกัว กลัวที่จะชอบ คนที่เค้ารักกันมาก ตอนนี้ก็กลานเป็นเครียดมากๆค่ะ.....

แบม
bunnieangels@hotmail.com
22 สิงหาคม 2561 00:53

หนูแบม ในช่วงวัยรุ่น ความรู้สึกสับสนขัดแย้งไม่แน่ใจ ไม่เช่ือใจและความหวาดระแวงคนรอบ ๆ เป็นเร่ืองปกติ ไม่เสียหายยยและไม่ต้องแปลกใจ เพราะด้วยความเป็นเด็ก ขาดประสบการณ์ และเร่ืองเล็ก ๆ มากมายก็ไม่เคยมีพ่อแม่ พี่น้อง เพ่ือนผู้ใหญ่สอน หรืออธิบายเรา เราส่วนใหญ่ก็ต้องเรียนรู้ถูกบ้างผิดบ้างเพ่ือจะได้เข้าใจ คุ้นเคย มีประสบ การณ์เป็นบทเรียนสำหรับความเยาวัย รวมถึงความรู้สึกหวาดระแวงไม่ไว้วางใจ ก็มีไว้บ้างก็ดี โดยเฉพาะสำหรับสังคมสมัยนี้ที่มีผู้คนมากมายต่างชาติต่างภาษา ต่างการฝึกฝนอบรม ทำให้ผู้คนมีความซับซ้อนหลากหลายทางจิตใจ และการเปลี่ยนแปลงสภาพส่ิงแวดล้อมในสังคมก็ทำให้ผู้คนทั่วไปมากมาย มีความรู้สึกสับสนขัดแย้งและขาดความมั่นคงเช่นกัน การจะเรียนรู้จักคนรอบ ๆ ด้วยความระมัดระวังจึงเป็นเร่ืองจำเป็น พฤติกรรม การกระทำตลอดจนความคิดความรู้สึกที่แบมเคยเป็น เคยทำ ก็ไม่ใช่เร่ืองเสียหาย เพ่ือน ๆ ของแบมส่วนใหญ่ก็ไม่ต่างกันหรอกเพียงแต่เขาอาจจะซ่อนความคิด ความรู้สึกได้ดีกว่าและเขาไม่อยากปรึกษาใครต่อใครเร่ือยไป เพราะเกรงจะถูกตำหนิว่าไม่เกรงใจเพ่ือนหรือพี่ๆ และยิ่งแบมเปลี่ยนคนที่ไปปรึกษาเร่ือยไป สุดท้ายทุกคนก็จะรู้ว่า เหมือนแบมเอาแต่ปรึกษาเร่ือยไปไม่ได้เช่ือฟังหรือคิดจะพัฒนาเปลี่ยนแปลงตัวเองจริง นานไปทุกคนก็เบ่ือหน่าย รำคาญ และมองว่่แบมไม่ได้จริงจังอะไรหรอก เขาก็ไม่อยากต้องเสียเวลาด้วยต่อไป การจะปรึกษาจึงควรมุ่งไปที่คนที่ทำหน้าทีโดยตรงเช่น ครูอาจารย์แนะแนวหรือที่ทำหน้าที่ให้คำปรึกษากับนักเรียน ทีแบมเช่ือใจวางใจจริง ๆว่าครูเป็นครูที่เข้าใจเด็กวัยรุ่น และมีเวลาให้กับนักเรียน ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแบมก้บเพ่ือน ๆ ก็เช่นกัน วัยเด็กเราก็มีความนึกคิดคล้าย ๆ กันคือจริงจังและยังบริสุทธิ์ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม แต่ก็อาจถูกบ้างผิดบ้าง ไม่เป็นไรถูกผิดก็รู้จักให้อภัยไม่ถือสาบ้าง เราเป็นเพ่ือนกันก็เพ่ือเรียนรู้ที่จะเติบโตไปด้วยกัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องจริงจังจนทำให้เครียด ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ทำ ที่สำคัญ คิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี แล้วทุกอย่างก็จะดีเอง เร่ืองเรียน สมัยนี้ต้องพึ่งพาจับกลุ่มกัน ชวยเหลือกันและกันก็ต้องทำตัวให้สม่ำเสมอ พร้อมจะให้ความร่วมมือให้ความช่วยเหลือกันและกัน และควรให้ความสำคัญกับการเรียนมาเป็นอันดับแรก คือต้องเรียนให้จบ เราอาจจะให้ความสำคัญกับเพ่ือน กับเพศตรงข้ามทำได้ แต่ควรจะให้ความสำคัญกับเร่ืองการเรียนให้มากที่สุด เพราะการศึกษาคืออาชีพที่เราต้องใช้ทำมาหากินในอนาคต เราต้องเรียนให้จบเพื่อจะได้พึ่งตนเองให้ได้ ส่วนเร่ืองเพศตรงข้าม เม่ือเราทำตัวดี มีอาชีพ คนดี ๆ ก็จะเข้ามาเอง เพราะนั้น ถึงขณะนี้ก็ปรึกษาผู้รู้มาหลายคนแล้ว ถึงเวลาลงนั่น เรียบเรียงเร่ืองราวทีละขั้นตอน อะไรสำคัญก่อนหลัง นำไปปฏิบัติให้เกิดผล โดยใช้หลักที่พ่อแม่ครูอาจารย์สอนสั่งมา ให้คิดดี พูดดีและทำดี ทุกอย่างก็จะค่อย ๆ ดีไปเอง หนูแบมลองไตร่ตรองดูนะ

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
22 สิงหาคม 2561 15:34
Post อันดับที่ 1

ตอบกระทู้


กลับด้านบน