อยู่กับคนที่เขารักเราและมีเงิน หรืออยู่กับคนที่เรารักเขาเขารักเราอย่างพอเพียงดิฉันลาออกจากงานมาอยู่ต่างประเทศ ได้1 เดือนแล้ว อยู่กับแฟนที่คบกันมาเกือบสามปี และตัดสินใจจะแต่งงานกัน แต่พอมาอยู่ด้วยกันรู้สึกเบื่อ ไม่อยากให้เขาแตะเนื้อต้องตัว ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม เหมือนไม่รักเขาอีกแล้ว ทั้งๆ ที่เขาให้ทุกอย่าง อยู่อย่างสบายและเขาดูแลอย่างดี แต่เขาเป็นคนปากจัด แต่ใจเราอยากกลับไปเมืองไทยซึ่งเราก้อรัก คนๆนึง พึ่งเจอกันได้ไม่นานแต่เรารู้ว่าเขาคือคนที่ใช่ ไม่ได้ร่ำรวย แต่ก้อไม่ลำบากอะไร กลับไปก้อต้องทำงานปลดหนี้สิน เราจะเอายังไงดี อยู่อย่างสบายกับคนที่เราหมดใจ หรือกลับไปทำงานหนักเพื่อได้อยู่กับคนที่รักPost�:�E-Mail�:�Date�: 15 มิถุนายน 2558 :: แสดงความคิดเห็น :: ลำพังต้องจากบ้านเมืองมาอยู่ต่างถ่ิน ก็เป็นความรู้สึกแปลกแยก เงียบเหงาและไม่มั่นคงในจิตใจ ทุกอย่างไม่ใช่ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างที่ผ่านมา กรณีแฟนที่คบมาสามปีบางทีที่ผ่านมาอาจจะไม่ใช่ความรักอย่างที่เราเข้าใจ เพราะฉะนั้นเมื่อสองคนก้าวออกมาจากสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคย ความแตกต่างก็ปรากฎออกมาให้เห็นเป็นความแปลกแยกมากขึ้น แม้ว่าเขาจะมีเงินและมีความสะดวกให้ แต่เมื่อรุ้สึกว่าไม่ใช่ ก็อาจจะไม่ใช้ ต้องถามว่าตัวเราได้ให้โอกาสเขา ให้โอกาสตัวเองเพียงพอหรือยังที่จะตัดสินใจเลือกอีกครั้ง คิดอย่างไรก็เรื่องนี้ เรื่องของความรัก เป็นเรื่องที่ต้อง "เสี่ยง" แม้หากตัดสินใจเลือกคนหลัง ก็ยังไม่อาจยืนยันได้ว่านี่จะเป็นทางเลือกครั้งสุดท้ายของคุณ ส่วนเรื่องฐานะและการดำเนินชีวิตของเขาคงไม่ใช่อุปสรรค เพราะตัวคุณก็คงสามารถดูแลตัวเองได้ ความลำบากไม่ใช่อุปสรรคของชีวิต แต่ความขัดแย้งทางจิตมจทำให้หัวใจเราไม่สงบ กระวนกระวาย และไม่มีความสุข บางทีแทนที่จะก้าวออกจากคนนี้เพื่อไปสู่คนโน้น อาจจะดีกว่าถ้าก้าวออกมาเพื่อเรียนรู้ที่จะเป็นตัวของตัวเองสักพัก ให้แต่ใจในตัวเองจริง ๆ ว่าต้องการอะไรหรืออย่างไรกันแน่ ทางเลือกไม่ใช่ เขาคนนั้นหรือคนนี้ แต่ทางเลือกที่สามคือตัวเราเอง ลองไตร่ตรองดูนะ ขอให้โชคดี Post อันดับที่ 1 Post�: อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร�E-Mail�:�Date�: 16 มิถุนายน 2558 :: ตอบกระทู้ :: ชื่อE-MailCode�xVgcDรายละเอียด� อาจารย์ค่ะ แล้วเมื่อเรารู้ตัวเองแล้ว สมมุติอยากกลับมาหาเขา แต่เขาเปลี่ยนไป เราจะทำยังไงค่ะ หรือเขารักเรา เขาจะรอเราได้ ตัดสินใจไม่ถูกจริงๆ
หนูสับสน ที่ว่าเเมื่อเรารู้ตัวแล้ว สมมุติอยากกลับมาหาเขา แต่เขาเปลี่ยนไป คุณหมายถึงคนแรกที่ว่าเขารักเรา แต่เรากำลังรู้สึกหมดรักเขา ใช่ไหม? แต่ไม่ว่าจะคนที่รักเรา หรือที่เรารักเขาและคิดว่าเขารักเรา ทุกอย่างก้เปลี่ยนแปลงได้เสมอ แต่หวังว่าเมื่อเขารักเรา เขาก็อาจรอเราได้ แต่ใจเราซิ จะกลับมารักเขาได้หรือ จริง ๆ แล้วต้องถามใจตนเองว่า เมื่อเขารักเรา แต่เราไม่รักเขาทำใจที่จะอยู่กับเขาไม่ได้ ถึงขนาดจะทิ้งเขาไปเพื่อชายอีกคน แต่หากเราทำใจรักเขาไม่ได้จริง ๆ เราจะยังสามารถทำใจยอมรับที่จะอยู่กับเขาต่อไปได้หรือ ถ้าอย่างนั้นปัญหาที่แท้จริงของเราคืออะไร อาจจะต้องการเขาเพราะเขามีความสะวดกสะบายจะให้เรา แต่ถ้าเขาเกิดยากจนสิ้นเื้อประดาตัว เราก็คงไม่เลือกเขาใช่ไหม บางทีบางคน ความรักก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญเสมอไป และไม่ว่าคุณจะตัดสินใจอย่างไร ไม่มีใครบอกได้ว่าอะไรถูก อะไรผิด นี่คือชีวิตของคุณ คุณต้องเลือกและตัดสินใจด้วยตนเอง เพราะผลที่ตามมาคือราคาที่คุณต้องจ่ายตามลำพัง ใคร ๆ จึงวิจารณ์คุณไม่ได้ ชีวิตมีความเสี่ยง แต่จะเลือกอย่างไรให้เสี่ยงน้อยที่สุด ตรงนี้ต้องขึ้นอยู่กับพ้ืนฐาน หรือ "ทุน" ในชีวิตของคุณว่ามีมากน้อยแค่ไหนในการพิจารณาตัดสินใจ และต้องเตรียมใจในการเผชิญกับปัญหาที่เกิดขึ้นและตามมาภายหลัง ผู้หญิงมากมายก็โชคดีที่แม้เมือ่ก้าวออกไปเพือตัดสินใจ และเมื่อหันกลับมาก็พบว่า เขายังรอเราอยู่ จึงหวังว่าคุณจะเป้นคนที่โชคดีอีกคนหนึ่ง แต่หากเขาไม่รอ เราก็อาจจะต้องเป็นคนรอ ให้เขาเรียนร้จักใจของเขาเองจริง ๆ ว่าจะทำใจยอมรับความสับสนขัดแย้งใจของเราได้หรือไม่ หรือเขาอาจรักเราที่ผ่านมา แต่เขาก็อาจรักศักดิ์ศรีของเขามากกว่ารักเราก็ได้ ก็ให้เวลาเป็นเครื่องตัดสินใจเมื่อถึงเวลานั้นดีไหม ค่อยไตร่ตรองก็ดีเหมือนกันนะ คิดให้หนัก คิดให้นาน ขอให้โชคดีค่ะ
ความจริงหนูต้องบินกลับเมื่อวาน แต่เขาขอให้อยู่ต่ออีกสักสองสามวัน เพื่อตัดสินใจอีกนิด หนูสงสารก้อเลยอยู่ต่อ แต่ทุกวันที่อยู่ด้วยกันใจหนูไม่อยู่ที่นี่เลย แม้เขาพยายามพูดเรื่องแต่งงาน หางานดีดีให้ทำ จะพาไปเที่ยวประเทศอื่นๆ คนที่เมืองไทยก้อดีมาก รอได้ตลอด และไม่เคยบ่นเลย หนูแค่รู้สึกว่า แท้เราจะอยู่ที่ดีดี สังคมดี เที่ยวหลายๆประเทศ แต่ความสุขกลับไม่มีในใจเลย พอติดต่อคนที่ไทยไม่ได้ก้อกระวนกระวาย กลับไปหนูก้อกลัวนะค่ะ งานก้อลาออกมาแล้ว ที่นี่มีโอกาสมากมาย แต่ทำไมไม่มีความสุขทางใจเลย
หนูกำลังเหยียบเรือสองแคม คนโบราณว่าให้ระวังจะพลัดตกน้ำ การที่คุณเหมือนรักพี่เสียดายน้อง ทำให้จด ๆ จ้อง ๆ ไม่กล้วตัดสินใจทำอะไร ทำให้ตัวเองทุกข์ทรมาณ ที่ผ่านมาได้แนะนำให้พิจารณาความต้องการที่แท้จริงของตนเอง และศักยภาพในการดำเนินชีวิตด้วยตัวเอง เพราะไม่ว่าเราจะรักคนไหน และทั้งสองคนจะรักเรา แต่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ไม่แน่นอน สิ่งสำคัญคือทำตัวเองให้หนักแน่นมั่นคง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ตัวเราต้องแน่ใจว่าสามารถช่วยเหลือตัวเองไม่ให้ลำบากได้ โดยเฉพาะเมื่อเราเลือกคนที่กรุงเทพ ซึ่งเงินน้อยไม่มีความสะดวกสะบายให้มาก แต่ถ้าเราเป็นคนเก่งสามารถทำงานช่วยเหลือตัวเองได้ อยู่ได้โดยไม่ต้องอาศัยเงินทองของเขา เราก็อยู่กันอย่างมีความสุขมีความรัก และรู้สึกว่าตัวเองมีเกียรติมีศักดิ์ศรีไม่ต้องพึ่งใคร จะตัดสินใจอย่างไรก็ได้เพราะเราพึ่งตนเองได้ กรณีที่กลัวว่าจะลำบากหางานไม่ได้เพราะลาออกมาแล้ว หากกลัวจะหางานไม่ได้ก็พยายามหาให้ได้ก่อนค่อยตัดสินใจที่จะเลือกหรืออยู่กินกับคนกรุงเทพ ให้โอกาสตัวเองที่จะแสดงความเคารพในตนเอง ส่วนกรณีคนที่ต่างประเทศที่เขารักเรามีให้เราทุกอย่าง แต่อยู่แล้วใจเรากลับเป็นทุกข์เพราะคิดถึงคนที่กรุงเทพส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งคือลึก ๆ แล้วเราก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังไม่ซื่อสัตย์ต่อเขาและตัวเอง เหมือนเกาะเกี่ยวเขาให้ความฝันของเราเป็นจริง อยากได้โน่นไปนีก็ได้จากเขา ลึก ๆ คือเรากำลังเบียดเบียนเขา ใช้เขาเป็นเครื่องมือในการสร้างสุข เราก็อาจอยู่อย่างรู้สึกผิด เพราะฉะนั้นหากจะเลือกความสะดวกสะบายจากคนนี้ ก็ต้องซื่อสัตย์กับเขา ตัดใจจากคนที่กรุงเทพ เพราะคนมากมายก็มองว่า "ความรักไม่ได้ช่วยให้ท้องอ่ิม" เราไม่ถึงขนาดนั้นแต่เราก็อยากมีชีวิตที่สะดวกสะบาย เราก็มีสิทธิ์จะเลือกคนที่ต่างประเทศ และพยายามเรียนรู้ที่จะรัก ซื่อสัตย์และมองหาความดีของเขาเป็นเครื่องเกาะกี่ยวหัวใจ ไม่ใช่สองฝักสองฝ่ายอย่างนี้ ประเด็นจึงอยู่ที่ตัวเรา ความรักเป็นเรื่องเสี่ยง เสี่ยงต่อทุกข์และเสี่ยงสุข เราทุกคนต้องเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้นหากไม่อยากเสี่ยงก็ไม่ต้องรักไม่ต้องเกี่ยวข้องกับใคร หัวใจเราจะได้ไม่สับสนวุ่นวาย และไม่ว่าเราจะเลือกทางไหน ทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ ขอให้ไตร่ตรองตัดสินอย่างมีสติและขอให้โชคดีต่อไป ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจอย่างไร เราเชื่อว่าเป็นส่ิงที่ดีที่สุดสำหรับคุณเสมอ ปรึกษาไปใหม่ได้ถ้าต้องการ
ขอบคุณค่ะอาจารย์ หนูลองอยู่ต่อมาแล้ว 1 อาทิตย์ แต่ใจหนูก็ยังอยากกลับ หนูไม่อยากแม้แต่ให้เขามาถูกตัว หรือมาจูบ หนูรู้สึกมีความสุขเวลา อยู่คนเดียว หรืออยู่กับเพื่อนหลายๆคน มากกว่าอยู่กับเขาเพียงลำพัง เขาอาสาว่าจะปลดหนี้ให้ทั้งหมดหลังแต่งงาน ทั้งๆที่ เงินคือปัญหาสำคัญในชีวิตหนู แต่หนูไม่รู้จะอยู่กับเขาได้อย่างไร รู้สึกไม่มีความสุขเลย หนูคิดว่ารักที่เคยมีให้ มันคงหมดแล้วจริงๆ และด้วยความที่เขาเป็นคนพูดแรง เกี่ยวกับหนู ครอบครัวหนู มันคงทำให้หนูไม่มีวันลืม และทำให้ไม่อยากอยู่ร่วมกันอีก
การที่เราจะรักใครสักคน ก็คงพอทนได้หากเขาจะพูดจาก้าวร้าวรุนแรงล่วงเกินเราบ้าง เราก็อาจจะพอยอมรับตัวเขาอย่างที่เขาเป็นได้ด้วยความหวังว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีเหมาะสมได้ หรือเขามีความพยายามจะทำดี มีความดีอื่น ๆ มากมายซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ความดีของเขาก็พอจะกลบลบ ส่ิงที่ทำให้เราไม่พอใจได้ เช่นเดียวกับตัวเราก็ต้องพยายามปรับปรุงตนเองให้พบกันครึ่งทางได้ แต่การจะก้าวไปเป็นคู่สมรสหรือแต่งงานอย่างเป็นทางการ ในสถานการณ์ที่เราด้อยกว่าทุกทาง เช่นมีปัญหาการเงินต้องพึ่งเขา ช่วยตัวเองหรือพึ่งตนเองไม่ได้ ฯลฯ การเอาชีวิตไปผูกติดหรือพึ่งพิงใครสักคน เราก็เปรียบเสมือน "ลูกไก่ในกำมือเขา" จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด เราจึงต้องระมัดระวังในการจะก้าวไปผูกมัดกับใคร กรณีนี้เขาได้เคยพูดแรง ๆ (เพราะเป็นคนพูดแรง) จนทำให้คุณสะเทือนใจไม่สบายใจ ท่ีสำคัญคำพูดแรง ๆ ของเขาอาจเป็นความจริงแต่คุณยอมรับไม่ได้ เพราะมันทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวด อับอายและเสียหน้าหรือรู้สึกตัวเองต่ำต้อยไม่มีค่า แต่ถ้าแต่งงานแล้วคุณยังเหมือนเดิมคือ อ่อนแอ ต้องพึ่งเขา ช่วยตัวเองไม่ได้ แล้วยังมีใจให้คนอื่น โอกาสที่เขาจะโกรธแค้น เสียใจ ทุกข์ใจจนใช้วาจารุนแรงก้าวร้าวดูถูกดูแคลนเหมือนที่เคยทำก็เป็นไปได้ ก็ต้องถามตัวเองว่า ทนได้ไหม แลจะทนภายในขอบเขตอะไร ? รอให้เขาใช้หนี้ให้ก่อนหรือ แล้วค่อยถอยออกมา ถ้าอย่างนั้นเขาก็พูดได้ว่า คุณเอาเปรียบหลอกลวงเขาให์เคลียร์หนี้ให้ เสร็จแล้วก็ช่ิงหนี ไม่มีความกตัญญูรู้คุณคน เราก็จะยิ่งเสียหาย อย่างไรก็ตามกรณีที่เขาเสนอจะเคลียร์หนี้ให้หากคุณแต่งงานกับเขา ควรบอกเขาตรง ๆ ว่ามันคนละเรื่องกัน หากเขาจะเมตตาคุณเหมือนเพื่อนหรือรุ่นน้อง ก็ช่วยเคลียร์หนี้ให้ แล้วให้คุณผ่อนใช้ทีหลัง ส่วนจะแต่งงานก็เป็นเรื่องของความรักระหว่างเขากับคุณ ซึ่งต้องอยู่บนพื่นฐานของความเคารพและให้เกียรติกันและกัน เพราะฉะนั้นการจะก้าวร้าวล่วงเกินด้วย กาย วาจา และใจ เป็นส่ิงไม่ควรกระทำ นี่เป็นเรื่องที่เราต้องพูดจาตกลงกันอย่างตรงไปตรงมาให้ชัดเจน อย่านำเรื่องนั้นเรื่องนี้มาปะปนจงทำให้สับสนใจไปเรื่อย ๆ ที่จะฝากไว้ก็คือ เกิดเป้นลูกผู้หญิงต้องพยายามพึ่งพิงตนเองให้ได้ ต้องให้เกียรติ เคารพในเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเอง อย่าประพฤติตัวให้เป็นที่เหยียดหยามดูถูกของผู้ใด อลงนำไปคิดพิจารณาตัวเองดู รู้สึกว่าคุณเห็นแสงไฟที่ประตูทางออกไกล ๆ โน่นแล้วขอให้โชคดีค่ะ
ขอบคุณค่ะ อาจารย์ที่ให้ความเมตตาในการตอบคำถามหนูมาตลอด สิ่งหนึ่งที่หนูไม่เข้าใจตัวเองคือ หนูอยู่เมืองไทย ทำงาน ปลดหนี้สินตลอดบางเดือนแทบจะไม่มีกิน ฝันตลอดว่าอยากสบาย ไม่ต้องหนักใจเรื่องเงิน แต่ทำไม พอมีพร้อมทุกอย่าง คนที่รักเรามาก และเงินทองที่เราไม่ต้องลำบากใจอีก หน้าที่การงานในต่างประเทศที่เงินเดือนดี และแบบที่เราชอบ แต่หนูกลับกำลังวิ่งหนีทุกอย่าง ที่เราไฝ่ฝันไว้ และกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมๆ หนูไม่เข้าใจว่า ทำไมหนูถึงไม่มีความสุขกับสิ่งที่หนูได้รับในตอนนี้
เปนไปได้จากที่คุณเคยช่วยเหลือดูแลแก้ไขปัญหาของตัวเองมาโดยตลอด จึงเป็นความภูมิใจในตนเอง ที่สำคัญคือตระหนักว่าตัวเองมีเกียรติและศักดิ์ศรีทำให้เรายืนหยัดได้กับความทุกข์ยากทั้งปวง แต่เมื่อมาอยู่กับผู้ชายมีเงินที่เขารักและดีกับเราก็จริง แต่อย่าลืมว่านี่เป็นช่วงระหว่างรัก เราก็ยังไม่รู้ว่า ต่อไปเมื่อความรักเร่ิมจางหายเราก็ไม่รู้ว่า เขาจะพูดหรือแสดงอะไรที่ทำให้เราอับอาย รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณเขา หรือเขาจะมองเราอย่างยกย่องจริง ๆ หรือไม่ หรือเราจะเป็นเพียง "นกในกรงทอง" หรือเป็นของเล่นของเขาเท่านั้น อนาคตเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้ แม้ว่าเราจะทำดีที่สุดแล้ว ก็ไม่มีอะไรมายืนยันว่าเขาจะไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะสันขาติญานจะบอกเขาให้รู้อยู่ตลอดว่า เราอยู่กับเขาเพียงแต่ตัว ส่วนหัวใจอยู่ที่ไหนไม่รู้ จะย่ิงทำให้เขาเจ็บปวดและโกรธเกรี้ยวเมื่อต้องรักคนที่ไม่รักเขาจริง ๆ ขณะนี้ฐานะของเขาทำให้เขามีอำนาจในการจัดการเหนือคุณ แต่เขายอมคุณเอาใจคุณเพราะหวังจะให้คุณเปลี่ยนใจเห็นความดีของเขาและรักเขาบ้าง หากวันนั้นไม่มาถึง เขาก็คงไม่อยู่เฉย เพราะฉะนั้นไตร่ตรองให้ดี เขาอาจเป็นที่พักพิงให้ความสะดวกสบายได้ระยะหนึ่ง ถึงเวลานี้หากเราหายเหนื่อยแล้ว เหมือนนกน้อยที่บินฝ่าพายุฝน เข้าหลบบังที่พักพิง เมื่อฝนค่อยซาลง ก็อาจต้องถึงเวลาต้องบินต่อไป คงจะปลอดภัยกว่าต้องอยู่ให้โดนจิกตีในรังที่ไม่ใช่ของเรา! ขอให้โชคดีต่อไป