อีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอมแล้ว ตอนนี้มีเพื่อนกลุ่มเดียวค่ะมีกัน10คน เวลาไปไหนทำอะไรในโรงเรียน ก็จะไปกันยกกลุ่มเลย แต่ไม่สนิทกันทั้งหมดนะคะ สนิทใจและอยู่ด้วยแล้วสบายใจจริงๆคงมีแค่คนเดียว รู้สึกอึดอัดมากๆเวลาอยู่กับเพื่อนๆ เหมือนเราไม่มีตัวตนในกลุ่มเลยถ้าเราไม่เข้าหาเอง ทั้งๆที่คนอื่นๆเค้าก็ดูสนิทกันดี ในกลุ่มจะมีคนนึงที่เวลาพูดอะไรเพื่อนก็จะเชื่อ จะทำตามทั้งหมด ผิดกับเรา ที่พูดแนะนำอะไรไปก็ไม่เห็นจะมีใครฟังเลย เวลาเดินเปลี่ยนวิชาเรียนเราจะได้เดินรั้งท้ายตลอด ไม่กล้าพูดกับเพื่อนตรงๆว่าเรารู้สึกยังไง เพราะรู้ดีว่าถ้าบอกไปเค้าคงเอาไปนินทากัน มันมีเหตุการณ์นึงที่A (เพื่อนคนนึงในกลุ่ม) โดนเพื่อนๆแบน เพราะเรื่องที่ว่าAน่าหมั่นไส้ เพื่อนเค้าก็นินทากันเวลาที่A เดินไปเข้าห้องนํ้า แต่พอAกลับมาเพื่อนๆก็ทำตัวเหมือนปกติ ตั้งแต่นั้นมาเราเลยไม่โอเคมากๆ เพราะไม่รู้ว่าเค้าะเอาเราไปนินทากันตอนไหน ทำอะไรก็ไม่สบายใจกลัวเพื่อนเอาไปนินทา ตอนนี้เครียดมากค่ะถ้าออกจากกลุ่มคงไม่รู้จะไปอยู่กับใครเพราะต่างคนก็ต่างมีกลุ่มของตัวเองตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไปโรงเรียนก็ดูแต่เวลาว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลากลับบ้าน อยากรีบกลับบ้านไปอยู่กับพ่อแม่ มีแต่พ่อแม่เท่านั้นในตอนนี้ที่อยู่ด้วยแล้วเป็นตัวของตัวเองและสบายใจที่สุด เลยคิดว่าอยากจะย้ายโรงเรียนไปเอกชน เผื่ออะไรจะดีขึ้นเพราะเรื่องเพื่อนนี่แหละ แต่ก็ไม่รู้จะบอกพ่อแม่ยังไงดีว่าอยากย้าย เพราะถ้าให้ทนคงไม่สบายใจตลอดอีก2ปีที่เรียนแน่ๆค่ะ
หนูชลธิชา หนูติดตามข่าวคราวดัง ๆ ที่กำลังมีเรื่องราวกันมากบ้างหรือเปล่า เช่นกรณีผู้หญิงมากมายช้ือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพ่ือทำให้รูปร่างหน้าตาสะสวยเป็นที่ยอมรับ นั่นเพราะสังคมเราทุกวันนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่ไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง หวาดระแวง ให้ความสำคัญกับคนอ่ืนมากกว่าตัวเอง อยากให้คนอ่ืนยอมรับแต่ไม่ยอมรับตัวเอง ถ้าเราไม่ยอมรับตัวเอง ไม่เคารพตัวเองแล้วใครจะยอมรับการหวาดวิตกและมีแนวโน้มจะทำตามที่คนอ่ืนบอกหรือชักจูงตนเอง ทั้งที่เม่ือทำไปแล้วก็ไม่มีความสุข แต่เราไม่กล้าที่จะเดินที่จะทำในส่ิงที่สัณชาติญานบอกว่าเป็นส่ิงถูกต้องที่เราจะต้องทำ โดยเฉพาะในช่วงที่เรายังอายุน้อย มีความอ่อนไหวทางจิตใจเป็นพ้ืนฐาน แต่ทุกอย่างก็ต้องผ่านการฝึกฝน มีความกล้ามีความกล้าที่จะเร่ิมเรียนรู้ที่จะเป็นตนเอง หรือหากอยากเรียนรู้ทีจะศึกษาทำความเข้าใจหรือพยายามปรับตัวให้เข้ากับเพ่ือน โดยที่เราไม่ทุกข์หรือฝืนใจมาก เร่ิมต้นคือหนูต้องยอมรับว่า สิ่งที่หนูรู้สึกและเป็นอยู่ เพ่ือน ๆ ก็รู้สึกและมีความขลาดกลัวเหมือนกันกับนหนู เพราะฉะนั้นหากต้องการให้เพ่ือนยอมรับ ก็ทำตามปกติเขาชวนไปไหนก็ไป เขาจะพูดด้วยหรือไม่คุยด้วยไม่ต้องถือสา ยิ้มแจ่มใสตลอดเวลา หากเราคุยด้วยแต่เขาไม่พูดด้วยไม่ต้องโกรธอับอาย ต้องคิดว่าเพ่ือนก็อ่อนไหวไม่มั่นใจเหืมอนเรา เม่ือเราเข้าใจเช่นนั้น เราก็พร้อมจะเป็นเพ่ือนของทุกคน ฝึกจิตให้เข้มแข็็งอดทน ให้อภัยไม่ถือสา ทำไปเรื่ือย ๆ นานไปเพ่ือนจะคุ้นเคยกับการมีคุณรวมอยู่ด้วย การดินตามหลังสุด ไม่ใช่เร่ืองเสียหายเพราะไม่นานเพื่อนที่เบ่ือกับการวิ่งตามคนหน้า ก็จะค่อย ๆ ถอยร่นมาเดินร่วมกับหนูชลธิชา นึกภาพออกไหม ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบจะต้องว่ิงนำหรือตามคนนำหน้าตลอดเวลา นั่นคือวิธีที่จะพาตัวให้เข้าไปอยู่ในสายตาเพื่อน พร้อมกันก็ต้องฝึกหัดทำอะไรตามลำพังด้วยเองบ้าง หากเรามีธุระต้องจัดการตามลำพัง ก็จงกล้าที่จะไปทำตามลำพัง เหมือนการไปห้องน้ำ ถ้ามัวแต่รอให้ไปพร้อม ๆ กันปวดพร้อม ๆ กัน มันจะเป็นไปได้หรือ หากเราปวดอยากเข้าห้องน้ำก็บอกคนใกล้สุดว่าจะไปห้องน้ำ เส็จแ้วก็กลับเข้ากลุ่ม ฝึกการไปกินข้าวคนเดียว ทำอะไร ตามลำพังให้เกิดความเคยชิน นานไปเราก็จะคุ้นเคยกับการเป็นตัวของตัวเอง สามารถช่วยเหลือดูแลตัวเองตามลำพังได้ ที่สำคัญ อย่าไปคิดว่าเพื่อนจะแอบนินทาลับหลัง ต้องนึกว่าเราตัวแคนี้ อายุเท่านี้เรียนอยู่ขั้นนี้ ไม่มีความสำคัญพอจะให้ใครนำเราไปนินทา หากใครอยากคุยเร่ืองของเราก็คุยไปเถอะ คือฝึกให้มีอารมณ์ขันไม่ถือสา มีเมตตา และเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของคนรอบ ๆ ว่าเขาทำเร่ืองต่าง ๆ ไปเพราะไม่รู้จะทำอะไรให้สร้างสรรค์มากไปกว่านี้ ไม่อยากให้หนูหนีเหตุการณ์ถึงขนาดต้องย้ายรร แต่อยากให้ลองฝึกจิตให้แน่วแน่มั่นคง จำไว้ว่า ที่นี่เป็นโรงเรียน มันไม่มีเร่ืองรุณแรงขนาดเราทนไม่ได้หรอก การย้ายรร ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่เจอสถานการณ์เดียวกันนี้ เราจึงต้องเรียนรู้ในการฝึกจิตให้หนักแน่นมั่นคง เอาชนะความขลาดกลัวภายในตัวของตัวเองให้ได้ ทำได้ไหม? ลองทำดูนะ แล้วเขียนไปคุยใหม่นะ จอรอ!