มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ
เกลียดแม่สามี

ตอนนี้หนูเบื่อแม่สามีมากๆคะ เขาชอบโทรมาขอยืมเงินกับสามีหนูทุกเดือน เดือนละเป็นหมื่น หนูไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วคะ หนูน้ำท่วมปากมากๆคะ ดูๆแล้วสามีหนูก็รักแม่เขามากด้วย หนูก็มีภาระต้องใช้เงินเลี้ยงลูก ลูกเพิ่งได้ 6 เดือนแล้วแต่ละเดือนค่าใช้จ่ายเยอะมาก แม่สามีไม่เคยเห็นใจหรือให้เงินสักบาทเลยคะ หนูเอาหลานไปเที่ยวสงกรานต์ ไม่มีญาติทางแฟนคนไหนที่ให้ขวัญสักคน ทั้งๆที่ญาติพี่น้องแฟนก็รวยๆมากๆกันทุกกคน ไม่เหมือนกับทางญาติหนูเลยคะใจดี ให้เงินขวัญหลานเป็นหมื่นๆ แต่เงินนั้นที่ได้มาแม่สามียืมไปยังไม่เคยได้คืนสักบาทเลยคะ ชอบมาเบียดเบียนครอบครัวหนูทุกเดือน หนูควรจะรับมือกับแม่สามีอย่างไรดีคะ เขาเป็นคนขี้เหนียว และอยากได้ของคนอื่นเอามากๆด้วยคะ ทุกครั้งถ้าเขาไม่ได้เงิน เขาก็จะบ่นสามีหนู ว่าเมื่อก่อนทีแม่ให้เป็นแสนๆยังให้ได้เลย (เงินนี้ให้ไปแต่งงานกะแฟนเก่าซึ่งไม่ใช่หนูคะ) หนูก็รู้สึกน้อยใจหลายครั้ง เพราะรตอนที่แต่งงานกับหนู ทางครอบครัวหนูเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทางแม่สามีไม่ออกสักบาท จนทุกวันนี้ทางพ่อแม่หนูเขาติดใจและไม่พอใจอย่างมาก อยากจะว่าแต่ก็ว่าไม่ได้ หนูไม่เคยได้อะไร มีแต่เสียกับเสียกับแม่สามีมหาภัยคนนี้ตลิดระยะเวลา 3 ปี กลัวว่าถ้าทนไม่ไหวหลุดปากด่าแม่สามี สามีจะเสียใจและเลิกกับหนูกลายเป็นครอบครัวแตกแยกไปซะอีก หนูทนไม่ไหวแล้วคะ เกลียดแม่สามีคนนี้มากๆ

28 เมษายน 2558 11:54

คนโบราณว่า "เกลียดตัวกินไข่" ได้แก่เรื่องของหนูจริง ๆ และคิดดีแล้วที่จะไม่ไปล่วงเกินแม่เขา เพราะพ่อแม่ใคร จะดีเลวอย่างไร เขาก็รับของเขา เมื่อไม่ชอบนิสัยหรือพฤติกรรมของเขา ก็วางเขาไว้ห่าง ๆ ไม่ว่าไม่วิจารณ์อะไร เรื่องที่แม่มายืมเงินบ่ิอย ๆ หนูอาจถามสามีว่า แม่เดือดร้อนจริง ๆ คือไม่มีหรือเพราะคิดว่าเรามีเงิน หากเป็นนาน ๆ ครั้งก็ไม่เป็นไร เพราะเรามีภาระคือค่าใช้จ่ายลูก ถึงแม้ลูกจะยังเล็ก แต่ก็ต้องเก็บออมไว้ตอนไปโรงเรียน ถามเขาว่าเขาคิดอย่างไร แม่คุณมีปัญหาอะไรรุนแรงหรือไม่ หากไม่มีเรื่องร้ายแรง บางเดือนก็ให้ อีกเดือนก็บอกว่าไม่มี คือพูดอ่อน ๆ เหมือนไม่เปนไร เราไม่ถือสา เราสนใจอยากช่วยแกไขปัญหาให้แม่ แต่ไม่อยากให้เกิดอยู่ทุกเดือน คุณคิดอย่างไรและจะทำยังไงต่อไป พี่น้องคนอื่นแม่ไปขอความช่วยเหลือไหม และตัวคุณทำงานหรือเปล่า หรือสามีหาเงินคนเดียว พยายามศึกษาทำความเข้าใจว่าสามีเราคิดอะไรอยู่ เขาเองก็อาจรู้สึกไม่พอใจแม่ลึก ๆ แต่เกรงใจไม่กล้า เราก็ให้เกียรติเขา อย่าหลุดคำพูดทางลบออกมา หากจะมีก็ให้สามีเป็นคนพูดเอง ในสังคมไทย การแต่งงานใช้ชีวิตคู่เราก็รู้ว่า ไม่ใช่เรื่องของคนสองคน แต่เป็นเรื่องของทั้งสองครอบครัวที่ต้องพยายามเข้ากันให้ได้หรือทำอย่างไรให้ทุกข์ ให้รำคาญน้อยที่สุด และหากเรามาจากครอบครัวที่พอจะมีฐานะดีกว่าแม่สามี เรื่องค่าใช้จ่ายที่ผ่านมาให้มันผ่านไปไม่ต้องม่คิดซ้ำซากให้เสียเวลา ส่วนในเรื่องปัจจุบันที่แม่สามีมาขอ ขอยืมหรือเบียดเบียน หากเราทำใจยอมรับไม่ได้ ก็จะกลายเป็นศัตรูกัน เงินก็เสีย บุญก็ไม่ได้ซ้ืกยังมีข้อกล่าวหา "ติดลบ"มาด้วย เรียกว่าขาดทุนทุกด้าน หากพิจารณาแล้วจะต้องอยู่ในสภาพนี้ หรือค่อยปลดปล่อยปัญหาไปทีละเล็กละน้อย ก็ทำให้เขาเห็นใจ สำนึกในบุญคุณ คือไหน ๆ ก็ต้องเสียเงินให้แม่แล้ว ก็ให้เขาชื่นชมสรรเสริญ หรือทำให้สามีได้ตรระหนักในความอดทนและใจดีมีเมตตาของเราเขาจะได้เกรงใจต่อไป เช่นเดียวกับแม่สามี หากเราพูดดีทำดีกับเขาไม่ถือสา นานไปเขาก็จะรู้สึกอับอายและเกรงใจไปเอง กรณีที่เล่าไปนี้ คนโบราณก็จะสอนว่า ไม่ต้องโกรธ นึกเสียว่าให้แม่สามีดีกว่าไปทำบุญที่อื่น พอจะให้เขาได้ก็ให้ไป ให้แล้วก็กรวดน้ำไหว้พระแผ่ส่วนบุญเสียเราจะได้สบายใจไม่ติดค้างกันต่อไป ทำได้ไหม หากอยากจะมีความสุขในชีวิตคู่ และเห็นแล้ว่าถึงแม่เขาอาจไม่ดี แต่สามีดีมีความรับผิดชอบรักลูกเมีย ก็ถือว่าคนเราไม่มีใครได้ทุกอย่างครบ ได้อย่างเสียอย่างก็ยังดีกว่าไม่มีหรือไม่ได้เลยนะ ลองไตร่ตรองดู คนทำใจได้เรียกว่า ย่ิงใหญ่กว่าคนทั่วไปนะ ขอให้คิดพิจารณาไตร่ตรองให้ดีนะ

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
28 เมษายน 2558 16:53
Post อันดับที่ 1

เรียนอาจารย์อรอนงค์ที่เคารพ หนูกับสามีทำงานด้วยกันทั้งคู่คะ คือต่อเดือนแม่สามีจะยิมไม่ต่ำกว่า 4 ครั้งต่อเดือน รวมๆแล้วเป็นหมื่นบาท หนูไม่เคยได้คืนเลยคะ หนูต้องเดือนร้อนพ่อแม่ของหนูตลอดแต่ละเดือน หนูไม่พอใช้จ่าย เพราะหนูต้องส่งรถ บัตรเครดิตที่แม่สามีเขาให้สามีหนูกดออกมาจำนวนเงิน 60000 บ. หนูพยายามปล่อยวางและไม่คิดอะไรแล้ว แต่หนูไม่ไหวจริงๆคะอาจารย์เป็นหนี้ตัวเองด้วย เป็นหนี้แม่สามีที่เขาไม่คิดจะรับผิดชอบ และมาขอนอกรอบแต่ละเดือน แม่สามีมีอาชีพทำถังเงินถังทองคะ ซึ่งเขาอ้างตลอดว่าเงินจมหมุนไม่ทัน แต่เป็นแบบนี้มา 3 ปีกว่าแล้ว เขาไม่เคยมีเงินพอได้เงินมาเขาไม่เคยใช้หนูสักบาท แต่กับส่งเงินไปให้ลูกชายที่เรียนตำรวจนายสิบอยู่คะ ที่สำคัญเขาเป็นหนี้ไปทั่ว ไม่ส่าจะญาติ พี่น้องของเขา และหนี้ธกส.ต่างๆ หนูเครียดและไม่มีทางออก บอกสามี สามีทำเฉยๆ หนูบอกหลายครั้งแล้วคะว่าค่าใช้จ่ายเราเยอะมาก เราจะต้องออมเงินไวให้ลูกด้วย ตอนนี้ไม่มีเงินสักบาท เอาเงินจากพ่อแม่หนูตลอดจนเขาเองก็ไม่อยากจะให้แล้วคะ เครียดมากคะอาจารย์เดือนนี้หนูก็ไม่พอใช้ เพราะสามีหนูโอนให้ไป 16000 บ. แล้วคะ

ดาริน
28 เมษายน 2558 18:16
Post อันดับที่ 2

หนูดาริน เคยคุยหรือพิจารณาดูธุรกิจทำถังเงินถังทองของแม่เขาไหมว่า มันคุ้มที่จะทำต่อไปหรือไม่ คือหากย่ิงทำย่ิงเป็นหนี้หรือสร้างความเดือดร้อนให้ลูก ๆ ก็น่าจะพิจารณาอยู่เฉย ๆ ดีกว่าไหม หรือจะไปเจรจากับธนาคารออมสิน ธกส หรือธนาคารไทยพาณิชย์ที่เห็นโฆษณาว่าไม่มีการปฏิเสธ ให้เขาช่วยวางแผนการบริหารจัดการและให้ยืมเงินทุนแล้วให้แม่ผ่อนเงินกู้กับธนาคารโดยตรง หากสามีหนูไม่คิดจะจัดการเรื่องนี้ให้เป็นระบบ ก็คงต้องลงนั่นวางแผนการเงิน เงินเดือนของหนูใช้จ่ายอะไรก็ว่าไป เงินของเขาจะให้ครอบครัวเท่าไร ใช้ส่วนตัวเท่าไร เงินส่วนตัวขอเขาหากจะเอาไปช่วยแม่ก็เรื่องของเขาอย่ามาแตะต้องส่วนที่เป็นของครอบครัว คือจัดให้เป็นระบบมากหรือน้อยไม่สำคัญ อย่าโมเมมั่ว แกล้งโง่ วางอำนาจว่าเป็นแม่ ขอลูกแล้วต้องให้ ทั้งหมดนี่ไม่ใช่วิธีที่จะเคลียร์หนี้สินได้ หากได้ทำอย่างที่แนะนำคือมีการพูดวางแผนและช่วยกันคิดแก้ไขแล้ว แต่แม่ไม่ใส่ใจ สามีไม่ฟัง จะยังดำเนินชีวิตอย่างนี้ต่อไป คำถามคือ จุดจบเรื่องหนี้สินแม่อยู่ที่ไหน จะให้ทุกครอบครัวรอบ ๆ จมไปพร้อมกับหนี้สินและความต้องการของแม่หรือ ถามสามีให้ชัดเจนว่าจะทำอย่างไรต่อไป มีความหวังหรือรอความหวังจากไหน หากมันไม่มีคำตอบ คุณคงต้องปรึกษาพ่อแม่ หากต้องปล่อยให้เขาแก้ปัญหาของแม่ กับแม่ไปตามลำพังสักระยะ ที่ไม่ทำให้เราเดือดร้อน แล้วค่อยว่ากันใหม่ ตอนนี้แม่เขาก็จะอ้างว่าเขาให้ลูกชายเขาช่วย เขาไมได้รบกวนคุณ แต่ความจริงคือคุณเดือดร้อน! ลองไตร่ตรองดูนะ ไม่มีใครอยากแนะนำให้คู่สมรสแยกทางกัน แต่หากจำเป็นการก้าวออกไปเพื่อจะได้สะสางทำความสะอาดบ้านแล้วค่อยกลับมาอยู่ใหม่เป็นเรื่องจำเป็น คุณอยู่บ้านใคร บ้านตัวเองหรือบ้านเช่า ปรึกษากลับไปใหม่ได้นะ ลองคิดดู

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
29 เมษายน 2558 10:16
Post อันดับที่ 3

สวัสดีคะอาจารย์อรอนงค์ที่เคารรพ หนูมีความคืบหน้ามาเล่าให้อาจารย์ฟังคะ หนูกับสามีได้ขับเข่านั่งคุยกันแบบจริงจังเรื่องพ่อกับแม่ที่มายืมเงินทุกเดือน เขาบอกว่าตอนนี้เขาทะเลาะกับแม่ แม่เขาร้องไห้หาว่าแฟนหนูต่อว่า แต่แฟนหนูไม่ได้ว่าเขาแต่อย่างใด เพียงแต่แนะนำว่า ถ้าดำเนินธุรกิจต่อไปไม่ได้ก็ควรจะหยุด หรือหาลูกค้าเจ้าใหม่ที่ไม่ใช่คนชื่อแขก ที่เหมื่อนจะหลอกให้เราลงทุนทำให้ แต่พอจะเก็บเงิน กลับไม่มีให้ จ่ายไม่ครบแล้วแม่กับพ่อก็ยอมมาโดยตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ปี แม่ไม่ฟังได้แต่ร้องไห้หาว่าแฟนไปด่า ล่าสุด ให้พ่อมาขอยืมเงินอีก 10000 บาท โดยที่ไม่ถามซักคำเลยว่าครอบครัวมีเงินหรือไม่ ถ้าไม่มีคือจะให้แฟนหนูกดบัรเครดิตให้ ซึ่งมันเป็นบัตรของหนู ตอนนี้หนูทุกข์ใจหนักกว่าเดิมมากคะอาจารย์ เพราะหนูตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง ได้ 2 เดือนแล้ว หนูต้องเก็บเงินเคลอดลูกถึงเดือนละ 5000 บาท ต้องใช้เงินผ่าตัดทำคลอด ประมาณ 50000 บ. เพราะหนูฝากกับอาจารย์หมอที่รพ.เอกชน ทุกวันนี้เงินที่เก็บไว้คลอดนำออกมาใช้เกือบหมดแล้ว เพราะเงินไม่พอใช้จ่าย พ่อสามีแม่สามีมายืมแบบนี้ทุกๆเดือน สามีก็ยังใหายืมเหมือนเคย โดยที่เขาก็รู้ว่าครอบครัวกำลังเดือดร้อน พ่อสามีบอกกับสามีว่า ถ้าคลอดลูกจะช่วยเงิน 20000 บ. แล้วจะให้เงินหลานทั้งสองคนไว้เรียนหนังสือ จะให้ก็ต่อเมื่อเก็บเงินค่าของได้หมด เป็นเเสนกว่าบาท อาจารย์เขาแค่พูดให้สามีหนูสบายใจเท่านั้น สามีหนูก็เชื่อ หนูเลยบอกสามีว่า ทำไมเราหวังน้ำบ่อหน้า พี่ยังหวังอีกหรอ ตั้งแต่อยู่กับพี่มา แต่งงาน พ่อกับแม่ไม่ได้ให้อะไรเลย ไปขอยืมเงินค่าสินสอดจากน้า ไม่ได้ออกอะไรซักบาท มิหนำซ้ำยังจะมาเอาเงินอีก หนูคิดน้อยใจ และรู้สึกว่ายิ่งเครียดมากกว่าเดิมมากๆคะ ล่าสุดอีกเรื่องน้องชายที่เป็นตำรวจก็ทำผู้หญิงท้อง พ่อกับแม่เขาเลยเครียดหนัก มีแต่นำเรื่องทุกข์ใจมาให้ หนูยิ่งเหนื่อยและไม่อยากกับไปเจอหน้าพ่อกับแม่สามีเลยคะ สามีจะพากลับบ้านที่จ.แพร่วันที่ 30 ก.ค. หนูไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร สามีก็ยังให้พ่อกับแม่เขาอยู่อย่างนี้ หนูเหนื่อยใจมากที่สุดคะ หนูปรึกษาพ่อกับแม่หนูเขาก็ด่าพ่อแม่สามีไม่มีความเกรงใจ ไม่สงสารลูกเลย ทำให้เขาไม่ชอบพ่อแม่สามีไปเลยคะอาจารย์ หนูหาหนทางไม่ออกแล้วคะ

ดาริน
19 มิถุนายน 2558 11:08
Post อันดับที่ 4

หนูดาริน ถึงวันนี้เรื่องราวมากมายที่นำความไม่สงบสุขมาสู่ขตัวคุณและลูกโดยเฉพาะลูกในท้อง ขณะเดียวกันคุณก็รู้ว่าสามีรักพ่อแม่ของเขามาก เขาเป็นคนดีมีความกตัญญู แต่เขาก็ต้องรู้จักหน้าที่ที่จะต้องดูแลคุณและลูก ซึ่งหากเขาจะหาเงินส่งเสียพ่อแม่เขาเองได้ คงไม่มีใครว่า แต่การที่เขาต้องเอาเงินจากคุณไป ก็เหมือนกับว่า หากนี่คือหนี้ชีวิตที่เขามีต่อพ่อแม่เขา เขาก็ต้องการให้เราจ่ายหนี้ร่วมกับเขาหรือแทนเขาไปด้วย คำถามจึงอยู่ที่ว่า ที่ผ่านมาเราก็ได้ทำดีที่สุดในทุกเรื่อง จนเหมือนกับไม่สามารถจะหาอะไรมาคืนเขาได้มากไปกว่านี้ นอกจากจะต้องไปรีดไถเอาจากพ่อแม่ของเรา ซึ่งเรก็ต้องกรัญญูรู้คุณต่อท่านด้วย ไม่ใช่สร้างสุข(ของพ่อแม่เขา)บนความทุกข์ของพ่อแม่เรา เพราะฉะนั้น ดีแล้วที่พูดอย่างเปิดอกกับสามี สามีก็เข้าใจแต่ก็ยังจะเอาจากเราให้ได้ คงเป็นเวลาที่คุณจะปฏิเสธเขาได้ว่า เราไม่ค่อยสะบายในการเดินทาง จึงไม่ขอไปเยี่ยมพ่่อแม่เขาระยะนี้ หากเขาอยากไปก็ไป หากพ่อแม่เขาจะด่าว่าเราก็ให้ว่าไป เพราะหากเขาทำได้เพียง "ขอ" กับ "ด่า" ถ้าไม่ให้ คุณก็ไม่รู้จะไปเยี่ยมเขาได้อย่างไร บอกกับสามีคุณตรง ๆ เพื่อรักษาและปกป้องความปลอดภัยให้กับลูกและตัวเอง คุณมีสิทธิ์และต้องรักษาสิทธิ์ของตัวเองและลูก ส่วนสามีคุณหากต้องการจะใช้สิทธิของความเป็นลูกที่ดี ก็ทำไปไม่มีใครว่า แต่คุณดารินก็มีหน้าที่เช่นกัน ลองไตร่ตรองและบอกเขาตรงไปตรงมา หวังว่าทุกอย่างจะต่อย ๆ ดีขึ้นนะคะ ปรึกษาไปใหม่ได้

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
20 มิถุนายน 2558 10:42
Post อันดับที่ 5

ตอบกระทู้


กลับด้านบน