ผมกับแฟนคบกันมาตอนนี้ก็ 10 เดือนแล้วแล้ว เราต่างทำงานที่เดียวกัน แต่มักจะทะเลาะกันบ่อยครั้ง และแต่ละครั้งค่อยข้างรุนแรง แต่ก็มาจากสาเหตุที่ไม่ได้มีอะไรเลย แค่แบบเขางี่เง่ามากๆ อะไรนิดๆหน่อยๆก็เอามาเป็นเรื่อง โกรธ ไม่ชอบ อะไรต่างๆนาๆ ทะเลาะกันจนทุบตีกัน ก็เจ็บตัวกันอยู่บ่อยครั้ง เวลาดีกันเขาก็จะบอกว่าถ้าวันไหนไม่งี่เง่าก็แสดงว่าวันนั้นเขาไม่ได้รักผมแล้ว แต่ผมเองก็เป็นฝ่ายยอมทุกครั้งที่ทะเลาะ ผมขอโทษ ง้อทุกครั้ง แต่ที่ต้องทุบตีกันเพราะผมก็เหวี่ยงบ้าง บางทีมันก็อดไม่ได้ ทนไม่ได้ ทำไมถึงงี่เง่านัก นิสัยเขาค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเองมาก ทั้งๆที่อายุมากกว่าผม จนวันนี้ผมคิดว่า ผมจะพอกับคนๆนี้มั้ย ต่อไปถ้าแต่งงานไปมันยิ่งจะต้องทนทุกข์ทรมานต่อไปรึป่าว ผมไม่ชอบตอนที่เขาโมโห หรือไม่พอใจในเรื่องเล็กๆน้อยๆ ทุกวันนี้ทำอะไรก็กลายเป็นคนวิตก แฟนเราจะไม่พอใจรึป่าว แล้วเขาเองก็ใช้เงินเยอะ คงเพราะที่บ้านเป้นคนมีฐานะ กินแต่ของแพงๆ ตรงข้ามกับผมไม่ได้มีฐานะอะไร ผมก็เป็นคนประหยัด แต่ก็ต้องไปเพราะไม่อยากขัดใจ จนเงินในบัญชีแทบจะไม่เหลือแล้ว เที่ยวต่างจังหวัดก็บ่อยครั้ง ไม่พาไปก็งอแง แบบแต่ก่อนเคยพาไปแล้วทำไมเดี๋ยวนี้ไม่ไป ผมเคยอธิบายไปแล้วว่าเราควรจะเก็บเงินไว้บ้างนะ ไม่ควรใช้หมดไปกับสิ่งพวกนี้ ให้รางวัลตัวเองได้นานๆครั้งจะดีไหม เขาก็ไม่พอใจ บอกตรงๆครับตอนนี้ผมเหนื่อยเหลือเกิน รู้สึกไม่โอเค แต่ไม่รู้จะทำยังไง เพราะเวลาเขาดีก็ดีมากเหลือเกิน ใจผมเองก็รักเขามาก แต่ถ้าทะเลาะกันแรงๆบ่อยๆผมก็เสียใจ และไม่รู้จะทำยังไงต่อไปเลยครับ
คนเรานั้น อาจจะรักกันได้ แต่อยู่ด้วยกันไม่ได้ โดยเฉพาะเวลามีเรื่องขัดแย้งกัน ถึงกับลงไม้ลงมือ เพราะมันจะกลายเป็นนิสัย และหากเราไม่พยายามหยุดยั้งหรือควบคุมอารมณ์ของตนไว้ให้อยู่ อาจพลาดพลั้งกลายเป็นการทำร้ายถึงชีวิตกันได้ ดังที่เป็นข่าวโทรทัศน์หนังสือพิมพ์ทุกวันนี้ ในเมื่อคุณรักเธอมาก และเมื่อเธออารมณ์ดี เธอก็ดีจริง ๆ คุณจึงไม่อยากเลิกรากับเธอ ซึ่งอาการขี้โมโห ใจร้อน โกรธง่าย ที่เธอเป็นอยู่นี้สามารถรักษาให้หายได้ โดยประบวนการจิตบำบัด เร่ิมจากคุณและแฟน ต่างคนต่างจะต้องเรียนรู้ทำความรู้จัก ใจตนเอง ความนึกคิดและพฤติกรรทที่เกิดขึ้น คนมากมายติดนิสัยโกรธง่าย กราดเรี้ยว งี่เง่ามาตั้งแต่อยู่ในครอบครัวตัวเอง จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่ตอนนี้หากเธอไม่ยอมรับรู้และแก้ไข ก็ยากที่เธอจะมีชีวิตอย่างมีความสุขไ้ด้ คนที่ที่ำตัวเองให้ไม่มีความสุข เป็นเพราะประสบการณ์บางอย่างในอดีตบอกเขาว่า เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะมีความสุข และเหมือนกับ่ว่า เมื่อเขาไม่มีความสุข คนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์ท่ี่จะมีความสุขด้วยเช่นกัน ทั้งตัวคุณและเธอจำเป็นต้องผ่านกระบวนการให้คำปรึกษาแนะนำเป้นราย บุคคลเพื่อค้นหาปัญหา หลังจากนั้นจึงต้องผ่านกระบวนการ คู่สมรสบำบัด แลัวจึงเข้าสู่กระบวนการจืตบำบัด ถามว่า ทั้งหมดนี้จะไปทำที่ไหน กรณีเช่นนี้ไม่จำเห็นต้องพบจิตแพทย์ เพราะต้องใช้เวลาต่อเนื่องกันนาน จิตแพทยฺไม่มีเวลาพอ ซ้ำจะเป็นเงินสูงมาก ปกติในประเทศที่พัฒนาแล้ว กรณีของคุณเอ็มและแฟนสามารถใช้บริการของนักจิตวิทยา หรือนักสังคมสงเคราะห์ได้ แต่ตอนนี้ หาแทบไม่มีในประเทศไทย เพราะส่วนใหญ่นักจิตวิทยาและนักสังคมสงเคราะห์ไม่ได้ทำงานบริการประชาชนโดยตรง แต่ทำงานด้านเอกสารเสียส่วนใหญ๋ จึงไม่มีความชำนาญพอ ส่วนพวกเรา ทีมนักจิตวิทยาของศูนย์ฮอทไลน์ มีความชำนาญมาก แต่พวกเราก็สูงวัยกันมากแล้ว ลองไปคิดไตร่ตรองดูนะ หรือจะลองคุยกันตรง ๆ ก่อนอย่างที่แนะนำไป แล้วถามเธอว่าาอยากพบนักวิชาชีพไหม หากตอ้งการจริง ๆ ใช้ อีเมลล์ติดต่อกับอาจารย์โดยตรงที่ hotlinecenter@usa.net หรือ hotlinecenter@hotmail.com ได้ค่ะ