มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ
เสียเครดิต

สวัสดีคะ หรูมีเรื่องรบกวนอยากปรึกษาอาจารย์คะ เรื่องมีอยู่ว่าแม่สามีไม่มีเงินหมุนทำธุรกิจ (ทำถังไม้สัก) เงินจมทุน ลูกค้าไม่มาเอาของ แล้วลูกค้าสั่งล็อตใหม่ไปเรื่อยๆ แม่มาบอกสามีเรื่องยืมเงิน สามีช่วยแม่ด้วยการใช้บัตรเคดิตรูดเงินออกมา 4 ใบเป็นจำนวนเงินทั้งหมด 250000 บ. ปัญหาคือบัตรเป็นชื่อของหนู เป็นแบบมาประมาณ 3 ปี แต่ปีพักหลังนี้แกหมุนไม่ทัน เจ้าหนี้โทรมาทวงหนูทุกวันเพราะไม่จ่ายมา 2 เดือนแล้ว พอหนูทวงสามีบอกให้ไปบอกแม่ สามีบอกว่าเขาก็เครียดแม่ยังไม่ได้เงินเลย ถ้าแม่ได้เงินมาแล้วแม่ก็จะรีบโอนมาให้เหมือนทุกครั้ง หนูก็เลยบอกสามีไปว่า หนูก็เครียดเพราะตอนนี้หนูเสียเครดิตไปแล้ว เจ้าหนี้โทรมารบกวนหนูทุกวันๆๆ แล้วอีกไม่กี่ปีจะต้องซื้อบ้านเเล้วจะกูได้อย่างไร ในเมื่อชื่อพี่ยังติดแบล็กลิส แล้วจะทำไง อาจารย์คะหนูไม่ชอบเหตุการณ์แบบนี้เลย อดทนมานานมาก ควรจะทำอย่างไรดีคะอาจารย์

ข้าวฟ่าง
30 มิถุนายน 2560 10:45

คุณข้าวฟ่าง เข้าใจดีว่าคุณกำลังเครียด โกรธ วิตกกังวล ที่อยู่ ๆ ก็กลายเป็นคนมีหนี้สิน ซึ่งจะอาจกลายเป็นผู้ไม่มีเครดิตในอนาคต ซึ่งคุณและสามีกำลังวางแผนจะซ้ือบ้านในอนาคตอาจจะทำไม่ได้ หรือทำให้ยุ่งยากมากขึ้น เป็นเร่ืองน่าหนักใจจริง ๆ อย่างไรก็ตาม อยากจะให้พิจารณาตรงนี้ แม่สามีก็เหมือนแม่ของคุณเอง ท่านก็ยังทำงานเลี้ยงตัวเองและครอบครัวอยู่ หากมีกำไรหรือได้ประโยชน์ ท่านก็คงจะให้ลูกหลาน และไม่เบียดเบียนลูกหลาน แต่เม่ือสถานการณ์ธุรกิจไม่ดี มีปัญหา เป็นธรรมดาที่แม่ต้องมาขอความช่วยเหลือจากลูก ลูกช่วยน่ะถูกต้องแล้ว แต่บังเอิญคนซ้ือก็มีปัญหาสถานการณ์ไม่ดี คนที่เราทำมาหากินด้วยมากมายสมัยนี้ก็คดโกงกันได้ซึ่ง ๆ หน้าและทำให้คนหากินสุจริตกลายเป็นหนี้สินไปด้วย แล้วมันก็ส่งผลสสะเทือนกันเป็นลูกโซ่ดังกรณีคุณแม่สามี และครอบครัวของคุณ ก็เข้าใจถึงความร้อนใจวิตกกังวลของคุณนะ แต่เร่ืองก็ได้เกิดขึ้นแล้วคือเิงนถูกนำไปใช้แล้ว ไม่พอใจขนาดไหนก็ต้องใจเย็น ไม่แสดงออกให้แม่ต้องเสียใจ เร่ืองนี้อาจเกิดขึ้นกับแม่เราก็ได้ แต่วันนี้เกิดกับแม่เขา ก็ให้โอกาสท่านก่อน ท่านทำงานลักษณะนี้ไม่จำเป็นไม่อยากรบกวนคุณหรอกแต่เม่ือจำเป็นก็ต้องอดทนรอให้เร่ืองต่าง ๆ ดีขึ้น มันเป็นบทพิสูจน์ความดีของคุณในฐานะสะไภ้ด้วยนะ เราเคยเป็นคนดีมาาาาาาากอย่างไรพยายามรักษาความดของเราไว้ ลองนึกดูนะ หัวอกคนเป็นพ่อแม่ หากลูกพลาาดพลั้ง จะกี่หนพ่อแม่ต้องพยายามช่วยเหลือ ยอมรับได้ไม่ปฏิเสธ กลับกันนี่แม่เขาพลาดก็ให้มีเตตาเอาไว้ ความเมตตากตัญญูคือพรอันประเสริฐที่จะช่วยไม่ให้คนเราตกต่ำ อดทนใจเย็นหน่อย ทุกอย่างคงจะดีขึ้น อย่าท้ออย่ายอมแพ้ หนักแน่นมั่นคงและมีเมตตาไวไ้เสมอโดยเฉพาะกับพ่อแมครอบครัวของเรา ขอให้โชคดีนะ

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
30 มิถุนายน 2560 20:01
Post อันดับที่ 1

1. บัตรเครดิตเป็นชื่อของคุณ อย่าให้ใครมารูดสิครับ สามีก็ไม่ได้ ใช้เงินต้องมีระเบียบ มีขอบเขต แบ่งกระเป๋าเงิน และหนี้ให้เป็นเรื่องเป็นราว เงินใช้ส่วนตัวของเรา และกองกลางของครอบครัว (เราและสามี) แยกออกจากกัน 2. หมุนเงินด้วยบัตรเครดิต เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ผิดเพราะบัตรเครดิต ดอกเบี้ยมันขูดเลือดขูดเนื้อ ถ้าคุณพลาดจ่ายช้านิดเดียว คุณจะจมอยู่กับกองหนี้ทันที 3.ธุรกิจหมุนเงินไม่ทันครั้งแรก ให้ยืมญาติเอา ครั้งที่สองไม่ต้องยืมแล้ว ปิดกิจการไป เพราะแสดง ว่าคนทำธุรกิจทำไม่เป็น เงินสำรองก็ไม่มีแสดงว่าไม่มีประสบการณ์และเอาเงินไปใช้จนหมด ธุรกิจไม่ทำกำไร ยิ่งทำยิ่งเป็นหนี้ แล้วหนี้เป็นของลูกหลานอีกก็ต้องเลิกทำ ไปทำอย่างอื่นที่ต้นทุนต่ำ ความเสี่ยงต่ำ กำไรอาจจะต่ำ แต่ไม่เป็นหนี้และเป็นภาระลูกหลานดีกว่า การที่คุณให้ยืม 3 ปี มันเกินความเหมาะสมมาตั้งนานแล้ว มันถึงบานปลาย เพราะการเอาพ่อแม่มาอ้างบุญคุณอย่างไม่มีขีดจำกัด อันนี้คือวัฒนธรรมที่นำไปสู่ความวิบัติของครอบครัว วัฒนธรรมขยะถ่วงความเจริญของชาติ 4. พูดไปตรงๆกับแม่สามีครับว่าเราไม่มีเงินแล้ว จะให้ยืมเงินได้คือเงินเย็นเท่านั้น ไม่ใช่เงินจากบัตรเครดิต 5. เราได้พยายามช่วยเขาแล้วจนตอนนี้เราเดือนร้อน เวลานี้ต้องเอาตัวเองกับสามีให้รอดก่อน ไม่อย่างนั้นจะตายกันหมดทั้งครอบครั้ว บอกไปว่าถ้าเราตั้งตัวได้แล้วเราไม่ทิ้งท่านแน่ แต่ถ้าเราตั้งตัวไม่ได้ ใครจะดูแลท่านยามแก่เฒ่า ถ้าบ้านแม่ยายถูกยึด แล้วเราไม่มีเงินซื้อบ้านเพราะมัวแต่ต้องมาจ่ายดอกเบี้ยให้ฉลามบก ท่านจะไปอยู่ที่ไหน? นอนห้องเช่าเล็กๆห้องเดียวกัน 4 คน? พ่อแม่มีหน้าที่ให้การสนับสนุนลูกให้ตั้งตัวได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะด้วยเงิน ด้วยการอบรมสั่งสอนหรือดวยการศึกษา เป็นหน้าที่ ไม่ใช่บุญคุณที่จะเอามาลำเลิกกันได้ตลอดชีวิต ตัวอย่างของลูกช่วยธุรกิจพ่อแม่ คือลูกต้องรวยกว่าพ่อแม่ มีเงินสำรองเยอะๆ ไม่เป็นหนี้ ตั้งตัวได้ อันนั้นถึงจะช่วยได้และเหมาะสม ไม่ใช่ลูกหาเช้ากินค่ำ บ้านก็ยังไม่มี แถมยังต้องมารูดบัตรเครดิตอีก อันนี้คือการเปลี่ยนครอบครัวให้เป็นขี้ข้าธนาคารหรือขี้ข้าบริษัทบัตรเครดิต ไม่ใช่ความกตัญญูหรือการมีน้ำใจนะครับ เป็นความไร้เดียงสา เจตนาดีแต่ผลที่ตามมาคือความเสียหายของคนที่เราช่วย และตัวเราเอง คนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องรู้จักคิด ไม่ใช่โบ้ยให้ลูกหลานรู้สึกผิด สรุป: ไม่ต้องให้แล้วเพราะตังไม่พอ แนะนำพ่อแม่สามีว่าควรเลิกทำกิจการ ไปทำอย่างอื่น ขายกิจการ ขายอุปกรณ์แล้วเอามาใช้หนี้ เงินที่คนในครอบครัวช่วยเหลือกันต้องเป็นเงินเย็น ไม่ใช่เงินจากบัตรเครดิต

เฮ้อคนไทย
1 กรกฎาคม 2560 14:59
Post อันดับที่ 2

ตอบกระทู้


กลับด้านบน