มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ
ครอบครัว

สวัสดีค่ะ เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาของดิฉันนะคะ แต่เป็นปัญหาของแฟนดิฉัน แต่เนื่องด้วยแฟนไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร ดิฉันจึงตั้งใจจะนำคำแนะนำจากอาจารย์ไปให้เค้าอ่านค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า แฟนของดิฉันสมมุติว่าขื่อ Aนะคะ ตอนนี้อายุ 35 ปีตั้งแตเรียนจบมาA ก็ไม่ได้ทำงานที่ไหนเลยเพราะที่บ้านเป็นแบบครอบครัวไทย เชื้อสายจีนซึ่งมีพี่น้องหลายคน แต่ละคนมีครอบครัวและทำธุรกิจของตัวเอง จึงทำให้ไม่มีใครมีเวลาคุณแลคุณแม่ที่อายุมากขึ้นทุกวัน ทุกคนในครอบครัวจึงลงความเป็นให้ A ดูแลความเรียบร้อย ทำความสะอาดทุกอย่างในบ้าน ซ่อมแซมบ้าน ช่วยเหลือธุระของพี่น้อง ดูแลคุณแม่และเลี้ยงหลานๆตลอดเวลาเกือบ 10 ปีทึ่ผ่านมา (คุณพ่อป่วยก็เป็นคนดูแลพาไปโรงพยาบาลจนท่านเสียเมื่อ 7 ปีที่แล้ว) โดยมีเงินเดือนๆละ 20,000 บาทจากพี่ชาย ตอนนี้A กำลังเร่งต่อเติมบ้านให้เสร็จ ซึ่งระหว่างการต่อเติมบ้านนั้นทำให้ A มีปัญหาไม่พอใจในความเห็นแก่ตัวของทั้งพี่ชายคนโตและน้องชายคนเล็กซึ่ง A บอกว่าทั้งคู่เป็นลูกรักของคุณแม่ ในระยะหลังพี่ชายคนโตแต่งงานมีลูกและคาดหวังให้ A เป็นคนช่วยเลี้ยงดูหลาน A ปฏิเสธไปเพราะ A มีงานในบ้านและงานซ่อมบ้านที่ต้องเร่งให้ทำให้เสร็จ เพราะมีโครงการจะเปิดร้านทำธุรกิจของตัวเอง ทำให้พี่ชายคนโตไม่ค่อยพอใจและมักเรียกใช้งานAอยู่เป็นประจำแต่ไม่เคยมีค่าตอบแทนหรือสิ่งของตอบแทนน้ำใจใดๆ พี่ชายคนโตมักมีปากเสียงทะเลาะกับ A เพราะมักเห็นต่างกันทุกเรื่องทำให้คุณแม่ไม่พอใจเสมอ โดยระยะหลังคุณแม่หาเรื่องทะเลาะกับA ทุกวัน โดยระยะแรกๆ A มีการโต้เถียงกลับแต่หลังๆเมื่อเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไร A จึงใช้วิธีเงียบและเดินหนีไปแต่นั้นทำให้คุณแม่หาเรื่องมาว่า A หนักขึ้นๆทุกวันและมักพูดเสมอๆว่า A เกลียดพี่ชายคนโตและน้องชายคนเล็ก และมักกล่าวหาว่า A รังเกียจหลานจากพี่ชายคนโตไม่ยอมอุ้ม ซึ่งเรื่องนี้ A ไม่ใยดีหลานคนนี้จริงๆเพราะให้เหตุผลว่ากลัวจะต้องรับมาเลี้ยงและมีความรู้สึกว่าไม่อยากยุ่งกับครอบครัวของพี่ชายคนโตแม้แต่นิดเดียว เมื่อ A เถียงกลับมักจะว่ากล่าวว่า A ปากไม่ดี ไม่ยอมออกไปทำงานหาเงินนอกบ้านบ้าง เกลียดคนที่ชอบว่าพี่น้องตัวเองบ้าง และอื่นๆอีกหลายเรื่อง ซึ่งทุกครั้งที่ A ถูกคุณแม่แดกดัน ชวนทะเลาะ ด่าว่าต่างๆนานา A จะรู้สึกน้อยใจ เสียใจและหมดกำลังใจมาก ไม่ว่าดิฉันจะปลอบใจ พยายามพูดโน้มน้าวให้คิดถึงแต่เรื่องดีๆ เตือนให้ไม่ลืมหน้าที่และเป้าหมายเท่าไหร่ A ก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นและมักจะรู้สึกแย่ๆไปเป็นอาทิตย์ๆ บางครั้งทำให้ดิฉันรู้สึกโมโหคุณแม่ของ A และพูดไม่ดีบ้างเพราะเจ็บใจแทน A ที่ทำอะไรก็ไม่เคยถูกใจใคร ดิฉันอยากขอคำแนะนำจากอาจารย์สำหรับ A ผู้ทีเผชิญปัญหานี้โดยตรงและดิฉันผู้ที่ต้องพูดให้กำลังใจ A อยุ่เสมอ ขอบคุณอาจารย์ที่แนะนำล่วงหน้านะคะ สวัสดีค่ะ ปล. เรื่องความขัดแย้งกับผู้อื่นในครอบครัวของ Aเกิดขึ้นตลอดในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา เพราะ A เป็นคนพูดตรง รุนแรงและเป็นคนชอบว่าคนอื่นทันทีเมื่อเห็นอะไรผิด ประกอบกับมีความน้อยอกน้อยใจที่รู้สึกเหมือนเป็นคนรียใข้ให้คนทั้งบ้าน แต่ตอนนี้ A ก็ได้ปรับปรุงโดนใช้วิธีนิ่งเงียบกับทุกเรื่องจน A เกิดความเครียด

อรณิชา อินเกลี้ยง
oranicha.inkliang@gmail.com
25 ธันวาคม 2559 13:22

คุณอรณิชา ดิฉันอ่านแล้วได้ความรู้สึกว่า คุณเอรู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกคนกลาง ที่ไม่ได้รับความรักเท่าเทียมกับพี่ชายและน้องชาย อะไรที่่พี่น้องไม่ชอบไม่ทำ ก็จะต้องตกมาถึงคุณเอ โดยที่คุณเอต้องยอมสละชีวิตนอกบ้านหลังจากเรียนจบ เพ่ือพี่และน้องจะได้ทำในส่ิงที่ตนชอบ ความรักครอบครัวโดยเฉพาะพ่อแม่ทำให้ยอมรับสภาพเป็นผู้จัดการดูแลทุกข์สุขของพ่อแม่ จนคุณพ่อเสียใป จึงดูแลแม่และทุกคนมาลำพัง การที่คุณเอยอมรับสภาพเป็นผู้เสียสละมาแต่ต้น จนพี่น้องลืมไปว่าเร่ิมต้นได้ขอร้องให้คุณเอทำหน้าที่ดูแลพ่อแม่และครอบครัวแทนตน ไม่ใช่เพราะคุณเอจนหนทางทำอะไรไม่ได้ไม่มีทางเลือก จนไม่สามารถแยกแยะว่าอะไรควรทำไม่ทำ เช่นกรณีเลี้ยงลูกให้พี่ชาย หากเราเลี้ยงสุดท้ายก็จะกลายเป็นลูกเรา ลูกดีร้ายก็ต้องมาด่าว่าคุณเอ จึงถูกต้องที่คุณเอปฏิเสธไป ตลอดเวลาสิบปีที่ผ่านมา คุณเอโอนอ่อนให้แม่และพี่น้องเพราะ"รักแม่" อยากให้แม่รักคุณเอเท่า ๆ กับพี่น้อง อยากให้แม่เห็นความเสียสละของคุณเอ แต่แม่ชราแล้วแยกแยะไม่เป็นเพียงอยากเห็นทุกคนอยู่อย่างมีความสุขสงบ แต่เม่ือลูกรักเครียดไม่พอใจคุณเอ แม่จึงสรุปเอาว่าคนที่สร้างปัญหาคือคุณเอ โดยเฉพาะคิดว่างานข้างนอกมีคุณค่าสร้างผลผลิตมากกว่า จึงกลายเป็นการบ่นว่าสร้างแรงกดดันกับคุณเอ จนพูดจากระทบกระทั่งเหมือนไม่เห็นคุณค่าของคุณเอ หรือมอง่าเป็นแรงงาน"คนใช้" ทั่วไปซึ่งต่างกัน เพราะหากจ้างคนใช้เราก็คงไม่ได้คุณค่าเท่าลูกทำ ทั้งความปลอดภัยและรายละเอียดก็ไม่เหมือนกัน อาจจะสรุปว่า การที่คุณเอทำดีมาตลอดจนทุกคนลืมไปว่าเร่ิมต้นเป็นอย่างไรและที่อยู่ดีมีสุขมาได้ไม่เดือดร้อนวันนี้เพราะอะไร เพราะมีคุณเอเป็นทีพึ่งคอยแก้ปัญหาทุกเร่ืองไป โดยเฉพาะคุณแม่ ถึงตรงนี้ อยากให้คุณเอหนักแน่นและไม่ต้องน้อยใจเสียใจทีแม่รักเราน้อยกว่าพี่น้องหรือไม่เห็นคุณค่าของคุณเอ คุณเอต้องบอกกับตัวเองว่า ไม่ว่าคุณเอจะทำดีขนาดไหน ก็จะไม่ทำให้ให้คุณแม่เปลี่ยนไปจากเดิม ยอมรับเถอะว่า แม่รักลูกไม่เท่ากันเป็นเร่ืองปกติ เขารักคุณเอได้เท่านี้ก็รับไว้เท่านี้ ไม่ต้องเสียใจน้อยใจเพราะบุญกรรมเราทำมาไม่เท่ากัน พยายามทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด โดยเฉพาะเม่ือเรารักแม่มาก ก็ทำดีเท่าที่ทำได้ เม่ือถึงเวลาจากกัน เราจะได้ไม่ต้องเสียใจมาก หลีกเลี่ยงการปะทะคารมหรือโต้เถียงหรืออย่าก้าวล่วงเกินท่านจะเป็นบาป ที่สำคัญหากจะโต้แย้งก็ให้พูดอย่างใจเย็น ๆ ไม่มีอารมณ์ และอะไรที่เป็นสิทธิ์ของเรา ก็ปกป้องใช้สิทธิ์บ้างเพ่ือเขาจะได้ไม่ลืมว่า คุณก็มีสิทธิจะหยุดมีวันหยุดจะออกไปข้างนอก มีเวลาส่วนตัวของตัวเอง คืออย่าทำตามใจเขาจนเขาได้ใจลืมไปว่า เราก็ต้องมีชีวิตของตนเองด้วยเช่นกัน ดีแล้วทีมีคุณอรณิชาคอยให้กำลังใจ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ควบคุมอารมณ์ตนเองให้อยู่ และมองเขาด้วยความเมตตา ด้วยความเข้าใจ เขาเหมือนเด็กไม่โต อยากให้มีคนเอาใจทำในส่ิงที่เขาไม่อยาก ทำแยกแยะไม่ได้ว่าอะไรควรไม่ควร โดยเฉพาะลูกใครคนนั้นก็ควรต้องเลี้ยงเอง เอาละนะดูแลตัวเองด้วย

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
26 ธันวาคม 2559 15:56
Post อันดับที่ 1

ตอบกระทู้


กลับด้านบน