มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ
ควรทำอะไรในวัยเกษียณ

เรียนอาจารย์อรอนงค์ ชีวิตวัยเกษียณส่วนใหญ่ทำอะไรกันบ้างค่ะ เพื่อนร่วมงานบางคนทำธุรกิจกัน จำเป็นที่เราต้องมีอาชีพเสริมหรือไม่ค่ะ อาจารย์คิดว่าเราควรจะมีเงินเก็บเท่าไหร่ถึงจะดำเนินชีวิตอยู่ได้โดยไม่เป็นภาระค่ะ

อร
25 พฤษภาคม 2559 11:50

ก็คงต้องมาดูว่าแต่ละคนทำอะไรมาก่อน และยังอยากทำเหมือนเดิมอีกหรือไม่ เช่นหากเคยเป็นครูอยากจะสอนไหม สอนวิชาการเป็นวิชา ๆ หรือสอนกิจกรรมถักถอเย็บปักหรือวาดรูป สอนดนตรี ทำกับข้าว ทำขนม ทำสวนผัก อะไรที่ทำแล้วทำให้เรามีความสุขก็ทำไป อาจได้เงินบ้างไม่ได้บ้างก็ไม่ต้องไปซีเรียส ไม่ต้องไปคาดหวังมากหวังเพียงคืนกำไรเล็ก ๆน้อย ๆ ให้คนในสังคมบ้างก็พอแล้ว แล้วก็แบ่งเวลาในการปฏิบคิธรรมถือเป็นการสะสมอาหารในการเดินทางต่อไปภพหน้า การออกกำลังกายเท่าที่พอจะทำได้ หวังเพียงให้เราแข็งแรงช่วยตัวได้บ้างไม่เป็นภาระลูกหลานมากนัก นี่เป็นส่ิงที่ดิฉันทำอยู่ การทำอาชีพเสริมหากทำได้สงบ ๆ ก็น่าทำแต่อย่าปล่อยให้ความโลภมาครอบงำจะทำให้ไม่สงบ สำหรับการเก็บเงินเท่าไร สิ่งสำคัญคือตรวจสอบประกันสังคม ประกันสุขภาพหรือรายได้สะสมหลังเกษียนว่าพอจะคุ้มครองเราได้ไหม หากเรามีประกันสุขภาพที่มั่นคงก็จะทำให้สบายใจั่นใจ ต้องยอมรับว่า ทุกวันนี้ ค่าหมอค่ารักษาพยาบาลสูงมากโดยเฉพาะหากเราไปเอกชนเพราะรพ ราชการแน่นมาก รพเอกชนก็คิดราคาแพงพยายามจะขูดจากคนไข้ให้ได้มากที่สุด เฉพาะค่าหมอวินิจฉัยโรค 300- 750 บาท บวกค่าพยาบาลค่าบริการอย่างต่ำ 150 บาท ยังไม่ต้องพูดถึงราคาค่ายาและอ่ืน ๆ การไปรพราชการมันกว้างใหญ่เดินจากตึกหนึ่งไปอีกตึกหนึ่ง เรียกว่าหอบกันเลย ครั้นไปรพเอกชนก็มีค่าใช้จ่ายสูง เรียกว่าลำบากมากสำหรับคนที่สุขภาพไม่ดี กระทรวงสาธารณสุขหรือรัฐบาลจะต้องหันมาพิจารณาจัดการเรื่องการรักษาพยาบาลให้ไม่เป็นภาระกับประชาชนมากเท่าทุกวันนี้ เรื่องผู้สูงอายุก็เช่นกัน เป็นเรื่องน่าสนใจมากที่ประเทศไทย ทันทีที่เราแก่ เราก็จะถูกไล่ออกไปให้ไกลจากเมืองหลวง คอนโดใหญ่ ๆ กลางเมืองเป็นที่สำหรับคนหนุ่มสาว ถ้าหากเราไปต่างประเทศ ใจกลางเมืองจะเป็นคอนโดสำหรับคนแก่จะได้อยู่ และสามารถไปโน่นไปนี่ไปช๊อบปิ้งช่วยตัวเองได้ แต่ของเราเหมือนเขาตัดขาดไล่เราออกไปอย่ไกล ๆ ทั้ง ๆที่คนรุ่นเก่าสร้างเมืองใหญ่แห่งนี่ ถึงเวลากลับไม่มีที่อยู่ กรณีที่ต้องอยู่ Nursing Home หากไม่มีเงินไปอยู่ไม่ได้จริง ๆ เฉลี่ยแล้วค่าใช้จ่ายเดือนละ 50,000 บาท นั่นเมื่อปี 2554 ที่ดิฉันจ่ายเมื่อต้องส่งคุณแม่ไปอยู่ ยังไม่รวมค่ายาและอ่ืน ๆ มันหนักมาก และไม่ได้ดีเท่าราคา แค่พออยู่ได้สำหรับห้องเตียงเดี่ยว ส่วนเรื่องความสะอาดหรือบริการส่วนใหญ่จะเหมือน ๆ กันคือคิดราคาสูง แต่จ้างเด็กสาวการศึกษาม 3 ที่ฝึกอบรมระยะสั้น ๆ มาดูแล ทั้งวอร์ดมีผู้สูงอายุ เกือบ 30 คน ทั้งห้องเดี่ยวห้องคู่ห้องรวม มีพยาบาลเพียงคนเดียวนอกนั้นเป็น Nurse Aid มาป้อนข้าเช็ดตัวทำความสะอาด ฯลฯ ลองนึกถึงภาพดูแล้วกัน ดูเหมือนคนทำธุรกิจเหล่านี้ก็อยู่ในวงการแพทย์พยาบาลเป็นเจ้าของ รีฐบาลยังไม่สามารถกำหนดมาตรญานและราคาที่ชัดเจนได้ทำให้ประชชนย่ิงแก่ย่ิงลำบาก ก็ลองช่วยกันคิดหน่อยว่าจะทำอย่างไรจึงจะช่วยพวกเรา สว ที่ช่วยตัวเองไม่ได้ว่าจะช่วยกันได้อย่างไรในราคาที่ไม่สูเกินไป แล้วค่อยคุยกันต่อคะ

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
25 พฤษภาคม 2559 11:53
Post อันดับที่ 1

ตอบกระทู้


กลับด้านบน