มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ
ความร้สึกหมดพลังงานในชีวิต

สวัสดีครับอาจารย์ ผมเคยขอคำปรึกษาอาจารย์ตั้งแต่เรียนปริญญาตรี (เรียกได้ว่าทุกเทอม) ก็จบเกียรตินิยมมาได้ ปรึกษาตอนสอบเข้าทำงาน สอบทุน และก็ได้รับทุน ซึ่งปัจจุบันกำลังเรียนปริญญาโทอยู่ครับ พร้อมกับทำงานไปด้วย รุ้สึกชีวิตตอนนี้มันผ่านไปวันๆครับอาจารย์ ไม่ค่อยมีแรงจะทำอะไรเหมือนแต่ก่อน ราวกับว่าอยากอยู่เฉยๆ ไม่ชอบงานที่ทำ ไม่ชอบสังคมเมือง แออัด วุ่นวาย จนบางทีมันเกิดความคิดว่าอยากจะลาออกจากงานไปเป็นเกษตรกร ทำไร่พอเพียงอยู่เงียบๆ ผมไม่ค่อยมีความสุขกับสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่ ในอดีตคิดว่าตั้งใจเรียนให้สูง สอบเข้าทำงานในองค์กรดีๆ เงินเดือนสูงๆ นี่แหละความสุข ทำงานได้ประมาณ 5 ปี กลับรุ้สึกตรงกันข้ามเลยครับ ไปเรียนก็นั่งลอยๆ ไม่ค่อยเข้าใจ ทำงานก็แก้ปัญหาง่ายๆยังไม่ได้ ทั้งที่เคยให้ความเห็นในเวทีประชุมใหญ่ๆได้ และแก้ปัญหาเก่ง งงกับตัวเองครับ ไม่รู้มันเกิดอะไรขึ้น ผมต้องแก้ปัญหานี้ยังไงครับ ช่วยชี้แนะทางออกด้วยครับ ขอบคุณครับ

เอ็ม
19 กันยายน 2561 21:18

คุณเอ็ม คงเคยไดยินนะที่ว่า "ชีวิตคือการเดินทาง ซึ่งก็ต้องวิ่งบ้าง เดินบ้าง เหน่ือยนักก็หยุดพักสักระยะแล้วค่อยเร่ิมเดินไปใหม่ " และที่นักเดินทางทุกคนต้องจดจำไว้ก็คือ "ความสุขในการเดินทางน้ัน หรือในชีวิตของคนเรานั้น ไม่ได้อยู่ที่จุดหมายปลายทาง แต่อยู่ที่ระหว่างการเดินทาง" แต่จากที่คุณเล่าไป ฟังเหมือนคุณออกว่ิงได้ไวกว่าคนวัยเดียวกัน และคุณก็ก้มหน้าก้มตาว่ิงอย่างเดียว ไม่ค่อยได้หยุดพักเพ่ือ เดินทอดน่องรับลมเย็น ชมธรรมชาติรอบข้าง ฟังเสียงน้ำไหล ชมแสงสีบนฟากฟ้า หรือว่าชมดอกไม้หลากสีทีข้างทาง ซ่ึงเป็นการสะสมกำลังใจ ความสุขเล็ก ๆ ไว้ในกระเป๋าให้มีพลังใจจะก้าวต่อไป ที่สำคัญคือได้ช่ืนชมกับการดำเนินชีวิตของตัวเอง ซึ่งเมือมองย้อนกลับไป นับว่าคุณเป็นเด็กหนุ่มที่ประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่าคนรุ่นเดียวกันมากมาย คุณมีสมองที่ดี มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด เรียนอะไรก็ได้ดีไปหมด อย่างเช่นขณะนี้ เรียนจบก็ได้งานและได้ทุนเรียนปริญญาโท ทุกอย่างที่คุณต้องการคุณก็ได้อย่างที่ปรารถนา แต่คุณบอกว่า มาถึงวันนี้คุณไม่ค่อยมีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่นัก จุดส่ิงหมายที่ำหนดไว้ได้ดังหวัง แต่มีควมสุขเพียง 5 ปี กลับไม่อยากทำอะไรต่อไป ไม่ชอบส่ิงแวดล้อม สังคมเมืองที่วุ่นวาย อยากอยู่เฉย ๆ ซึ่งคำถามที่ตุณต้องถามตัวเองคือ หลายปีมานี้ เราตั้งหน้าตั้งตาวิ่ง มุ่งมั่นจะทำโน่นสำเร็จนี่ จนเหมือนไม่มีเวลาให้ตัวเองบ้างเลยหรือเปล่า เพราะคุณมีความตั้งใจมุ่งมั่นที่ดี โดยเฉพาะดีกว่าคนรุ่นเดียวกับคุณมากมาย ซึ่งความเหน่ือยล้าอาจบั่นทอนกำลังใจของคุณลง หากเราตั้งใจทำงานในหน้าที่ให้ดีต่อไป แต่ลดการศึกษาให้จบช้าออกไป มีเวลาเที่ยว สนุกกับเพ่ือน ๆ และคนในครอบครัวบ้าง ไม่ต้องมุ่งจะตอ้งสำเร็จไปทุกอย่าง จะช่วยทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายความเครียด เกร็งลงบ้างไหม คิดอย่างไร? จดหมายของคุณที่เขียนไปก็ให้ภาพที่เข้าใจได้ แต่ดูเหมือนส่วนประกอบที่สำคัญหายไป คือคุณไม่ได้เอ่ยถึงพ่อแม่คนในครอบครัว หรือคนรัก เพ่ือน หรือกลุ่มบุคคลที่ทำให้คุณมีกำลังใจหรือเพ่ิมพลังใจให้คุณ ทำให้สงสัยว่า คุณทำคนเหล่านั้นตกหายไปบ้างหรือเปล่า ระหว่างการวิ่งเพ่ือให้ถึงเส้นชัยของคุณ หรือหากคุณเป็นคนสันโดด ครอบครัวก็ต่างคนต่างอยู่มีความสุขตามสถานภาพของเขา เราจึงไม่ค่อยติดต่อกับใคร พูดถึงเพ่ือน ๆ ก็อาจน่าเบ่ือไร้สาระ ไม่อยากยุ่งมีปัญหากับใคร ซึ่งสมัยนี้ก็เป็นไปได้ แต่ชีวิตทุกชีวิตก็มีบทบาทเป็นของตัวเอง ถึงเราจะไม่ชอบ แต่มนุษย์ก็ต้องมีการส่ือสารพูดคุย รับฟังปัญหา ศึกษาชีวิตผู้คนบ้าง เพราะเราไม่ได้ยอู่คนเดียวในโลก หากเราไม่พึ่งเขา เขาก็อาจต้องการความช่วยเหลือจากเราบ้าง หากเราหมกมุ่นแต่เร่ืองของตัวเอง เราก็อาจรู้สึกแปลกแยก เหงา ว้าเหว่เดียวดายหรือกลายเป็นคนที่เห็นแก่ตัว หรือหากเราไม่แคร์ เราอยู่ได้ก็คงไม่เป็นไร แต่จากที่เล่ามา ความรู้สึกไม่เป็นสุขี่เกิดขึ้น อาจเพราะการเพิกเฉในหลาย ๆอย่างรอบ ๆ ตัว อาจกำลังสะท้อนความรู้สึกภายในเหมือนตัวเองไม่มีคุณค่าเลยหรือเปล่า ลองคิดดูนะ ค่อย ๆ เรียงลำดับความคิดตนเอง เพ่ือหาสาเหตุ แต่ในความคิดปรารถนาที่คุณกำลังรู้สึกอยู่นี้ คืออยากมีีชีวิตอยู่ตามธรรมชาตินี้ เกิดข้ึนกับคนไทยคนกรุงมากมาย เพราะสังคมไทย มีความสับสนวุ่นวาย สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ และผู้คนมากมายคิดถึงแต่ผลประโยชน์ของตนเอง จึงเป็นธรรมดาที่คนจำนวนมากที่อยากมีความสุขกับการใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง ซ่ึงก็เป็นเร่ืองปกติเช่นกัน และก่อนที่คุณจะต้องการทำเช่นน้ันด้วย ก็ตรวจสอบความเข้าใจในการใช้ชีิวิตที่ผ่านมาให้มีความชัดเจนว่าคุณไม่ได้ "พลาด" อะไร มีอะไรปรึกษาใหม่ได้ ดูแลสุขภาพนะ!

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
21 กันยายน 2561 13:11
Post อันดับที่ 1

ตอบกระทู้


กลับด้านบน