สวัสดีค่ะ ตอนนี้อายุ 22 ปี ท้องได้ 8 สัปดาห์แล้วตอนนี้ก็เป็นอีสุกอีใสด้วย คือว่าพึ่งคบกับแฟนได้ 3 เดือนแบบลองอยู่ด้วยกันไม่เคยมีไรกันเลยเพราะหนูไม่พร้อมมี(คิดว่ามันเร็วเกินไป) พออยู่มาวันหนึ่งหนูไม่ค่อยสบายแล้วแฟนก็บังคับให้มีอะไรด้วยซึ่งเราก็ไม่มีแรงขัดขืน เขาไม่ใส่ถุงยางมีแค่ครั้งนั้นแล้วหนูก็พยายามออกห่างเขามา ทิ้งของหนีกลับมาอยู่บ้านพอถึงสิ้นเดือนมีนาปกติประจำเดือนจำมาแต่ไม่มาเลยไม่ซื้อที่ตรวจครรภ์มาก็ปรากฎว่าท้อง ไม่เชื่อลองไปเช็คที่โรงพยาบาลดูผลออกมาก็ท้อง หนูเครียดมากๆเลย ก็เลยบอกแฟนว่าท้องเขาพร้อมจะรับผิดชอบแต่คนที่ทำร้ายจิตใจเราขืนใจเราหนูก็ไม่อยากได้คนๆนี้เป็นพ่อของลูกไม่ได้อยากใช้ชีวิตกับคนที่ไม่ให้เกียรติเรา อีกอย่างฐานะทางบ้านก็มีปัญหา มีแม่แค่คนเดียว ไม่ได้ทำงานอะไรเป็นแม่บ้านอยู่บ้านทำงานบ้านเลี้ยงน้องอีก 2 คน อายุ 5 ขวบกับ 6 ขวบ แล้วตอนนี้หนูไม่ได้เรียนเพราะแม่บอกว่าส่งลูก 3 คนไม่ไหว ก็เลยเสียสละการเรียนมหาลัยที่อีกปีครึ่งก็จะจบแล้ว เพื่อที่จะหาเงินช่วยแม่ส่งน้องเรียน พอทำงานได้ระยะนึงก็มีแฟน(เจอกันที่ทำงาน)แล้วก็เริ่มเก็บเงินไปด้วย ตอนที่ทำงานอยู่พอดีหนูติดเชื่อแบคทีเรียทางกระเพราะอาหาร ทำงานเท่าไรก็หมดไปกับหาหมอ และไม่สามารถทำงานต่อได้เลยลาออกจากงาน(เนื่องจากลาบ่อยเกินไป) มาพักรักษาตัวแล้วค่อยหางานใหม่เก็บเงินเรียนใหม่มันคือความคิดที่จะทำ แต่หนูมาท้องไม่พร้อมในหลายๆ เรื่องท้องมาก็อยากนั่งเลี้ยงลูกเองไม่อยากให้แม่เลี้ยงแค่น้อง 2 คนแม่ก็เหนื่อยแล้วมีหลานอีกค่าใช้จ่ายในบ้านก็ไม่พอ มีพี่ชายคนโตก็ช่วยเหลือไม่ได้มีแต่จะหยิบยืมจากเรา ตอนนี้งานก็ไม่ได้ทำเพราะป่วย แล้วท้องยังไม่พอเป็นอีสุกอีใสตอนท้องอ่อนๆอีดเครียดมากๆ เด็กคนหนึ่งคลอดมาไม่ใช้ไม่ใช้เงินถ้าอีก 3 เดือนเงินในบัญชีหมดจะทำยังไง หางานที่รับคนท้องทำก็ไม่มี จะประคองตัวเล็กให้คลอดออกมายังไงไหว แทนที่จะบำรุงครรภ์มาอดมื้อกินมื้อก็ไม่ไหว หนูนอนเครียดคนเดียวทุกคืน นอนมองแม่ทำงานบ้านดูน้อง ดูแลเราป่วยด้วยก็แอบร้องไห้ ไม่กล้าบอกแม่ว่าท้อง เพราะแม่เคยว่าถ้าหนูท้องชีวิตคือจบเลย เพราะส่วนใหญ่รายได้มาจากหนู เครียดมากๆเลยตอนนี้ 
หนูภัช ที่เล่าไปทำให้เช่ือว่า หนูเป็นหญิงสาวที่ดี แยกแยะถูกผิดชั่วดีได้ แต่บังงเอิญโชคไม่ดีที่ไปเจอผู้ชายใจร้ายที่ขืนใจในยามที่หนูยังไม่พร้อมจะมีเพศสัมพันธ์ด้วย แต่เขาต้องการและบังคับจนผลที่ตามคือ หนูตรวจพบว่าตัวเองตั้งครรภ์ ในขณะที่ยังไม่พร้อม และม้ว่า แฟนหนูจะบอกว่าเขาพร้อมจะเลี้ยงดูหนูและลูก แต่หนูรู้สึกว่า เขาไม่ใช่ผู้ชายที่เราต้องการให้เป็นพ่อเด็ก ที่สำคัญคือ เป็นการยากที่เราจะเช่ือคำพูดหรือการรับปากของเขา เพราะที่ผ่านมาเขาดูต้องการที่จะทำตามใจหรือต้องการที่จะได้ดังใจของเขามากกว่าที่จะคิดถึงฝ่ายหญิง ซึ่งฟังคำพูดของเขาอาจทำให้หนูวิตกกังวลมากกว่าจะสบายใจ นับว่าเป็นความรู้สึกที่มีเหตุผล ที่สำคัญ หนูภัชตระหนักถึงปัญหาทางครอบครัว มีแม่ที่ต้องคอยดูแล ลูกโตสองคน ลูกเล็กอืกสองคน หากมีหลานเล็กต้องเลี้ยงดู คงจะลำบากพอสมควร อย่างไรก็ตาม การจะคิดทำอะไต่อไปขอให้คำนึงถึงเด็กในท้องด้วยว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของเด็ก เราจะไปตัดสินลงโทษเขา เพียงเพราะเราไม่พร้อม ผู้ชายไม่ดี หรือเรามีปัญหาเยอะ ก็อ้างไม่ได้เพราะเราก็มีปัญหานี้มาตลอด เรารู้ตัวอยู่แล้วว่าไม่พร้อมจะมีปัญหาเพ่ิม อย่างไรก็ตาม ถึงกฏหมายจะระบุว่า การทำแท้งเป็นเร่ืองผิดกฏหมาย นั่นคือทำไม่ได้ได้ ยกเว้น ข้อยกเว้นทีกฏหมายอนุโลมให้ฝ่ายหหญิงสามารถทำแท้งได้ในสามสี่กรณี เร่ิมจาก 1. ถูกข่มขืน บังคับให้มีเพศสัมพันธ์ด้วยโดยไม่สมัครใจ 2. ฝ่ายหญิงมีโรคที่อาจทำให้เป็นอันตรายร้ายแรงต่อผู้หญิง และเด็กในครรภ์ที่จะเกิดมา ทั้งสองกรณี หนูภัชอาจสามารถช่วยตัวเองได้ด้วยการ ข้อ 1. ปรึกษาทนายความว่า กรณีของหนูภัช อยู่ในกรณีนี้หรือไม่ ข้อ 2. หนูบอกว่าไปตรวจที่รพ ว่าตัวเองตั้งครรภ์หรือไม่ รพ บอกว่าใช่ หนูตั้งครรภ์ กลับไปหาหมอคนเดิม แล้วเล่าเร่ืองที่เกิดขึ้นให้หมอฟัง ที่สำคัญ หนูตรวจพบว่าเป็นอีสุกอีใส หรือรับการรักษที่ รพ นี้ใช่ไหม ถามว่าหนูเป็นอีสุกอีใส อยู่ในกรณีที่ทำแท้งถูกกฎหมายได้ใช่หรือไม่ หนูอายุ 22 ปี ความจริงหนูยังเด็ก อายุยังน้อย แต่หนูก็ได้ทำเร่ืองใหญ่ให้กับัตัวเอง และต้องพยายามแก้ไขให้ได้ด้วยตัวเอง ทั้งอสงข้อไม่ตอ้งกลวที่จะลุกขึ้นยืนหยัดเพ่ือปกป้องตัวเอง เพราะถึงหนูจะสมัครใจมาอยู่ร่วมหลังคาบ้านกับเขา แต่ไม่ได้หมายความว่า เขาจะข่มขืน บังคับให้หนูยอมทททททททททททททททำตามที่เขาต้องการได้ การกระทำของเขาจึงไม่ถูกต้อง เป็นการละเมิดสิทธิของผู้หญิง หนูปฏิเสธเขาแล้ว แต่เขาไม่ฟัง หนูจึงมีสิทธิจะฟ้องร้อง ร้องเรียน เพ่ือให้เขาจ่ายค่าเสียหายหรือการกระทำของเขาส่งผลให้หนูตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ถ้าที่อาจารย์อรอนงค์ทบทวนเร่ืองราวจากที่หนูปรึกษาไป นี่คือพฤติกรรมของฝ่ายชายที่ทำให้ฝ่ายหญิงไม่ได้รับความยุติธรรม ละเมิดสิทธิ และนำความเสียหาย ความทุกข์มาสู่ชีวิตของตัวหนูเอง ใช่หรือเปล่า? และหากนี่คือความจริงที่เกิดขึ้นกับหนูด้ยความไม่สมัครใจ แทนที่จะนั่งร้องไฆ้ทุกข์โศก อับอายน้อยใจเสียใจในการกระทำของตนเองและ ยอมรับผิดยอมถูกตำหนิถูกประนามตามลำพัง แล้ว ปล่อยให้ฝ่ายชายทิ้งเราไปในที่สุด จงลุกขึ้นต่อสู้เพ่ือปกป้องศักดิศรีและสิทธิของตนเองและของเด็กในท้อง แพ้หรือขนะไม่สำคํัญเท่ากับเราได้พยายามหรือยัง ทีนั่งมองแม่มองน้อง ๆ ลำบาก รวมทั้งตัวเราและลูกก็ลำบาก จะไม่คิดลุกขึ้นต่อสู้เพ่ือตัวเราาาาาาาและครอบครัวอขงเรเองบ้างหรือ ส่วนในข้อสองเป็นเร่ืองสุขภาพของตัวเราและลูก ควรหคำอธิบายให้ชัดเจน ตั้งสติ ตั้งใจ ลงมือดำเนินการเลยนะ ช่วยตัวเอง แล้วคนอืนก็จะช่วยเราเอง เบอร์โทรทนายความอาสามีหลายแห่ง ทุกวันนี้มีคดีมากมายทางโทรทัศน์ มีทนายความใจดีเก่ง ๆ เยอะ เลือกเอา มีอะไรปรึกษาไปใหม่ได้
ต้องการยุติการตั้งครรภ์ต้องทำยังไงหรอค่ะ อยู่ในกรุงเทพค่ะ
หนูภัช เป็นคนเดียวกับหนูภัชที่ ปรึกษาข้างบนนี้ว่า "ท้องไม่พร้อม เครียดมาก ๆ" ใช่หรือเปล่าคะ ถ้าใช่ หนูตั้งสติอ่านคำแนะนำของอาจารย์ ให้ละเอียดแล้วคิดพิจาณาเลือกทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดกับตัวหนูและครอบครัวนะ แต่ถึงหาก หนูภัช เป็นคนละคนกัน ก็ขอแนะนำให้อ่านที่อาจารย์เขียนตอบไว้ หลายหน้าในระยะสองสามเดือนมานี้ มีคำถามที่คล้าย ๆ กัน แต่คำตอบได้อธิบายไว้สรุปว่า ทางออกมี แต่การทำแท้งทำไม่ได้ เป็นเรื่องผิดกฎหมายค่ะ อ่าน คิด พิจารณา และขอให้ติดสินใจให้ถูกต้องเป็นบุญกุศลแก่ตนเองนะ