มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ
ปัญหาความเครียดในใจ

ตอนนี้หนูรู้สึกว่าตัวเองไม่มีจุดหมาย ไม่รู้ต้องการอะไรจากตัวเองหนูกลายเป็นคนปิดตัวเองตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา คือหนูกำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ซึ่งก่อนหน้านี้หนูเป็นคนที่สนุกสนาน ร่าเริง จนเมื่อปีที่2ปีที่ผ่านมามันทำให้หนูกลายเป็นคนละคน หนูกลายเป็นคนที่สบสนกับตัวเอง ไม่กล้าแสดงออกในที่สาธารณะ กลายเป็นคนชอบเก็บตัว ไม่ชอบตอบคำถามใคร แต่ชอบแสดงออกมาว่าเป็นคนร่าเริงแต่ในใจลึกๆมันไม่ใช่แบบนั้น อาจเป็นเพราะที่บ้าน พ่อกับแม่หนูไม่คุยกัน พ่อ ไม่คุยกับแม่ ไม่ว่าแม่จะพูดอะไรพ่อจะไม่ฟัง ไม่เจอหน้า แย่สุดคือพ่อ ย้ายไปนอนบ้านอีกหลัง โดยแม่ก็สงสัยว่าทำไมอยู่ๆพ่อก็เป็นแบบนี้ แม่เครียดโทรมาหาเราตลอด โทรมาเบ่าปัญหาที่บ้านตลอด ก่อนหน้านี้บ้านเราเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาตั้งแต่เด็กพ่อเราเป็นคน ดุ โมโหรุนแรง ตอนเด็กๆถ้าเราทำผิดก็จะตีเราหนักมากขั้นเลือดออก โดยไม่ฟังเราเลย แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกว่านั่นคือปัญหา แต่ปัญหาคือช่วง ตอนนี้ตอนที่เราออกมาเรียนมหาลัย บางครั้งเราต้องการกำลังใจจากครอบครัวบ้าง เวลาเราท้อ แต่มองไปไหนกลับไม่มีใคร เวลากลับบ้านที่ต่างจังหวัดเรา แทบจะไม่ได้เจอพ่อเลย เจอแค่ตอนพ่อมารับ พอถึงบ้านพ่อก็ขี่รถออกไป เรากลับบ้านไม่เคยได้กำลังได้ แต่ได้ยินคำที่แม่มีปัญหา ครอบครัวมีปัญหา พ่อไม่คุยกับแม่บ้าง ส่วนพ่อเราไม่เคยพูดให้กำลังใจเรา ส่วนมากพ่อจะเป็นคนบังคับเรา ห้ามนู้นห้ามนี่โดยไม่บอกเหตุผล บางครั้งพ่อไม่เคยฟังเราเลยฟังแต่คนอื่นบอกว่าเราไปนู้นไปนี่เช่น ผับ ร้านเหล้า พ่อเราจะโกธรมากถ้ารู้ว่าเราไป บางครั้งเรารู้สึกวุ่นวายในใจ ในหัวจนเราแทบเรียนไม่รู้เรื่อง บางครั้งพรีเซ้นท์งานแทบไม่ได้ เพราะในหัวเราคิดอะไรเยอะแยะไปหมด เราไม่รุ้จะทำยังไง แต่เราเป็นคนชอบเก็บความรู้สึกที่จริง เพราะเราไม่อยากให้ใครเห็นว่าเราอ่อนแอเราไม่รู้จะตอบคำถามคนอื่นยังไง เวลาเค้าถามเราว่าเราเป็นอะไร

หวาน
Wahn123234@gmail.com
31 มกราคม 2561 19:45

หนูหวาน ช่วงวัย(รุ่น)นี้ ลำพังฮอร์โมนในร่างกายส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย อารมณ์ จนทำให้เกิดความเครียด หงุดหงิดง่าย อ่อนไหว กราดเกรี้ยว สับสน คับข้องใจอย่างไม่มีเหตุผล กระทบนิดกระเทือนหน่อยกลายเป็นเร่ืองร้อนแรงรับไม่ได้ อาการนี้เกิดขึ้นกับทั้งหญิงชายวัยรุ่นมากน้อยต่างกัน หลายคนมีความเครียดทางเพศเข้ามาเกี่ยวด้วย แต่ท้ังหมดเกิดขึ้นเป็นธรรมชาติของร่างกายในวัยนี้ ซึ่งนานไปโตขึ้นก็เปลี่ยนไป แต่ในระยะนี้การผ่อนคลายความเครียดทำได้และควรทำคือการออกกำลังกายเท่าที่เราพอจะทำได้ เช่น ว่ิง โดดเชือก ว่ายน้ำ เพ่ือให้เหง่ือออก จะทำให้รู้สึกดีขึ้นอีกเร่ืองหนึ่งคือ การเรียน เพ่ือน ๆ ส่ิงแวดล้อม ซึ่งมีอิทธิพลกับนักศึกษาสมัยนี้มาก ไม่คบไม่เข้ากลุ่มก็อาจจะเรียนไม่จบ ครั้นเข้ากลุ่มก็ดูวุ่นวายสารพัดเร่ือง มีการนินทาจับผิดแก่งแย่งแข่งขันกันและกัน ทำให้วางตัวไม่ถูก ไม่รู้จะทำตัวอย่างไรให้ถูกใจเพ่ือน หากเฉย ๆ ก็เป็นเร่ือง ยิ่งพยายามปรับตัวก็ยิ่งลำบากใจจนไม่รู้จะทำอตัวอย่างไรจึงจะไม่เป็นปัญหา ออกจากบ้านมาอยู่หอมาเรียน คิดว่าจะมีความสุข กลับรู้สึกโดดเดี่ยวเงียบเหงาหวาดระแวง ครั้นกลับบ้านหวังจะได้รับกำลังใจใก้ลชิดอบอุ่นจากพ่อแม่ กลับพบว่าพ่อแม่มีปัญหาขัดแย้ง ไม่พูดกัน แม่พยายามยึดเธอเป็นที่ระบายในขณะที่เธอไม่พร้อมจะรับฟัง ส่วนพ่อพูดอะไรเล่าอะไรกลายเป็นถูกพ่อจับผิดดุว่าได้ทุกเร่ืองไป จนเธอรู้สึกสับสนเคว้งคว้างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับตัวเอง ฯลฯ อย่างไรก็ตาม นี่คือชีวิต คือครอบครัว คือสถาบันการศึกษา คือสังคมและความเป็นเพ่ือน ที่เราทุกคนจะต้องก้าวเดินและผ่านมันไปให้ได้ ค่อย ๆ ตั้งสติเรียงลำดับเร่ืองราวความสำคัญก่อนหลัง ปัญหาที่บ้าน ครอบครัว ความขัดแย้งของพ่อแม่เป็นเร่ืองปกติของหญิงชาย ที่สองคนเท่านั้นรู้ว่าปัญหาจริง ๆ ของเขาทั้งสองคืออะไร คนอ่ืนช่วยไม่ได้ ลุก ๆ อยู่ส่วนลูกคอยเอาใจช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของพ่อแม่เร่ื่องงานบ้าน รับฟังปัญหาแม้จะไม่รู้เร่ืองเลย แต่พ่อแม่เพียงอยากมีคนรับฟังรับรู้เท่านั้น ฟังแล้วก็ให้ผ่านไปเป็นเร่ืองของเขาสองคน ไม่เข้าข้าง ไม่แสดงความคิดเห็นอะไร ช่วยแบ่งเบาภาระงานบ้านเท่าที่ทำได้ เพราะคนสองคนหากเขาเครียด ทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่ทันใดที่ต้องการแยกทางกันเขาหันมาเห็นลูก ๆมีพฤติกรรมการกรำทดีน่ารัก ความคิดเขาก็จะเปลี่ยนไป หน้าที่ของลูกคือตั้งใจเรียนให้จบ ในเร่ืองการเรียนพยายามตั้งใจเรียนพึ่งพาตัวเองให้มากที่สุด รักษาความเป็นเพ่ือน เป็นมิตรทีดีกับทุกคน เวลลาอยู่บ้านมุ่งสมธิไปที่เร่ืองในบ้าน ค้นอยู่ทีเรียนก็ตั้งสติสามธิอยู่กับการเรียน ยิ้มแย้มแจ่มใสไม่ต้องถือสาอะไร วัยรุ่นทุกคนรวยจนมีปัญหาเหมือนกัน ไม่ต้องเปรียบเทียบอะไรกับใคร ใครจะว่าอะไรก็เฉย ๆ ทำได้ไหม มีเวลามีเวพ่ือนถูกใจใช้เวลาว่างไปออกกำลังที่ไม่ต้องเสียเงินมาก จะไ้ไม่เปลือง คิดอย่างไรทำได้ไหม อ่าน ฟังอย่างเดียวไม่พอต้องลงปฏิบัติด้วยจึงจะได้ประโยชน์ ลองไตร่ตรองดู ค่อย ๆ คิดและฝึกตนเองทีละเร่ืองในแต่ละสถานการณ์ อย่าเอาทุกเร่ืองมาปนกันจนวุ่นวายสับสนนะ ลองทำดูแล้วเขียนไปใหม่

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
1 กุมภาพันธ์ 2561 16:04
Post อันดับที่ 1

ตอบกระทู้


กลับด้านบน