คุณสรวิศ ไม่ว่าคุณจะนับถือศาสนาอะไร ทุกศาสนามีจุดมุ่งหมายอย่างเดียวกัน คือมุ่งให้ทุกคนประพฤติดีประพฤติชอบ ไม่ปล่อยให้กิเสสตัณหามาชักนำเราไปในทางที่ผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม การสวดมนต์ไหว้พระสวดภาวนาต่อพระเจ้า ก็เพื่อสร้างสมความเข้มแข็งอดทนของเราให้มั่นคงมากขึ้น ไม่หวั่นไหวไปกับเรื่องราวรอบ ๆ โดยเฉพาะไม่ว่าศาสนาใดท่านก็สอนให้เราตระหนักถึงคุณค่าของชีวิต และให้เราทุกคนเข้าใจด้วยว่า ชีวิตเราทุกคนมีทั้งทุกข์และสุขสลับกันไปเป็นเรื่องธรรมดา การสวดมนต์ภาวนาหรือการร้องขอบางครั้งเราก็พบว่า เป็นอย่างที่อยากได้ หลาย ๆ ครั้งต้องอาศัยระยะเวลาและความอดทนพยายามจึงจะได้ ทำให้เราได้ฝึกตนให้มีความขยันหมั่นเพียรพยายาม ไม่ร้องขออย่างเดียว แต่ต้องทำตัวให้มีคุณค่าเพื่อเราจะได้ภาคภูมิใจในตนเอง การได้อะไรมาง่าย ๆ อาจทำให้เราเสีนยิสัยไม่รู้จักการใช้ชีวิตที่แท้จริง เพราะฉะนั้นขณะนี้ ชีวิตอาจอยู่ในช่วงต้องฝึกฝนความอดทนให้มากกว่าที่ผ่านมา จงภูมิใจที่ได้พิสูจน์ตนเองให้ทุกคนได้เห็นถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีของตัวเราในฐานะคนคนหนึ่ง เมื่อถึงเวลาส่ิงที่เราปรารถนาก็จะมาถึงเราได้ ในยามนี้มีทุกข์ ไม่ต้องร้องขอต่อว่าสวรรค์หีือพระเจ้า ท่านอาจต้องการให้คุณเตรียยมตัวให้พร้อมให้เข้มแข็งให้มั่นคงมากกว่าที่ผ่านมา ในยามนี้จึงต้องเพ่ิมความขยันอดทนหมั่นทำความดีให้ปรากฎเพ่ิมขึ้นเรื่อย ๆ ปัญหาทุกอย่างมีไว้ให้เราฝึกปฏิบัติในการแก้ไข ค่อย ๆ ตั้งสติแก้ไขไปทีละเรื่องเป็นการสร้างสมประสบการณ์ นานไปเราก็จะเห็นปัญหาเป็นเรื่องปกติธรรมของชีวิต ปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่ได้มีไว้ให้เครียด เพราะฉะนั้นมองปัญหาที่เกิดขึ้นเหมือนเรากำลังทำการบ้านทำแบบฝึกหัด หัดทำไปทีละเรื่องจากเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เรื่อยไป ส่วนการสวดทนต์ภาวนา ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาแต่จะขอโน่นขอนี่ แต่สวดภาวนาเพื่อขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยเป็นกำลังใจและชักนำเราให้เดินไปในเส้นทางที่ถูกที่ควร ให้เราเกิดสติและปัญญาในการดำเนินชีวิต มีพลังใจกำลังใจที่จะก้าวต่อไปอย่างกล้าหาญและอดทน ลองไตร่ตรองดูนะ และจงเชื่อเถิดว่า สวรรค์มีตา และท่านได้ยินในสิ่งที่เราภาวนาเสมอ เช่นที่คุณได้ยินเสียงของตนเอง ขอให้มั่นคงในศรัทธาในพระเจ้าตลอดไป