มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ
ผมจะทำความดีไปเพื่ออะไร

สวัสดีครับ ผมชื่อวีกิจ ผมเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปี 3 ตอนนี้ผมอายุ 24 ละครับ ผมรู้สึกท้อแท้ใจในโชคชะตา อยู่มาก จนผมคิดอยู่ว่าผมจะทำความดีไปเพื่ออะไร ในเมื่อไม่เคยมีใครเห็นคุณค่า ตั้งแต่เด็ก ผมก็มีอยู่แค่บ้านกับโรงเรียน จนตอนนี้ยังต้องไปกลับบ้านกับมหาวิทยาลัยเหมือนเดิม จนตอนนี้ตัวผมก็ไม่มีใครเข้าใจ ผมอยากมีใครสักคนหนึ่งที่จะเดินไปพร้อมกับผม ผมคิดเสมอว่าสักวันหนึ่งความดีจะชนะใจคนได้ แต่ก็ไม่เลยแม้แต่คนเดียว อาจารย์ครับ ผมรู้สึกนะว่าตัวเองมีความทุกข์ในใจสูงมาก ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองมีความสุข ถึงจะมีก็มีแค่ช่วงเวลาสักแปบหนึ่ง แม้แต่ตอนนี้ผมเป็นเกย์ ยังไม่กล้าบอกพ่อกับแม่ เพราะที่บ้านเป็นครอบครัวคนจีน อาจารย์ครับ ผมมีเรื่องทุกข์ใจมากมายล้นพันมาตั้งแต่เด็ก ผมเป็นเด็กเก็บกด พ่อกับแม่ไม่เคยรับฟัง จนผมไม่รู้จะพูดหรือเล่าใครรับฟังดี อยากระบาย แม้แต่หันหน้าเข้าวัด พึ่งพระศาสนาเพื่อให้ตัวเองหลุดจากความทุกข์ ก็ชั่วระยะหนึ่ง จนตอนนี้อดีตคนทีผมรักมากที่สุดกลับมาอยู่ในรูปแบบพี่ชาย ผมก็รักพี่คนนี้มาก ผมต้องการความเอาใจใส่บ้าง ผมอยากให้เขารู้ว่า ผมต้องการความรักบ้าง อาจารย์ครับ ผมเป็นคนมีปมด้อยในใจมาก จนตอนนี้ผมไม่รู้จะทำยังไงหรือหาทางออกยังไง

วีกิจ
htc.it5413@gmail.com
11 มิถุนายน 2560 02:35

หนูวีกิจ ทุกวันนี้ดูโทรทัศน์ดูข่าว อ่านหนังสือพิมพ์ หรือเคยเหลียวไปมองรอบ ๆ ดูบ้างหรือเปล่าว่า เราทุกคนทุกวันนี้มีชีวิตอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายมากมาย มันเป็นช่วงความเปลี่ยนแปลง หลังจาก 80 ปีของปัญหามากมายจากความเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมการเมืองและการดำเนินชีวิิิิิิิิิิตของผู้คนในสังคมไทยและสังคมทั่วโลก นี่กำลังจะเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งที่อาจจะย่ิงใหญ่กว่าที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นเราทุกคนต้องเข้มแข็งอดทนและเดินฝ่าความมืด ความทุกข์ ความวุ่นวายสับสนไปด้วยกัน ที่อยากจะบอกวีกิจคือ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอให้เข้มแข็งอดทนให้ได้ บอกกับตัวเองว่า ชีวิต และครอบครัวแบบไหนที่เราอยากได้อยากมีอยากเป็น รอให้ใครสร้างไม่ได้ เราต้องสร้างของเราเอง มันอาจจะช้า เน่ินนาน แต่หลายสิบปีที่ผ่านมา พ่อแม่ปู่ย่าตายายของเราก็ต้องเผชิญความทุกข์มาตลอด แต่ท่านก็รอดมาได้ท่ามความไม่สะดวกสบายอย่างที่เรามีในปัจจุบัน แล้ววันแห่งความทุกข์ยากนั้นก็จะผ่านไป วีกิจและคนทุกคนในสังคมไทยทุกวันนี้ก็เช่นกัน หากจะเปรียบชีวิตคือสงครามเราก็กำลังต่อสู้กันอย่างชุลมุน เราต้องมีสคิ เข้มแข็งกล้าหาญในการเรียนรู้กลยุทธ์เพ่ือให้การดำเนินชีวิตของเราประสบชัยชนะ หรืออย่างน้อยก็เสมอตัว และส่ิงที่เราจะต้องจดจำไว้เสมอก็คือ ความสุข ความสนุกของชีวิต อยู่บนเส้นทางของการดำเนินชีวิต คือขณะนี้ ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง เพราะฉะนั้นเปล่าประโยชน์ที่จะมานั่งท้อแท้ โศกเศร้าหรือร้องไห้สงสารตัวเอง การเกิดเป็นเกย์ไม่ใช่เร่ืองเสียหาย และไม่จำเป็นต้องบอกพ่อแม่ แต่หมายถึงว่าเราจะต้อง สะสมพละกำลังของความพยายามให้สุงกว่าคนอ่ืนเอาไว้เสมอ การสร้างคุณค่าให้ตัวเองคือการไม่ย่อท้อไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา คนอ่ืนจะเห็นคุณค่าของตัวเราหรือไม่ ไม่สำคัญเท่ากับเราเห็นคุณค่าในตัวของเราเอง เราทำความดีเพ่ือความดีเพ่ือให้ตัวเราเป็นคนดี ไม่ต้องรอให้ใครเห็น ไม่ต้องเรียกร้องให้ใครรับรู้ เรารู่จักตัวเองดีว่า นี่คือตัวเรา เกียรติและศักดิ์ศรีแห่งความเป็นคน อยู่ที่ความซ่ือสัตย์สุจริต ความกตัญญูรู้คุณ และความขยันหมั่นเพียร ซึ่งทั้งหมดนั่นคุณก็มีอยู่ในตัวแล้ว เพราะฉะนั้นก้าวต่อไปอย่างกล้าหาญ ไม่ต้องรอให้ใครมารักเรา เรารักตัวเองก็พอแล้ว ต้องรักตัวเองให้ได้ก่อน จึงจะรักคนอ่ืนหรือให้คนอ่ืนมารักเรา ได้ สลัดความทุกข์ออกไปให้ไกลห่าง พูดกับตัวเองให้เข้าใจ เข้าใจว่าไง เข้าใจว่าชีวิตนี้เป็นทุกข์ สุขได้เพราะเราปล่อยวางความทุกข์ไปบ้างไม่ต้องมาหอบถือเอาไว้ ทุกคนเกิดมาเหมือนกัน มีเพียงสองมือสองเท้ากับหนึ่งสมอง มีได้แค่นี้ก็นับว่าบุญแล้ว ไม่ต้องบ่นว่าเรียกร้องอะไรนอกจาก ทำด้วยตัวเอง คลายปมที่ทำให้ตัวเองรู้สึกด้อยค่าเสีย อยากมีค่าก็ต้องมุ่งหน้าทำส่ิงดี ๆ คิดให้ดี และพูดให้ดี ปูพ้ืนฐานชีวิตแค่นี่้ก่อนพอจะทำได้ไหม เคยได้ยินใช่ไหม ชีวิตทุกชีิวิตมีปัญหาและอุปสรรคเปรียบได้กับโจทย์ ที่เราต้องแก้โจทย์หรือสอบให้ผ่าน อย่างที่อาจารย์แนะนำคือเรียนรู้ในการสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเองแข็งแรง มีปัญหาอะไรค่อยแก้ไไขไปทีละข้อทีละอย่าง ไม่นานวันเวลาสิ่งแวดล้อมที่เปลี้ยนไปตามวันเวลาของการเจริญเติบโต สุดท้ายเราก็จะได้ยืนอยู่ในจุดที่เราต้องการหรือไขว่คว้าขอเพียงให้เวลาตัวเองได้เรียนรู้และเติบโต ลองทำดูนะ แล้วปรึกษาไปใหม่ได้ขอให้โชคดี

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
13 มิถุนายน 2560 16:50
Post อันดับที่ 1

ผมก็พยายามทำความเข้าใจครับอาจารย์ อย่างที่บอกว่ามีแต่คนแข็งแกร่งเท่านั้นจะยืนอยู่ได้ ในแง่หนึ่งผมก็ยืนจนท้อนะครับบอาจารย์ มันมีอะไรมากมายกระทบจิตใจอยู่ตลอด ผมก็พยายามปล่อยวางให้ได้อยู่ ตอนนี้การเรียนสำคัญมากที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างผมไม่สามารถพูดกับใครได้เลย อึดอัดใจก็มาก ในครอบครัวเขาก็อาจจะมองว่าไร้สาระ ตั้งแต่เด็กผมก็ปรึกษาอะไรไม่ได้ อาจารย์ครับ ผมพยายามทำอย่างดีที่สุดแล้ว

วีกิจ
20 มิถุนายน 2560 19:12
Post อันดับที่ 2

คุณวีกิจ อาจารย์ก็เข้าใจนะ และเราทั่วไปก็มองเห็นนะว่า การดำเนินชีวิตอย่างที่เราต้องการอยากให้เป็น เป็นเร่ืองยาก โดยเฉพาะการจะเป็นคนดี ทุกวันนี้หากอ่านหนังสือพิมพ์ รายการโทรทัศน์ เราจะพบผู้คนมากมายอ่อนแอต่อการทำความดี แต่เข้มแข็งในการทำความชั่ว ตั้งแต่คดโกงเอาเปรียบเบียดเบียน ลักขโมย ปล้น ฆ่า จนถึงเป็นอาชญากรระดับชาติ คอยปล้นชาติปล้นแผ่นดิน สร้างความไม่สงบให้กับผู้คนในสังคม ในช่วงที่เขายังไม่ถูกจับ อาจมีผู้คนเล่ือมใสศรัทธาช่ืนชมในกความสำเร็จของเขา อยากได้อยากมีอยากเป็นเหมือนเขา แล้วเอาตัวไปเปรียบเทียบว่าไม่เก่งไม่ฉลาดเท่ากับเขา กลายเป็นว่าเขาเหล่านั้นแข็งแกร่งจึงยืนอยู่ได้ ไม่ได้มองว่าสุดเส้นทางของเขามีคุกตาราง มีโทษทัณรออยู่ นั่นหรือคือส่ิงที่เราต้องการ ? คุณเพิ่งอายุได้ 23-24 ปี ยังเรียนไม่จบ ยังไม่ได้ทำส่ิงดี ๆ ให้ตนเอง ยังไม่ได้แสดงความกตัญญูรู้คุณพ่อแม่ ยังไม่ได้ตอบแทนคุณแผ่นดิน ก็จะจะมาท้อแท้แล้ว หมกมุ่นแต่สงสารตัวเองทั้งที่ไม่มีอะไรน่าสงสาร บอกแล้วว่า ได้เกิดมาเป็นคนมีสองมือ ขาสองข้างกับหนึ่งสมอง เท่านี้โชคดีแล้ว แทบไม่มีสิทธิ์จะขออะไรจากสวรรค์อีก อยากได้อะไรก็ต้องสร้างต้องทำเอาเอง จะมานั่งรอให้ความสำเร็จลอยมาถึงมันเป็นไปได้หรือ คุณบอกว่าตัวเองอ่อนไหว อะไรมากระทบจิตหน่อยก็หวั่นไหวทุกข์ใจไปตลอด ก็ต้องเรียนรู้ในการฝึกจิตให้เข้มแข็งอดทน ค่อย ๆ ผ่อนสั้นผ่อนยาว รักษาคุณความดีของตัวเองเอาไว้ให้อยู่ มองไปข้างหน้ามีสิ่งดีงามรอเราอยู่ อันความทุกข์เดือดร้อนตรงหน้าขณะนี้ค่อย ๆ หาทางแก้ไขไปเร่ือย ๆ อย่าลืมว่าเรายังโสด ยังเรียนอยู่ ไม่ได้มีความรับผิดชอบเท่าพ่อแม่หรือคนมีครอบครัว ค่อย ๆ ใจเย็น ๆ อะไรพอจะแก้ไขได้ก็ทำไป อะไรยังทำไม่ได้รอไปก่อน แล้วไม่นานทุกอย่างก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น ที่สำคัญ การได้ช่ือว่าเป็นลูก อย่ามัวแต่นั่งหวังว่า พ่อแม่ครอบครัวจะมาช่วยแก้ไขให้ทุกอย่าง ตัวเรานั่นแหละต้องถามตัวเองว่า จะช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวได้ด้วยวิธีอะไรบ้าง หรืออย่างน้อยก็ทำเร่ืองเรียนให้สำเร็จจะได้ทำงานช่วยเหลือตนเองและครอบครัวได้ ลองคิดพิจารณาไตร่ตรองดูนะ อาจารย์เป็นกำลังใจให้ ตั้งสติให้ดี รู้จักขอบคุณสวรรค์พ่อแม่ผู้มีพระคุณของเรา อย่าต่อว่าสวรรค์ !

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
21 มิถุนายน 2560 12:32
Post อันดับที่ 3

ผมเข้าใจสิ่งที่อาจารย์กำลังสื่อนะครับ ตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงปีสุดท้ายของการเรียน ผมก็พยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมไม่ได้โทษสวรรค์หรืออะไร แต่ในเมื่อมันเป็นแบบนี้แล้ว ทำไงได้ก็ต้องเดินหน้าต่อไป ผมก็มองตัวเองให้กำลังใจตัวเองตลอดว่า ผมยังโชคดีกว่าคนอื่นๆ หลายๆเรื่อง แต่ผมเองก็ต้องอยู่แบบโดดเดี่ยว พูดหรือปรึกษาอะไรใครไม่ได้ ไม่พยายามแสดงผ่านสีหน้าให้ใครรู้ จนตอนนี้ผมก็เริ่มชินชากับเรื่องรักๆ ไม่คิดอยากทำเพื่อใครอีก อยากทวงคืนความสุขให้กับตัวเอง ไม่อยากให้ตัวเองเป็นทุกข์อีก ทำได้เท่าที่สามารถ จะได้ไม่เสียใจ อาจารย์ครับ ผมอาจจะสามารถให้คำปรึกษา พร้อมให้คนอื่นทำได้ แต่สำหรับตัวเองนั้น ผมอาจจะทำไม่ได้ บางทีตัวเราเองก็ทำดีที่สุดแล้ว แต่ก็ไม่มีใครเข้าใจ ก็เป็นแบบนี้บ่อยๆ ทุกวันนี้ผมก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียว อ่านหนังสือ ทำการบ้าน แล้วไปเรียนแล้วก็กลับ แทบจะไม่สังคมอะไร ไม่รู้ว่าจะปิดกั้นอะไรตัวเองหรือเปล่า ผมก็ยังคิดอยู่ว่าไม่นานจะจบแล้ว จบลองสมัครชิงทุนไปเรียนที่จีนหรือเปล่า ผมเรียนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอยู่ อาจารย์ครับ ผมเหมือนเด็กมีปัญหาเลย มีอะไรคับแค้นใจ ระบายไม่ได้ บางครั้งคิดว่าตัวเองสติดีอยู่หรือเปล่า ผมไม่มีใครที่ผมสามารถพูดกับเขาได้

วีกิจ
23 มิถุนายน 2560 23:10
Post อันดับที่ 4

ดีใจที่ทราบว่าคุณเรียนใกล้จบ เพราะกว่าที่ใจเราจะน่ิง หนักแน่นมั่นคงนั้นหรือมีสติขึ้นมาได้จริง ๆ ก็เม่ือเรียนจบมีงานทำพึ่งตนเองได้ ช่วงระหว่างกำลังเรียน เรามีเร่ืองสับสนขัดแย้ง กระวนกระวายเกี่ยวกับตัวเอง เกี่ยวกับเพ่ือน เกี่ยวกับการเรียนการเงิน ความรักการใช้ชีวิตและบุคลิกภาพ ที่สำคัญคือเร่ืองครอบครัวความสัมพันธ์ในครอบครัวกับคนใกล้ ทุกอย่างดูเป็นปัญหาไปหมด มาถึงตอนนี้หากอยากเรียนต่อ หรือสอบไปเรียนต่างประเทศอย่างที่บอกไปก็น่าลองพยายามนะ ที่วีกิจคิดว่าตัวเองเหมือนเด็มีปัญหา ความจริงแล้ววัยรุ่นก็มีปัญหาเป็นปัญหากันทุกคนไม่ว่าพ่อแม่จะเลี้ยงมาดีขนาดไหน หรืออยู่ในส่ิงแวดล้อมอย่างไร เราทุกคนต้องเรียนรู้ในการปรับตัวปรับใจ และยอมรับว่าเรามีปัญหากันมากบ้างน้อยบ้าง ไม่เป็นไร ความรู้สึกเครียดคับแค้นใจของวัยรุ่นส่วนใหญ่เกิจาดฮอร์โมนในร่างกายของเรา วิธีที่ดีทีุ่ดคือการเล่นกีกฬาออกกำลังกาย แต่มันก็ต้องมีค่าใใช้จ่าย ต้องมีเพ่ือน หรือว่าเราชอบอ่านหนังสือก็ช่วยได้มาก เราเรียนรุ้จกโลกผ่านทางหนังสือกันในสมัยก่อน แต่ตอนนี้มีมือถือกันอาจารย์ว่าหากรู้จักหาประโยชน์จากมันได้ก็ดีอย่าตกเป็นเหย่ือไฮเทคเหล่านี้แล้วกัน เหมือนคนที่เดินพูดคนเดียวบนถนนจนเกือบเหมือนคนสติไม่ดีไปกันหมดแล้ว เพราะคนเราเม่ือเดินหรือขึ้นรถไปหนก็ต้องมองคนรอบ ๆ ยิ้มแย้มแจ่มใสให้ความเป็นมิตร พร้อมจะทักทายให้ความช่วยเหลือพูดจาทักทายด้วย โลกนี้จะได้ไม่เงียบเหงาก็เท่านั้นเอง การจะมีเพ่ือนนั้น เป็นเร่ืองจริงที่เราจะต้องเป็นเพ่ือนกับตัวเองให้ได้ การพูดกับตัวเองเป็นเร่ืองปกติ หรือมีเพ่ือนแค่คนเดียวอาจดีกว่ามีเพ่ือนมากมายทำให้ชีวิตเราวุ่นวาย เราสามารถเป็นเพ่ือนกับคนทั่วไปบนท้องถนนหมายถึงการมองด้วความเป็นมิตร พูดคุยถามไถ่ได้ในฐานะคนไทยด้วยกัน ก็เท่านั้นเอง หรือเห็นเด็กเห็นคนชราพอจะลุกให้นั่งพูดจาถามไถ่ได้ช่วยเหลือจูงคนพิการข้ามถนนได้ ทำแค่นี้โลกก็สดใสแล้ว แต่หากมัวแต่เดินนั่นก้มดูมือถือหรือพูดหัวเราะอยู่คนเดียวนั่นอันตรายนะ ลองไคร่ครองดู ตามที่เล่าไปอาจารย์ก็ว่าคุณปกตินะ หรือคุณเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอ่ืนแล้วคิดว่าตัวเองมีปัญหา มองทุกอย่างเป็นเร่ืองของปรากฎการณ์ได้ไหม คือตราบใดที่เราคิดดี พูดดี ทำดี ไม่ว่ากับใคร เท่านั้นก็ดีแล้ว ทำเท่าที่ทำได้ อย่าทำอะไรที่ทำให้จิตเราเศร้าหมอง อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับใคร เพราะแต่ละคนมีเส้นทางเดินของตัวเอง ทุกอย่างที่เกิดจขึ้นตัวเราเท่านั้นกำหนด เพราะฉะนั้นทำให้ดีที่สุดเสมอ พยายามออกกำลังกาย หาหนังสือดี ๆ อ่าน ขณะนี้มีพระราชประวัติของรัชกาลที่ 9 ออกมามาก พยายามสะสมข้อมูลไว้บอกเล่าคนต่างชาติและลูกหลาน พระองค์ได้ทรงใช้ชีวิตเป็นคัวอย่างที่ดีกับประชาชนทั้งโลก เราต้องมีความภูมิใจที่ได้เกิดมาบนแผ่นดินไทย และเดินตามพระองค์ ไม่ต้องน้อยใจ เสียใจ มีแค่ความภูมิใจในความเป็นคนไทย เท่านั้นเองอยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ในโลกนี้ เคยคิดบ้างไหม ทำบ้างไหม แล้วความเศร้าเหงาจะได้หายไป หรือจะหานัสือพระพุทธศาสนามาศึกษา ปฏิบัติธรรมทีละเล็กละน้อยก็ได้ การจะเป็นผู้ทำหน้าที่คำปรึกษาแนะนำ ส่ิงที่ตัวเองพูดออกไป ต้องทำให้ได้เสียก่อน ไม่ใช่บอกว่าเราแนะนำใคร ๆ ได้แต่ตัวเองทำไม่ได้ อย่างนั้นใช้ไม่ได้นะ เช่นกันส่ิงที่อาจารย์พูดออกมาล้วนกลั่นกรอง ทำมาแล้วผ่านมาแล้วทั้งนั้น จึงพูดได้เต็มปากเต็มคำนะ มีอะไรก็เขียนไปคุยได้ ขอให้โชคดีมีความสุขนะ

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
24 มิถุนายน 2560 13:41
Post อันดับที่ 5

ผมเข้าใจทุกอย่างที่อาจารย์สื่อนะครับ แต่ไม่รู้จะเขียนไปที่ไหน เหมือนที่อาจารย์ทิ้งท้ายไว้ ทุกวันนี้ผมก็ทำเพื่อตัวเอง จนผมไม่ได้สนใจอะไรรอบข้าง มุ่งหวังให้อนาคตตัวเองไปให้ไกล จนลืมไปแล้วว่าตัวเองเคยทุกข์ยังไง มันผ่านไปแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ มีแต่นำความทุกข์พวกนี้มาเป็นแรงใจให้ตัวเรา รักตัวเองให้มากยิ่งขึ้น เลยไม่สนใจ เลยไม่อยากได้ความรักจากใครอะไรอีก เพราะไม่มีใครทำให้ตัวเองมีความสุข ได้เท่ากับตัวเราเอง ปฏิบัติรักษาศีลต่อไปไม่ให้จิตใจตกลงไปมากกว่านี้อีก ผมเข้าใจทุกสิ่งที่อาจารย์สื่อ แต่ความทุกข์ระทมใจมันมีมาก แต่ทำอะไรไม่ได้ เดี่ยวนี้สมองผมก็ไม่รู้เป็นอะไรไปหมด ลืมเรื่องทุกข์ไปรวดเร็ว ถ้าไม่แข็งแกร่งพอก็ยืนบนสังคมไม่ได้จริง ตอนนี้อีกหนึ่งเวลาที่กำลังใกล้เข้ามาคือการสอบ ตอนนี้ไม่คิดทำเพื่อใครอีกนอกจากตัวเอง อาจารย์ก็ผ่านโลกมากกว่าผมก็จริง อาจารย์ถึงฝั่งแล้ว ส่วนผมยังลอยอยู่ไม่รู้จะเป็นยังไง

วีกิจ
7 กรกฎาคม 2560 01:18
Post อันดับที่ 6

ก็คงไม่เป็นอะไรมากไปกว่านี้หรอกนะ ชีวิตคนเราเม่ือถึงฝั่งมันไม่สนุกเท่ายังอยู่บนเส้นทางหรอกนะ ถึงฝั่งก็เหมือนกับทุกอย่างใกล้จบ เพราะฉะนั้นตอนนี้จะทุกขืหรือสุข ก้ขอให้สนุกในการผจญภัยนะ และขอให้โชคดีปลอดภัย เวลามีความสุขอย่าหลงใหลจนลืมตัวล่ะ

อาจารย์อรอนงค์ อินทรจิตร
7 กรกฎาคม 2560 16:04
Post อันดับที่ 7

ตอบกระทู้


กลับด้านบน