มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ
สองเส้นทางแห่งอันตราย

ผมเป็นพนักงานราชการ อายุ 28 ได้รู้ว่าตัวเองเป็นโรคจิตเภทและเข้ารับการรักษาตัวเมื่ออายุ 25 ปี ผมรักษามา 3 ปีแล้วเปลี่ยนยามา 3 ครั้ง ล่าสุดผมกำลังจะเปลี่ยนยาตัวใหม่ ผมได้รับผลกระทบจากยา ด้วยอาการกระตุกที่นิ้วมือ นาน ๆ ครั้ง น้ำหนักขึ้น เกร็งที่ท้ายทอย สุดท้ายที่ผมไม่สามารถยอมรับได้ คือ อาการความจำเสื่อม หลงลืม ผมกำลังครุนคิดถึงอนาคตหากผมรับประทานยาไปเรื่อย ๆ ผมคงต้องความจำเสื่อม อาจถึงขึ้นที่ไม่สามารถช่่วยเหลือตัวเองได้ หากต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่องนานหลายปี ผมกำลังเสาะหาห้องพักที่จะหลบซ่อนตัวจาก ผู้เป็นแม่ เพราะผมอยากจะหยุดยา หากผมหยุดยาผมจะมีอาการหลงผิด ได้ยินเสียงภายในหัว วิตกกังวล แต่ไม่ถึงขึ้นอาละวาท ผมกำลังวางแผนเอาไว้ แต่เมื่อหยุดยาไปแล้วผมไม่รู้ว่าต้องใช้ระยะเวลานานแค่ไหนถึงจะเริ่มมีอาการดังกล่าว สาเหตุสำคัญที่ผมเข้ามาปรึกษาเนื่องด้วยเพราะผมอยากหยุดยา ผมคิดตามความคิดด้วยตัวผมคนเดียวว่าในอนาคตหากต้องความจำเสื่อม หลงลืม ผมอาจจะต้องเป็นภาระของครอบครัว สู้หยุดยาแล้วเป็นบ้าแต่ยังพอช่วยเหลือตัวเองได้(อาจต้องออกจากงาน)ยังจะดีเสียกว่า กินยาต่อไป ผมใคร่ขอความกรุณาช่วยชีแนะแนวทางออกให้ผมด้วย ผมคนเดียวคิดคนเดียว ไม่รู้จะไปปรึกษาที่ไหน ทางเลือกตอนนี้ของผมคือหยุดยาและไปพักโดยไม่ให้ทางบ้านรู้เป็นระยะเวลาหนึ่งจนหายดี และอาจจะต้องออกจากหน้าที่การงาน สุดท้ายนี้อยากให้ช่วยชี้แนะแนวทางให้ผมด้วยครับ ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ

Down my brain
15 เมษายน 2560 21:10

คุณบอกว่ารับการรักษาจากจิตแพทย์มาแล้วสามปี โดยเปลี่ยนยามาแล้วสามครั้ง/สามชนิด และกำลังจะเปลี่ยนยาใหม่อีกครั้ง แต่คุณไม่ชอบการกินยา รู้สึกการกินยาไม่เป็นผลดีกับคุณ คุณกลัวผลข้างเคียงจาการกินยาจะทำให้คุณมีอาการหนักขึ้น ความจำเส่ือม จำอะไรไม่ได้ จนอาจถึงขนาดช่วยตัวเองไม่ได้ คุณได้บอกถึงความกลัวของคุณให้คุณแม่ทราบหรือไม่ ในเม่ือคุณแม่ดูแลคุณอยู่ ท่านเป็นคนที่รักและอยู่เคียงข้างคุณมาตลอดชีวิตกว่า 25 ปี ต้องเช่ือใจแม่ บอกท่านถึงความกลัวและความไม่เช่ือเร่ืองยา ขอร้องให้ท่่านช่วยคุยกับหมอ หรือลองพาคุณไปรับการรักษาจากแพทย์อีกโรงพยาบาลหนึ่ง ทั้งคุณแม่และตัวคุณไม่ต้องกลัวไม่ต้องเกรงใจหมอ ขอร้องให้หมอลองทำอย่างที่คุณคิดและต้องการ หากไม่ได้ผลและหมอเห็นว่าการทานยาเก่าช่วยได้ดีกว่า เราก็หันกลับมากินยาเดิม คุณต้องบอกหมอไม่ใช่คุณด้ือรั้น แต่คุณก็อยากหายอยากมีส่วนร่วมในการดูแลตัวเอง ยาที่จิตแพทย์ใช้เหล่านั้น ต้องอาศัยระยะเวลาในการทดลองใช้ แล้วเปลี่ยนไปเร่ือย ๆ หรือมีผลการกินยาสักกี่เปอเซ็นต์ที่ทำให้หายได้ คุณสามารถปรึกษาพูดคุยกับคุณหมอได้ การใช้ยาเหล่านี้เป้นความร่วมมือและรับผิดชอบร่วมกันนระหว่างคุณและหมอ เพราะฉะนั้ยังไม่อยากให้คุณหลบหนีไปไหน เดินไปให้สุดทางการรักษาตรงนี้ก่อน ที่สำคัญ หากคุณเกรงเร่ืองน้ำหนักเพ่ิม คุณค้องออกกำลังกายสม่ำเสมอเพ่ือแสดงว่าคุณได้พยายามดูแลตัวเองในส่วนของคุณ การออกกำลังด้วยวิธีง่าย ๆ ไม่เสียหายอะไร เช่นแกว่งแขนไปหน้า-หลังสักวันละ 15 นาทีหรือพันครั้ง เร่ิมจากวันละร้อย สองร้อย สามร้อย จนถึงพัน คุณทำอย่่างที่ดิฉันแนะนำนี้ก่อน ทำแล้ว หากยังไม่ดีข้ึนเราจะมาคุยหาวิธีใหม่ จะดีกว่าหลบหนีไปโดยไม่ได้ช่วยเหลือตัวเองนะ หมอสมัยนี้มีวิธีใหม่ ๆ ในการรักษา และหมอไม่ว่าอะไรหากคณจะโต้เถียงกับหมออย่างเป็นเหตุเป็นผล อย่าหลบหน้าหนีหายไปไหน ต้องพูดกับหมอให้รู้เร่ืองหมอสมัยใหม่ไม่ว่าอะไรหรอก เขาจะได้รู้ว่าคุณยังคิดได้คิดเป็นและต้องการมีส่วนร่วมในการรักษาตัวเองด้วยนะ ลองทำดูแล้วเขียนไปคุยนะ

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
17 เมษายน 2560 16:15
Post อันดับที่ 1

ตอบกระทู้


กลับด้านบน