มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ
สามี

สามีรับราชการ ตำแหน่งใหญ่โต แต่มีนิสัยเหมือนเด็ก มีความรับผิดชอบกับครอบครัวน้อยมาก ถ้าเอาไปเทียบกับความรับผิดชอบของสามีกับความรับผิดชอบนอกบ้าน 90:10 ขนาดนั่นเลยค่ะ ดิฉันเหนื่อยมาก ภาระทุกอย่างในบ้านตกอยู่ที่ดิฉันหมด ทั้งเรื่องเงิน งานบ้าน ลูก ดูๆไปเหมือนดิฉันมีลูกเพิ่มอีกคน แต่ต้องคอยเอาใจ ซ้ำร้ายยังคอยมีเรื่องผู้หญิงมาให้กวนใจเป็นระยะๆ เฮ้อ ชาติที่แล้วคงมีเวรมีกรรมกันมาถึงต้องมาคอยเลี้ยงดู แต่เวลามีปัญหาทะเลาะกัน เค้าก็ไม่เคยเห็นความดีของเราเลยค่ะ หลังสุดทะเลาะกันเรื่องที่เค้าจะเกษียณก่อน ดิฉันก็ไม่ได้ขัดขวางนะค่ะ เพราะเงินบำนาญก็ได้มากอยู่พอจะเลี้ยงตัวเองได้สบาย ก่อนหน้านี้เค้าเคยบอกว่า จะรอตำแหน่งก่อน ถ้าไม่ได้ก็จะรอปรับฐานเงินเดือนแล้วถึงลาออก วันนี้เค้าก็บอกว่าทนไม่ไหวแล้ว ไม่ได้ขึ้นรอบนี้ก็จะลาออก ดิฉันก็เลยพูดไปว่า อ้าวรออีก2-3เดือนแล้วค่อยออกซิ แค่นั้นแหละค่ะ เค้าก็หาว่าดิฉันไปกดดันเค้า ทั้งที่คำพูดนี้เค้าเป็นคนพูดเอง แล้วแถมก่อนหน้านี้ยังพูดอีกว่าเคยคิดว่าจะตายๆให้หมดปัญหาไป ดิฉัันก็ยังพูดตอบกลับไปว่า ตัวดิฉันเองไม่เคยคิดฆ่าตัวตาย มีแต่อยากจะหนีไปให้ไกลๆ ไม่ให้ใครตามเจอ ยังแอบคิดเลยนะค่ะว่าถ้าเค้าเป็นดิฉันคงตายไปหลายรอบแล้วค่ะ เรื่องงานปัญหาเค้าที่เล่าให้ฟังก็ประมาณว่าเจ้านายจุกจิก เอาแต่ใจ ไม่มีเหตุผล ซึ่งถ้าถามดิฉันงานเอกชนก็เป็นเหมือนกัน เป็นเรื่องปกติมาก แต่สำหรับเค้าดูเป็นเรื่องใหญ่โต ดิฉันก็ได้แต่บอกให้อดทน เค้าก็จะว่าให้เรื่อยค่ะ ว่าดิฉันไม่เข้าใจเค้า เค้าอดทนมาเยอะแล้ว ฟังดูไร้สาระนะค่ะ เราอยากจะยกตัวอย่างเราทีเคยเจอมาให้ก็ไม่ยากจะฟัง แต่พอคนอื่นพูดก็เออออไปกับเขา ไม่ฟังเมียแต่ไปฟังคนอ่ืน เห็นคนอื่นดีกว่าเมียตัวเอง แต่ท้ายที่สุดคนที่จะอยู่กับเค้าก็มีแต่ดิฉันแหละค่ะ มีโอกาสมั๊ยค่ะที่เค้าจะเห็นความดีของดิฉันบ้าง แอบน้อยใจอยู่ค่ะ

สุ
14 ตุลาคม 2557 21:32

คุณสุ เป็นเรื่องน่าสนใจนะที่พบว่า ครอบครัวไทยจำนวนมากพบเจอสถานการณ์คล้าย ๆ กันนี้ คือมีแต่ลูกกัน แต่ไม่มีสามีไว้คอยช่วยเหลือ สำหรับคุณหากจะดีอยู่มากบ้างก็ตรง เขาทำงานส่งเสียเงินทองให้คุณกับลูกได้ หากเราต้องเลี้ยงดูส่งเสียสามีด้วย ก็จะย่ิงแย่ เข้าใจและเห็นคุณสุมากนะ แต่นั่นแหละนะ เราก็ตัดสินใจร่วมทางเดินร่วมบ้านกันมาจนลูกโต ๆ กันแล้ว ถึงตอนนี้ก็ใกล้จะสุดทางแล้ว หากคุณจะก้าวทิ้งไปก็คงไม่มีใครว่า แต่เรื่องคงไม่จบ เขาอาจจะตัดสินใจทำอะไรที่แย่ ๆ กว่าเดิมกับตัวเรา กับลูก และกับตัวเขาเองได้ เพียงเพราะต้องการยืนยันว่าเขาเป็นคนดีทำดีที่สุดแล้ว แต่โชคไม่ดีที่มีภรรยาไม่เข้าใจ ฟังจากท่ีเล่าไปและจากหลายครอบครัวกรณีคล้าย ๆ กันนี้ จริง ๆ แล้วฝ่ายชายเขารู้ตัดีทุกอย่างว่าเขากำลังเอาเปรียบเบียดเบียนภรรยา แต่อาจเพราะประสบการณ์ที่เติบโตมาในครอบครัวที่พ่อแม่ก็ทำคล้าย ๆ กันหรือครอบครัวส่วนใหญ่เป็นกันอยู่ เขาคุ้นเคยและทำอย่างที่เคยเห็นเคยเป็นกันที่บ้าน ทั้ง ๆ ที่ รู้ว่าไม่ถูกต้อง รู้สึกผิด มีความละอายใจอยู่ข้างในลึก ๆ แต่เพราะไม่เคยมีตัวอย่างของการยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นและลงท้ายด้วยการกล่าว "ขอโทษ" และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่ ครอบครัวในสังคมไทยพยายามจะยอมรับ มองข้ามความผิดพลาดบกพร่องของฝ่ายชายว่าเป็นเรื่องธรรมดา เป็นหน้าที่ของฝ่ายหญิงจะต้องอดทน จึงกลายเป็นว่านอกจากฝ่ายชายจะไม่แสดงความรู้สึกยอมรับผิดการกระทำของตนเอง เพื่อทำให้ฝ่ายหญิงรู้สึดีขึ้นหรือแสดงวุุฒิภาวะของฝ่ายชายว่าเติบโตขึ้น เปลี่ยนไปในทางดีเพื่อความสงบสุขของทุกคนในบ้าน กลับกลายเป็นฝ่ายชายพยายามกลบเกลื่อนความบกพร่องผิดพลาดของตน หากเกิดอะไรที่ไม่ดีก็จะโยนไปที่ฝ่ายหญิงกล่าวหาค้นหาความบกพร่องต่าง ๆ นี่คือชีวิตประจำวันของคนไทย ที่แลเห็นได้ชัดเจนในละครน้ำเน่าทั้งหลายที่สะท้อนความไม่โต ความด้อยทางวุฒิภาวะของผุ้คนที่ทำให้เกิดละครน้ำเน่าดัวกล่าว ที่สำคัญ นางเอกที่มีเหตุผลอดทนทำดี ไม่ค่อยมีโอกาสเกิด ต้องปล่อยบทนางร้ายออกมาตบตีแย่งชิงกันนั่นและ ชีวิตถึงจะมีรสชาด ที่คุยมาทั้งหมดนี้ก็เพราะรู้ว่า คุณสุรู้ดีอยู่แล้วว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพียงอยากระบายให้ดิฉันฟัง การที่เราเดินทางมาถึงอายุขนาดนี้ เราก็มีรายละเอียดซับซ้อนมากยากที่ใครจะแนะนำได้จริง ๆ นอกจากตัวคุณเอง ซึ่งหากเป็นการเร่ิมต้นชีวิตคู่ใหม่ แล้วเรามองเห็นทะลุไปถึงอนาคต เราก็อาจตัดสินใจได้ง่ายกว่า แต่เพราะเราหลงเดินเพลิดเพลินมาจนเกือบสุดทาง ได้เพียงแค่หยุดคิดว่าอ๋อ "ชีวิตมันเป็นอย่างนี้เอง!" แต่ก่อนยามมีความรักก็อุทานว่า "พรหมลิขิตบันดาลชักพา จึงได้มาพบกันทันใด ...." ถึงวันนี้กว่าจะรู้ว่า คนที่เราพบอยู่ด้วยมาหลายสิบปีเป็น "มาร" หรือเป็นเทพบุตร ก็สุดทางพอดี ก้าวหนีออกไปไม่พ้น ได้แต่อุทานว่า "กรรมของเราจริง ๆ หนอ!" สุดท้ายก็ได้แต่รำพึงว่า "ที่ว่าเคยเป็นสุดรักสุดหวงนั้น สุดท้ายก็คือคนที่ทำให้เราเสียใจที่สุดนั้นเอง เรากำหนดของเราเอง!" ส่วนความหวังว่าเขาจะได้เห็นความดีของคุณบ้างนั้น เขาจะเห็นหรือไม่ ไม่สำคัญเท่าตัวคุณต้องมองเห็นว่าตัวเองทำอะไร ดี ๆ ให้เขาไปบ้าง เพราะลึก ๆ แล้วเขาก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าเขากับเราเป็นอย่างไรเพียงแต่ยังไม่อยากยอมรับเท่านั้นแหละ ก็ขอให้อดทนก้าวต่อไปอย่างหนักแน่นมั่นคงกล้าหาญ เอาชนะเขาได้ไม่มีประโยชน์ แต่เอาชนะใจตนเองให้ถึงที่สุดสำคัญกว่า ขอให้โชคดี วันนี้เพียงคุยกันเพื่อคลายเครียดแล้วกันนะ!

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
15 ตุลาคม 2557 10:34
Post อันดับที่ 1

ตรงใจเลยค่ะ อาจารย์ ขอบคุณมากนะค่ะ

สุ
15 ตุลาคม 2557 17:47
Post อันดับที่ 2

ตอบกระทู้


กลับด้านบน