มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ
สามีใจแคบไปไหมค่ะ

สวัดดีค่ะ หนูขอปรึกษาเรื่องของสามีค่ะ ตอนนี้หนูกับสามีกลับมาทำธุรกิจที่บ้านโดยธุรกิจตัวนี้พ่อกับแม่หนูท่านเคยทำมาก่อนหนูกับสามีมาสานต่อโดยท่านทั้ง2ค่อยดูแลและสอนงานจนหนูกะสามีเก่งสามารถแยกตัวออกมาทำธุรกิจเองได้แต่พ่อกับแม่หนูเค้าก็ยังคอยดูแลอยู่ข้างหลังตลอดเวลามีปัญหาก็จะช่วยแก้ แต่ปัญหาของหนูคือสามีหนูเขาใจแคบมากเขาทำยังกับครอบครัวหนูเป็นคนอื่นเวลาที่หนูกับลูกอยากได้อะไรอยากกินอะไรอยากเที่ยวใหนเขาโอเครหมดแต่ถ้าเป็นพ่อแม่ น้องหนูชวนไปกินอะไร ไปที่เที่ยวใหนเขาจะมีปัญหาตลอดจะชอบว่าพ่อแม่หนูน้องหนูเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้แล้วก็เอาไปเปรียบเทียบว่าครอบครัวเขาดีแบบนั้นดีแบบนี้หนูไม่ชอบที่เขาทำแบบนี้เลยแล้วหนูไม่มีสิทที่จะแสดงความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับครอบครัวหนูได้เลยจะทำอะไรก็ต้องให้เขาเป็นคนตัดสินใจทั้งหมดจนพ่อกับแม่หนูต้องเรียกหนูไปคุยว่าทำไมสามีหนูเขาไม่ให้เกียติพ่อกับแม่เลยเขาเห็นพ่อกับแม่เป็นอะไรถึงนึกจะพูดอะไรก็พูดโดยไม่แคร์เลยว่าคนอื่นจะคิดยังไงบางครั้งก็พูดหักหน้าพ่อกับแม่หนูต่อหน้าคนอื่นหนูจะซื้ออะไรให้พ่อแม่หรือน้องทีเขาจะต้องทะเลาะกับหนูตลอดมีปัญหาตลอดเขาจะอ้างแต่ว่าไม่มีเงินทั้งที่เวลาหนู ลูกหรือแม้แต่เขาเองอยากกินอะไรอยากได้อะไรก็สามารถซื้อได้แค่หนูอยากซื้ออะไรให้พ่อกับแม่กินบ้างไม่เคยจะได้เลยหนูพยายามคุยพยายามบอกเขาแล้วนะค่ะว่าถ้าเขาเป็นแบบนี้ชีวิตเขาจะไม่มีวันเจริญหรอกหนูคุยกะเขาตลอดว่าหนูอยากดูแลพ่อแม่บ้างเพราะตั้งแต่หนูแต่งงานมาไม่เคยได้หยิบยื่นเงินทองให้พ่อแม่ใช้เลยหนูอยากให้พ่อกับแม่ใจแทบขาดแต่เขาไม่ให้หนูให้เพราะเวลาหนูจะให้เขาจะอ้างตลอดว่าเรายังไม่มีเงินถึงขาดนั้นที่จะให้นะเฮ้อ!ขนาดแม่ให้หนูเติมเงินโทรศัพท์ให้100สามียังให้หนูไปเอากับแม่เลยค่ะหนูไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ทั้งที่เขาอาศัยอยู่ที่บ้านหนูทำมาหากินจากอาชีพครอบครัวหนูหนูควรจะทำยังไงดีค่ะ

นภัสสรณ์
Napasson_00@hotmail.com
25 มิถุนายน 2558 20:55

คุณนภัสสรณ์ สามีของคุณก็คงเหมือน ๆ กับคนจำนวนมากสมัยนี้ที่เรียนรุ้และเติบโตมาในช่วงธุรกิจที่คิดแต่จะเอาชนะเอาเปรียบคนที่ด้อยกว่า ซึ่งเรามองเห็นได้จากสังคมรอบ ๆ ตัวเรา คือมุ่งเอาชนะเอาเปรียบผู้อื่น โดยไม่คำนึงถึงอกเขาอกเรา ขาดเมตตาและขาดความกตัญญู ทั้งหมดนี่มาจากพฤติกรรมทางสังคมของนักธุรกิจนักการเมืองผ่านทางสื่อต่าง ๆ บนพั้นฐานของเศรษฐกิจและการเมืองทีี่ทำให้คนก้าวร้าวรุนแรงกลายเป็นคนดีและเป็นผู้ชนะ ส่วนกลุ่มที่สุภาพพยายามใช้ชีวิตสมถะพอเพียงกลายเป็นที่หัวเราะเยาะและถูกเหยียดหยาม ชีวิตภายในครอบครัวก็ไม่ต่างกัน สามีคุณเร่ิมต้นจากไม่มีอะไร อาศัยฐานเก่าของพ่อแม่คุณเป็นบันไดก้าวไปจนพึ่งพิงตนเองได้ แต่ไม่ต้องการยอมรับว่า เพราะความช่วยเหลือของพ่อแม่คุณ เขาอยากให้ใคร ๆ เห็นและยอมรับว่าเขาเก่ง เด่น และดังขึ้นมาได้ด้วยตนเองหรือเพราะพ่อแม่ของเขา เขาจึงพยายามพูดข่ม ดูถูกเหยียดหยามอดีตให้ลบเลือนไปและมีเพียงตัวเขาที่เป็นผู้ชนะหรือประสบความสำเร็จได้ด้วยตนเอง นี่เป็นคนรุ่นใหม่ที่คนรุ่นเก่าทั้งชาวไทยและชาวจีนก็ไม่ยอมรับกันเพราะคนไทยคนจีนรุุ่นเก่าจะเน้นเรื่องความกตัญญูรู้คุณคนที่ดีมีเมตตาต่อเราเป็นสำคัญ นี่เป้นประเด็นปัญหาที่คนมากมายกำลังเผชิญ ไม่ใช่คุณเพียงคนเดียว ความสำคัญจึงอยู่ที่ตัวคุณหรือบุคคลที่มองเห็นประเด็นของปัญหา สามารถแยกแยะได้ว่าถูกผิด ควรไม่ควรอย่างไร โดยไม่ปล่อยให้เหตุการณ์นี้ผ่านไปจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา ๆ คือปล่อยให้พ่อแม่เราเหมือนถูกรังแก ปล่อยให้สามีเราเหิมเกริมกล้าแสดงความก้าวร้าวรุนแรงกับพ่อแม่ผู้มีบุญคุณต่อคุณและเขา และปล่อยให้ลูก ๆ เราลอกเลียนแบบพฤติกรรมที่ันับวันจะนำความเสื่อมเสียมาสู่วัฒนธรรมประเพณีของประเทศชาติของเรา เพราะฉะนั้นขณะนี้ "ตัวคุณ" นั่นแหละที่จะเป็นผู้สร้างอนาคตให้ลูก ๆ ของคุณ และคุณคงไม่ต้องการให้ลูกหลานสะไภ้เขยทั้งหลายมาล่วงเกินดุถูกเหยียดหยามคุณได้ในอนาคตเมื่อคุณแก่ชรา เพราะฉะนั้นถึงคุณจะรักสามี รักลูก หวงแหนความสุขในชีวิตครอบครัวส่วนตัวของคุณขนาดไหน คุณก็จำเป็นต้องแสดง พูดกับสามีอย่างตรงไปตรงมาว่าเขาทำไม่ถูกต้อง เพราะพ่อแม่เราส่งเสียช่วยเหลือเขามาก่อน ถึงวันนี้ถึงเวลาที่จะต้องตอบแทนบุญคุณท่านบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นเมื่ออยากซื้ออะไรให้พ่อแม่คุณก็ทำไม่ต้องขออนุญาตเขา จำไว้ว่าพ่อแม่คุณไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดูคุณให้มาเป็น "ทาสสามี" ของคุณ คุณยังเป็นไทที่จะปกป้องตนเองและพ่อแม่ได้ อย่าเพิกเฉยหรือเดินหนี พ่อแม่แก่เฒ่าลงไปทุกวัน หากไม่ตอบแทนช่วยเหลือดูแลท่านบ้าน รอให้ท่านเสียชีวิตไปก่อนค่อยจัดงานหรู ๆ คงไม่ได้ประโยชน์ วันนี้ที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เหมือนที่ท่านทำให้กับเรา เมือถึงวันที่ต้องจากกัน เราจะได้ไม่ต้องอยู่กับความรู้สึกผิดหรืออับอายตนเองที่ไม่ได้ดูแลท่านเท่าที่ควร กรณีของสามีคุณ พฤติกรรมเช่นนี้คือพฤติกรรมก้าวร้าว Aggressive หมายถึงเขาพยายามปกป้องสิทธิส่วนบุคคลของเขา แต่เขาละเมิดสิทธิของภรรยาและพ่อแม่ของคุณ ส่วนคุณเปป็นประเภทโอนอ่อนหรือ Passive คือไม่ปกป้องสิทธิของตัว ไม่ปกป้องสิทธิของพ่อแม่ และปล่อยให้สามีของคุณสะเมิดสิทธิของตัวคุณและพ่อแม่ คนเราต้องเรียนรู้ที่จะเป็นตัวของตัวเองคือรู้จักปกป้องสิทธิส่วนตัวของตนเอง แต่ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อ่ืน คนสมัยนี้ กระโดดจากอดีตหรือจากครอบครัวที่โอนอ่อน ไปสู่ความก้าวร้าวคือ ปกป้องสิทธิของตนเองแต่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น สังคมปัจจุบัจึงเหมือนมีคนอยู่สองฝ่าย คือพวกก้าวร้าวชอบแสดงปกป้องสิทธิส่วนตัว แต่กลับไปละเมิดสิทธิของผู้อ่ืน กับพวกที่ไม่ปกป้องสิทธิของตนเอง และปล่อยให้พวกก้าวร้าวรุนแรงทำอะไรก็ได้ ผู้ใหญ่พ่อแม่ครูอาจารย์จึงต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการเรียนรู้ทีจะเป็นตัวของตัวเองคือปกป้องสิทธิของตัวเองและของคนใกล้ แต่ต้องไม่ไปละเมิดสิทธิของผู้อ่ืน ก็ฝากไว้ให้ไตร่ตรองนะคะ

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
26 มิถุนายน 2558 14:17
Post อันดับที่ 1

ขอบพระคุณอาจารย์สำหรับคำปรึกษาค่ะ หนูพยายามที่ปกป้องตัวเอง และพ่อแม่แต่ถ้าหนูทำมากไปเขาก็หาว่าหนูไม่เข้าใจเขาเขามาอยู่ที่นี้เหมือนตัวคนเดียวบอกว่าหนูเข้าข้างและก็แคร์แต่ครอบครัวตัวเองไม่เคยแคร์ความรู้สึกเขาเลยบ้างครั้งหนูก็คิดอยากจะเลิกๆกะเขาไปนะค่ะแต่หนูกลัวลูกไม่ได้อยู่กับหนูเพราะฐานะทางบ้านเขาดีกว่าถ้าหนูทำทุกอย่างที่หนูอยากจะทำแล้วเขาขอเลิกกับหนูหนูควรจะทำยังไงดีค่ะ

นภัสสรณ์
26 มิถุนายน 2558 15:33
Post อันดับที่ 2

คุณนภัสสรณ์ การที่เราพยายามปกป้องพ่อแม่ ปกป้องตัวเราและลูก ก็เหมือนเราปกป้องตัวเขาด้วย การจะรักษาครอบครัวให้อยู่ดีมีสุข เราต้องเป็นคนหนักแน่นมั่นคงเข้มแข็ง โดยเฉพาะเมื่อเรามีสามีที่อ่อนแอเกเร ที่เขาทำอยู่ปัจจุบันเหมือนเด็กที่ยังไม่โต คือขั้โม้โอ้อวดทำเก่ง ช่มเหงพ่อแม่ของคุณ กรจะโต้ตอบชี้แนะและแยกแยะให้เขาตระหนักถูกผิดบ้าง ไม่จำเป็นต้องมีจุดจบที่การหย่าร้าง แต่เป็นการแสดงความเข้มแข็งอดทนของคุณในการอยู่กินกับเขา สิ่งที่คุณกลัวนั้นมันเกิดขึ้นเพราะความอ่อนแอของคุณ และเขาคงไม่ท้ิงคนอ่อนแออย่างคุณไป เพราะจะหาผู้หญิงที่ยอมเขาอย่างที่คุณยอมนั้น สมัยนี้ ยาก! แต่การที่คุณย่ิงยอม ย่ิงทำตามเขา ปิดปากเงียบ ไม่ปกป้องพ่อแม่และลูก วันหนึ่งคุณอาจจะยังอยุ่กับสามีที่ก้าวร้าวปากเสีย แต่ไม่มีทั้งพ่อแม่และลูกของคุณอยู่ด้วย คุณจะรู้สึกอย่างไร โอกาสที่คุณจะทำดีเพื่อพ่อแม่ และเป็นตัวอย่างให้ลูกตระหนักและเคารพในความเข้มแข็ง ฉลาด สามรถแยกแยะถูกผิดได้ทำให้เขาสะสมพลังในตัวเองไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่สะสมความอ่อนแอและขลาดกลัวอย่างไม่มีเหตุผลอย่างที่คุณเป็นอยู่ขณะนี้ คุณอย่าคิดเพียงว่าจะทำอะไร แต่ต้องศึกษาว่าจะต้งองทำอย่างไร เช่นพูดบอกเขาในส่ิงที่เราต้องการบอก แต่บอกพูดอย่างไรไม่ให้เขาโกรธ ไม่ให้เขาเสียหน้า พูดไปเรื่อย ๆ เมื่อมีโอกาส ไม่ต้องโกรธหรือกลัวเสียหน้า แต่พูดบอกเขาในขอบข่ายที่เราเป็นภรรยาเขา ให้เขารู้ว่าคุณเป็นห่วงเขาจึงต้องเตือนเขาเช่นนี้ ลองไตร่ตรอง คิด ตั้งสติ และฝึกที่จะพูดกับเขาอย่างที่คุณอยากพูดอยากบอก แต่พูดอย่างไรให้เขาฟังและกรงใจ ลองดู ขอให้โชคดี!

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
28 มิถุนายน 2558 11:43
Post อันดับที่ 3

ตอบกระทู้


กลับด้านบน