มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ
หัวหน้า

สวัสดีคะ ขอปรึกษา เกี่ยวกับหัวหน้าที่ทำงานค่ะ คือพี่เขาจะคอยบงการชีวิตค่ะ ไม่มีเวลาส่วนตัวเลย แม้กระทั่งเวลาพักกลางวัน ก็ต้องนั่วทำงานค่ะ เวลาตอนเย็นจะให้กลับบ้านด้วยอีก ไม่มีอิสระค่ะ จะทำยังไงให้พี่เขารู้ดีค่ะว่า มันเป็นเวลาส่วนตัวแล้ว เลิกงานแล้ว ก็คุยแต่เรื่องงานตลอดเวลา หนูรู้สึกเบื่อมาก ๆ ค่ะ รบกวนอาจารย์ให้คำปรึกษาด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

พลอย
10 พฤศจิกายน 2557 12:37

หนูพลอย หัวหน้าผู้หญิงหรือชาย เดาว่าเป็นผู้หญิง และคงเป็นคนขยันกระตือรือล้นในการทำงาน เธอคงรักและเอ็นดูหนูพลอยมาก จึงพยายามจะให้หนูดูดซับคุณลักษณะของเธอ และเธอคงเป็นคนที่จริงจังกับสาระในชีวิตมาก ไมุ่สนใจเรื่องไร้สาระหรือเนื้อหาประสาวัยรุ่นทั้งหลาย ในขณะที่หนูพลอยรู้สึกอยากใช้ชีวิตสบาย ๆ อิสระเหมือนคนวัยเดียวกันทั่วไป นอกจากนั้นเธอก็อาจจะเป็นคนขี้เหงา เลือกเพื่อนเลือกคบเฉพาะคน ยิ่งหากที่ทำงานแผนกนี้มีกันเพียงสองคน จึงกลายเป็นสองเรา! เข้าใจความเครียด เบื่อ เซ็ง ของหนูพลอย แต่แทนที่จะเบื่อเซ็งแล้วปัดเธอออกไป ให้หนูตั้งหลักมองกลับไปที่หัวหน้าว่า ปกตินิสัยของเธอเป็นคนอย่างไร หรือทั้งหมดที่แสดงออกมาเป็นเพียงการกลบเกลื่อนปัญหาของตัวเอง หรือว่าเธอยึดหนูไว้เป็นเพื่อนสนิท แล้วเพื่อน ๆ ของเธอมีไหม ไปไหนกันหมด เช่นเดียวกัน หนูพลอยมีเพื่อนในที่ทำงานเดียวกันไหม หากมีอาจนัดให้เืพื่อนมาแวะเรียกหรือรับหนูตอนเที่ยง ให้รู้ว่ามีคนรอไปทานข้าวด้วย แล้วก็ชวนหัวหน้าให้ไปด้วยกัน เผื่อจะช่วยให้เธอมีเพื่อนคนอื่นบ้าง ในตอนเย็นกลับบ้านก็เช่นกัน เธอขับรถเองหรือนั่งรถโดยสาร หากเราไม่มีใครการเดินทางโดยมีเพื่อนไปด้วยน่าจะปลอดภัยในสมัยนี้ แต่หากหนูไม่ชอบอยากไปไหนมาไหนคนเดียว ก็ค่อย ๆ บอกเธอไปวันนี้ พรุ่งนี้ไม่ไป คือถ้อยทีถ้อยอาศัยค่อยพูดกัน ทำอะไรก็ตาม ทำด้วยจิตใจที่มีเมตตา แม้ว่าเธอจะเป็นหัวหน้า แต่การทำงานด้วยกัน เราต่างต้องเรียนรู้ที่จะพยายามเข้าใจและให้ความใส่ใจดูแลกันและกัน อาจารย์รู้ว่าเด็กรุ่นใหม่หรือคนสมัยนี้ อยากเป็นตัวของตัวเอง ก็ไม่ผิด แต่บางทีเราก็ไม่รู้ว่าคนคนนี้มีปัญหาหรือเดือดร้อนเรื่องอะไร เพราะเธอเป็นหัวหน้าหนูจึงคาดว่าเธอจะรุ้ดีกว่า ดูแลตัวเองได้ดีกว่า แต่คนทุกคนก็มีทั้้งจุดด้อยจุดเด่น หากไม่มากเกินไป ทำดีไว้กับใครสักคน ทำใหจิตใจเราดีไปด้วย ลองทำดูไปสักระยะหนึ่ง นานไปเราก็จะเข้าใจชีวิตคน และมองเห็นว่า การมีน้ำใจใส่ใจกันและกัน มันช่วยให้โลกนี้สวยงามขึ้นนะคะ แต่หากหัวหน้าเป็นผู้ชาย อยากให้พูดกับเขาตรง ๆ ว่าหนูมีธุระส่วนตัว ขอตัวก่อนได้ไหมคะ หรือหนูมีคนมารอกลับบ้านด้วยนะคะ คือปฏิเสธอย่างสุภาพนอบน้อมก็คงไม่มีปัญหาอะไร เอาละมีอะไรก็คุยกันไป ขอให้โชคดี ดูแลตัวเองให้ดีนะ

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
10 พฤศจิกายน 2557 14:08
Post อันดับที่ 1

พลอยนะค่ะ ก่อนอื่นต้องขอท้าวความก่อนนะค่ะ หัวหน้าของพลอยเป็นมนุษย์ Generation Baby-Boomers อายุ 41-50 ปี ส่วนพลอยอยู่ในช่วงGeneration Y อายุน้อยกว่า 31 ปี หรืออาจจะ Generation Z ด้วยซ้ำไป ลักษณะนิสัยของหัวหน้าพลอยนะค่ะ 1. ค่อนข้างพูดได้ตลอดทั้งวันพูดในที่นี้คือเรื่องงาน ตั้งแต่เช้า-เย็น เค้าประเมินลูกน้องโดยการวัดที่ลูกน้องแต่ละคนให้เวลาทุ่มเทกับงานมากน้องแค่ไหนโดยไม่คำนึงถึง ภาระหลังจากเลิกงานสักเท่าไหร่ 2. หัวหน้าเป็นผู้หญิง จะห้ามเราทุกอย่างในเรื่องของกิริยา การแต่งตัว การพูกจา มารยาททางสังคม แม่แต่กระทั้งบนโต๊ะอาหาร และรวมไปถึงห้ามคบพนักงานในออฟฟิตบุคคลที่เค้าไม่ชอบ คบหาในที่นี้คือ คบเป็นเพื่อนไม่เกี่ยวข้องกับความสัมพันอื่นๆ 3. เรื่องกลับบ้าน พลอยไม่มีรถที่ทำงานมีสวัสดิรถรับส่งพนักงาน หัวหน้ามีรถ เขาให้พลอยกับกับเข้าทุกวัน เหตุผลเพราะต้องสแตนบายทำงานให้เข้าตลอดเวลา เขาจะใช้เวลาช่วงขับรถกลับบ้านดิสคัสงานกัน ก่อนหน้าที่พลอยจะมาทำงานช่วงที่สัมภาษงานเค้าบอกพลอยว่ากลับบ้านเย็นได้ไหมพลอยตอบว่าได้ เค้าบอกว่าเค้ามีงานในช่วงเย็นๆที่ต้องการให้พลอยตรวจเช็ค พลอยตอบว่าไม่มีปัญหาถ้าเป็นเรื่องงาน แต่ระยะหลังๆที่พลอยอยู่เย็นเห็นผลหลักๆที่พบคือ การดิสคัสเรื่องคน ถ้าพูดภาษาชาวบ้านก็คือ นินทาคน แผนกต่างๆ เค้าใช้เหตุผลว่าเป็นการวิเคราะห์คน ซึ่งความคิดของพลอย ถามว่าจำเป็นไหมพลอยตอบว่าจำเป็นค่ะ แต่ต้องไม่ใช่การเอานิสัยคนโน้นนี้นั้นมาพูดว่าไม่ดีเราดีกว่า ถ้าการดิสคัสของเค้าคือตัวอย่างที่เป็นเคสเพื่อให่้เราศึกษาก็โอเค แต่ในกรณีของหัวหน้าพลอยนี้คือ นินทาคน และพลอยเป็นคนไม่ตามใจหัวหน้าพลอยจะไม่เออ ออ ตาม และช่วงระยะเวลาหลังๆพลอยเลี่ยงที่จะกลับรถประจำของบริษัทและบอกหัวหน้าว่าเรามีธุระ เมื่อพลอยบอกเค้าว่าพลอยมีธุระ เค้าก็ถามพลอยว่าธุระอะไร การที่เราบอกว่าธุระมันคือเรื่องส่วนตัวแล้วมันคือนอกเหนือเวลางาน พลอยขอย้ำว่านอกเหนือเวลางาน ตอนนี้พลอยและเพื่อนที่ทำงาน ค่อนข้างอึดอัดใจในการทำงานมากๆ ตั้งแต่พลอยทำงานมานี้ก็เป็นระยะเวลากว่า 5 เดือน 4. ถามว่าเค้ามีเพื่อนหรือป่าว เขาค่อนข้างไม่มีใครอย่างเข้าใกล้ด้วยบุคลิกที่คุยแต่เรื่องงาน ขี้โวยวาย เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องใหญ่ ทุกๆเรื่องที่เขาหูจะใหญ่เสมอ เขามาสามีแต่ไม่มีลูก เขาแยกกันอยู่กับสามี แต่ความสัมพันเขาดีนะค่ะเรื่องครอบครัวเราไม่กล่าวถึง มาถึงตอนนี้ที่พลอยเครียสและรู้สึกอยู่ คือ ความไม่อิสระไม่ใช่เพราะว่าอยากมีช่วงเวลาเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกันแต่พลอยอยากมีเวลาส่วนตัวให้กับตัวเองมากกว่าวันดีคืนดีส่งไลน์มาให้อ่านยาวประมาน1 หน้ากระดาษเอสี่ เช้ามาถามว่าได้ใจความว่าอย่างไรแรกๆๆเราก็อ่านแล้วตอบ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ เค้าส่งมาทุกวันตลอดเวลาพอเราไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับเขาจะคิดว่าทำไมเราไม่ตอบทำไมเราไม่สนใจสิ่งที่เขาส่งมาให้ แต่บางทีเขาลืมลืมว่ามันเป็นเวลาส่วนตัวของเรา 5. เขาเป็นคนกระตือรื้อร้นในการทำงานมาก พลอยยอมรับ แต่ตั้งแต่ที่เขาให้งานพลอยมาพลอยก็ทำได้ทุกอย่างไม่เคยบ่นเรื่องงานสักคำ เขาค่อนข้างพอใจกับงานของเรามาก 6. เขาชอบเรียกเราเข้าไปคุยเรื่องเพื่อนร่วมงานและด่าว่าให้เราฟัง อันนี้คือความคิดเห็นส่วนตัวเขาไม่ควรมาพูดกับเราเขาควรไปพูดกับเจ้าตัว เฉพาะงานที่เขาให้เราทำก็จะไม่ทันแล้ววันๆต้องเข้าไปนั้งฟังเข้าด่าคนอื่่นอีก พลอยเคยนั้งฟังนานสุด 3 ชั่วโมง จนตอนนี้พลอยรู้สึกอึดอัดมากอยากจะลาออก พลอยควรจัดการกับตัวเองและเขาอย่างไร ขอบคุณอาจารย์อรอนงค์มากๆนะค่ะที่กรุณาตอบข้อสงสัยและให้กำลังใจพลอยพลอย

พลอย
10 พฤศจิกายน 2557 16:16
Post อันดับที่ 2

หนูพลอย ฟังที่บรรยายแล้วเหนื่อยแทนเลย ส่วนหนึ่งจากที่เล่าไป คนที่ต้องการความช่วยเหลืออันดับแรกคงจะเป็นหัวหน้านะ เธอมีพฤติกรรมที่น่าสงสารมากน่าจะมีใครสักคนแนะนำให้เธอไปพบจิตแพทย์ แต่หนูพลอยก็น่าเห็นใจมากกว่า หากตรวจสอบตัวเองแล้วว่าตัวเราไม่มีอคติ ก็คงต้องตั้งสติ ว่าจะสู้หรือจะถอย ถอยคือย้ายแผนกหรือลาออกเลย ซึ่งการหางานช่วงนี้ยากหน่อย แต่หากอยู่ต่อไป ก็ต้องตั้งหลักว่าจะหลีกเลี่ยงอย่างไรไม่ให้ตกเป็นเหยื่ออารมณ์ของหัวหน้า เพราะเธอใช้คุณเป็นที่ระบายความเครียดความไม่พอใจ พยายามลากจูงเราไปให้ฟังเธอ มันก็มากเกินไปจริง ๆ หัวหน้าอาจจะรู้ตัว แต่เธอทำใจยอมรับควาจริงไม่ได้ว่าเธอทำตัวน่ารำคาญ น่ารำคาญจนคนใกล้ ๆ ก็อาจไม่อยากอยู่ด้วย แต่ส่วนที่ดีของเธอก็คือความกระตือรือล้น สนใจใคร่รู้เรื่องราวพยายามเรียนรู้เรื่องงานเรื่องคน อาจเป็นคนฉลาดแต่ขาดเฉลี่ยว ซึ่งหากเธอได้พบจิตแพทย์เพื่อบำบัดได้ ก็จะช่วยให้ไม่ต้อทำอะไรที่ล้นเกินขอบข่ายของตนเอง เพราะฉะนั้นตอนนี้ สิ่งแรกคือให้หนูพลอยมองให้เห็นว่า หัวหน้าเป็นคนมีปัญหาต้องการได้รับความช่วยเหลือ แต่เราไม่ใช่จิตแพทย์ที่จะช่วยเธอได้ตรง ๆ หากพอทนได้อะไรที่ไม่เกินไปก็ฟังแล้วมองข้าม อะไรที่รู้สึกว่าเธอเอาเปรียบ ก้ำเกินเวลาของเราหรือทำอะไรที่ไม่เหมาะสม หนูพลอยสามารถบอกกับเธอตรง ๆ เรียบ ๆ นุ่มนวลได้ว่า หนูไม่มีความเห็นเรื่องนี้ หนูคิดว่าหนูไม่อยากฟังเรื่องนี้ หนูเชื่อว่ามันไม่ใช่ปัญหาของเรา ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคุยกันเรื่องนี้ ฯลฯ แล้วเปลี่ยนเรื่องถามเรื่องของเธอบ้าง หากเธอแสดงความโกรธไม่พอใจ ที่หนูไม่เออออด้วย ต่อไปก็ใช้เป็นโอกาสปฏิเสธจะเดินทางกลับบ้านกับเธอ ให้เธอเป็นฝ่ายถอยไปเอง เรื่องไลน์เหมือนกันถ้าเป็นเรื่องงานก็อ่าน หากเป็นเรื่องคนอื่นก็บอกว่า หนูไม่มีความเห็นเรื่องอย่างนี้อย่าส่งมาเลย หนูไม่อยากรู้ อย่างไรก็ตามก็อยากจะให้หนูทำใจเมตตาเธอ และพิจารณาว่า โลกเรานี้มีผู้คนมากมายที่ไม่มีความสุข และมากมายมองโลกในทางลบ และมากมายก็หลงติดอยู่กับตัวเอง ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถอยู่กับตัวเองได้ อยากให้คนอื่นยอมรับมาก มากจนคบใครก็ไม่มีใครอยากคบ คงมีผู้คนใกล้ ๆ เตือนเธอแล้ว แต่เธอไม่ต้องการฟัง อยากให้ทุกอย่างเป็นอย่างที่เธออยากให้เป็น เธอจึงกลายเป็นภาระ ปัญหาที่น่าเบื่อสำหรับทุกคน อาจารย์มองแล้วก็รู้สึกช่วยหนูพลอยไม่ได้เท่าไร แต่เข้าใจเห็นใจและสนับสนุนให้หนูได้ทำ แสดง หรือพูดอย่างที่อยากจะพูดได้ ขอเพียงความเมตตา เห็นใจคนที่มีปัญหาแต่กลับไม่แสวงหาความช่วยเหลืออย่างหัวหน้าาของหนูพลอยคนนี้ ก็เอาใจช่วยให้ใจเย็น ๆ ฝึกให้มีอารมณ์ขันบ้าง จะได้ไม่เครียดไม่ซีเรียสหรือโมโห หรือพลอยเป็นไปด้วย เหมือนภาษิตคนโบราณว่า อย่าโกรธคนบ้า อย่าว่าคนเมา เขาไม่รุ้เรื่องด้วยจริง ๆ ขอให้โชคดดีมีอะไรอยากคุยไปใหม่ก็ได้นะคะ

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
12 พฤศจิกายน 2557 10:50
Post อันดับที่ 3

ตอบกระทู้


กลับด้านบน