มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ
อาชีพและหนีสิ้น

ผมเป็นมีอาชีพเป็นตำรวจสายงานธุรการแฟนผมไม่มีงานประจำผมจึงขอยืมเงินพี่ๆและเพื่อนๆที่รู้จักรวมทั้งกู้ธนาคารเอาที่นาและบ้าน สหกรณ์ตำรวจ ซึ่งเริ่มกู้ยืมมาตั้งแต่ ปี2548 เพื่อมาประกอบอาชีพส่วนตัว โดยเริมลำดับดังนี้ ปี2548 ผมกู้ยืมเงินสหกรณ์ตำรวจมาจำนวน 180,000 บาท เพื่อลงทุนเลี้ยงหมู่ เลี้ยงมาได้4เดือนก็จับขายแต่เอช่วงที่หมู่เป็นราคาตกต่ำจาก กก.ละ45-50 บาท ผมขายได้เพียง 35 บาท ทำให้ขาดทุ่น หลังจากนั้นผมก็ได้นำเงินที่ได้จากการขายหมูไปเซ่งร้านขายผลไม้ ในปี 2549 ผมขายอยู่ประมาณ 1 ปี โดยจะต้องตื่นตั้งแต่ตี 2 เพื่อไปซื้อผลไม้ที่ตลาด จ.ร้อยเอ็ด และกลับมาที่ร้านผลไม้เวลา 6 โมงเช้า แล้วมาขายช่วง 4 โมงเย็นจนถึง 4 ทุ่มทำแบบนี้มา ตลาด 1 ปี ก่อพอมีกำไร อยู่ช่วงนี้แฟนผมกำลังท้อง และในช่วงนี้มีพี่ที่รู้จักกันได้มาชวนไปเปิดร้านขายของชำใต้โรงหนังเพราะแก้จะทำตลาดแบ่งเป็นล็อกให้เช่า จะมีพ่อค้าแม่ค้าจำนวนถึง 80 -100 ห้องผมจึงตัดสินใจกู้เงิน ธ.ออมสินจำนวน 350,000 บาท เพื่อมาเปิดร้านขายของชำ ผมเปิดร้านตั้งแต่ช่วงที่มีการก่อสร้างร้านค้าชส่วนใหญ่จะเป็นช่างและฟ่อค้าที่เข้ามาตกแต่งร้านช่วนแรกๆประมาณ2 เดือนที่มีการก่อสร้างขายดีมากจึงพอมากำไรบางแต่พอเปิดตลาดจริงได้แค่ 3 เดือน ก่อต้องปิดเพราะมาปัญหาเรื่องค่าเช่าที่ระหว่างเจ้าของที่กับพี่ที่จัดทำตลาด โครงการนี้จึงปิดไป ช่วงนั้นผมก็ย้านร้านไปอี 1และ 2 ที่ในอาคารพานิชย์ที่อยู่ใกล้เคียงกำโรงหนังแต่ที่สุดก่อต้องขนของออกกลับไปบ้านแฟนเพราะลูกค้าไม่มีเงียบยังกับป่าช้า ผมจึงเสียเงินไปอีกไปกับการตกแต่งร้านเป็นหนี้หลักจากกลับบ้านได้สักพัก 2-3 เดือน พี่ที่เคยชวนไปเปิดร้านขายของชำก้ชวนมาเปิดร้านขายโทรศัพท์ในปี 2551แต่ทำเป็นลักษณะหุ่นส่วนโดยแ่ออกเงินแฟนผมออกแรงกำลัยแบ่งกันคนละ 50/50 หลังหักค่าใช้จ่ายในช่วงนี้ผมพอมีเงินได้เข้ามาบางและพออยู่ได้มีเงินส่งธนาคารได้สบายๆครับ แต่ทำได้แค่ 8 เดือนก็ต้องหยุดเพราะมีปัญหาหุ้นส่วนในเรื่องการแบ่งผลกำไรโดนแกล่งว่าทำเครื่องหายบางเงินเกินบัญชีบางและอีกหลายเรื่องผมกับแฟนเลยรู้สึกไม่ดีจึงขอเลิกทำงานร่วมกับพี่เพราะไม่อยากผิดใจกับมากไปกว่านี้เพราะหลังจากตรวจสอบปัญหาที่เกิดทุกครั้งทางพี่ผมเองที่เป็นฝ่ายที่ลืมลงบิลหรือเอาเครื่องไปอีกร้านไม่ได้ลงบัญชีลบออกพอถึงเวลาก่อหาว่าเครื่องหายคนที่ตั้งใจทำงานใครๆก่อต้องคิดว่าโดยบีบออกแน่นอนผมจึงตัดสินใจแบบนั้นไปครับ ระหว่างที่ขายโทรศัพย์ในตลาดนั้นผมก่อมีโอกาสได้พบเจอกับกลุ่มพ่อค้าในตลาดจำนวนมาก ตลาดนี้มีลูกค้ามาใช้จ่ายมากในช่วงนั้นใครที่มีร้านค้าอยู่ในนั้นค้าขายเพียงแคา 2- 3 ปีก็สามารถมีบ้านมีรถได้สะบายๆครับ ช่วงนั้นปี 2552 มีเจ้าของกิจการร้านรองเท้าต้องการที่จะเซ่งกิจการสาเหตุเพราะแก่มีแฟนหลายคนมีค้าใช้มากและเรื่องหนี้สินมากแก้ต้องการเซ่ง 2 ห้องราคา 600,000 บาท ราคานี้ตอนที่เปิดร้านขายโทรศัพท์เซ่งมาแค่ 1 ห้อง ราคา 120,000 บาท แฟนผมนำเรื่องนี้ไปปรึกษาพี่สาว แก่ให้ยืมเงินมาจำนวน 500,000 บาท ผมจึงได้เว่งร้านแค่ 1 ห้อง ครึ่ง จ่ายไป 450,000 บาท เหลือเงินไว้ซื้อรองเท้ามาขายผมได้ร้านนี้มาผมสามารถทำกำไรได้เป็น 100,000 - 250,000 บาท ต่อเดือน ผมเริ่มมีเงินใช้หนี้มีเงินเก็บ ซื้อรถ - ซื้อบ้าน(กู้ธกส.)เปิดร้านมาได้ ถึงปี 2554 ในช่วงนั้นผมมีเงินเก็บอยู่ 600,000 บาท ครอบครับพี่สาวอีกคนเริ่มมีปัญหาครอบครัวเพราะมีลูกชาย 2 คนกำลังเป็นวัยรุ่นติดเกม ช่วง ม.2และม.3 พ่อเป็นทหารตอนนั้นแก้สมัครไปประเทสซูดาร ต้องอยู่ที่นั้น 1 ปี ถึงกลับมา แฟนผมจึงรับหลาน 2 คน มาดูแลและก่อพี่สาวลาออกจากบริษัทติดตามมาอยู่ด้วย แฟนผมเว่นร้านเสริมสวยให้ 60,000 บาทให้พี่สาวบริหารแต่ก่อไปไม่รอดเปิดได้แค่ 6 เดือนต้องปิดร้านเพราะขาดทุนผมหมดไปกับตรงนี้ประมาณ100,000 บาท ในช่วงเดียวกันพี่ชายของแฟนผมผึงจะศึกออกมาแล้วแก้ไปทำงานบริษัทอยู่ 2 เดือน แม่ก็อยากจะให้พี่กับน้องอยู่ด้วยกันแฟนผมจึงเปิดร้านขายโทรศัพท์ให้ลงทุนให้ 300,000 บาท(โดยผมกู้ ธ.ออมสินอีกรอบวงเงิน 1,000,000 บาท หักของเก่าออกเหลือเงิน ห้าแสน เศษ) แต่ไม่ได้ได้เงินคืนกลับมาเลยสุดท้ายเปิดได้แค่ 1 ปีก่อปิดลงเพราะแก้มีหญิงมาติดพันงานนี้ผมหมดไปกับแก่อีกรวมแล้วน่าจะ 500,000 บาทแต่ผมก็ยังพอมีเงินอยู่บ้าง ผมจึงเปิดร้านขายรองเท้าอีก1 สาขาให้พี่สาวคนเดิมดูแลหมดเงินไปอีก 300,000 บาท หลังจากเปิดร้านให้ก็ไม่สามารถอยู้ได้ ก็ต้องปิดร้านอยู่ร้านนี้ได้แค่ 4 เดือน ขนของกลับไปอยู่ร้านรองเท้าสาขาแรก ในปีเดียวกันแฟนผมก็มีคนรู้จักมากมายมาขอยืมเงินไล่จากหลักหมื่นไปจนถึงหลักแสน มีทั้งคนให้คืนและก็ไม่ได้คืนร่วมๆแล้วเป็นเงิน 600,000 บาท ในปี 2555 มีห้าง big c เปิดใหม่ และปี 2556 มีห้างขนาดใหญ่เปิดขึ้นมาอีก ยอดขายที่เคยได้วันละ 15,000 ถึง 50,000 บาท เหลือไม่ถึง 5,000 บาทต่อวัน ผมจึงกู้เงิน สหกรณ์ตำรวจอีกจำนวน 1,000,000 บาท หักเงินที่เคยกู้ไว้เหลือเงินอยู้ 600,000 บาท นำมาใช้จ่ายและลงของขายอีกรอบ ในการขายรอบนี้ยอดขายก่อยังไม่ได้ขึ้นผมจึงออกไปหาขายนอกสถานที่ตามโรงเรียนเป็นช่วงที่เปิดเทอมพอดีก่อได้ยอดสั่งซื้อมาจำนวนหนึ่งแต่ก็ยังไม่พอที่จะหมุนเวียนสร้างกำไรได้ ผมประครองร้านมา 1ปี ช่วงนี้เองครับผมกู่เงินนอกระบบมาหมุนในร้านอีก รวมแลัว1,000,000 บาท จนถึงปี 2557 ผมมองว่าร้านรองเท้าคงจะสู้ห้างขนาดใหญ่ไม่ได้ จึงทำเรื่องเอาบ้านของแฟนและที่นาพร้อมกับย้ายไฟล์แน็นบ้านตัวเองเพื่อนนำเงินมาใช้หนี้นอกระบบและเปิดร้านอาหารกึ่งผับ ผมได้เงินมาจำนวน 5 ล้านบาทหักหนี้เก่าของบ้านทั้ง 2 หลักที่ผ่อนอยู่ และที่นาที่ติก ธกส.อยู่ เหลือเงิน 800,000 บาท ผมใช้หนี้นอกระบบไป 400,000 บาท และลงทุนร้านอาหารอีก 400,000 บาท ในช่วงที่ขายของไม่ได้และกำลังสร้างร้านอาหารผมต้องหาเงินส่งดอกเบี่ยนอกระบบและค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกขนะนั้มผมจะต้องหาเงินให้ได้อย่างน้อยเดือนละ 200,000 บาทถึงจะอยู่ได้ ในช่างนี้เองปี 2557 ผลกระทบทางการเมืองเสืองเหลืองยึดสนาบบินและอื่นๆเงินชาวนาไม่ออกตามโครงการยอดขายที่ร้านผมแต่ละวันไม่ถึง 2,000 บาท เจ้าหนี้ก็บีบเอาเงินคืนสุดท้ายผมจึงต้องเซ่งกิจการไปเพื่อใช้หนี้เหลือเงินแค่ 10,000 บาท จากยอด เซ่งไป 600,000 บาท ผมทำร้านอาหารมีกำไรอยู้เดือนละ 100,000 - 150,000 บาท แต่ทำเป็นระบหุ่นส่วน กำไรเหลือแค่ เดือนละ 30,000 - 50,000 บาท ต่อเดือน บางเดือนถ้ามีการซ่อมแซมร้านหรือต่อเติมร้านแทบไม่มีเงินเหลือ ผมจึงหาอาชีพเสริมโดยเลี้ยงจิ๊งหริดและขายปุ๋ย และมันก็ยังไม่สามารถใช้หนี้สิ้นได้แค่เป็นค้าใช้จ่ายไปวันๆก่อหมดแล้ว ผมทำร้านอาหารได้แค่ หกเดือนโดนเทศบาลฟ้องเจ้าของที่ที่ผมไปเช่าอยู่สุดท้ายศาลสั่งให้รึอถอน ในช่วงที่อยู่ในชั้นอัยการผมหาช่องทางที่จะไปเปิดที่ใหม่โดยแยกไปทำร้านเองกับเพื่อนอีกคนตอนนั้น ปี 2558 ผมมีเงินสดแค่ 20,000 บาท ผมตองหาเงินนอกระบบ อีก 50,000บาท เพื่อมาดำเนินการทำร้านอาหาร เป็นค่าเช่า เปิดได้แค่ 6 เดือน ร้านก่อต้องปิดกับหนี้สิ้นที่เพิ่มเข้ามาอีก 100,000 บาท หลักจากร้านปิด ถัดมาอีก 2 เดือน ร้านอาหารร้านแรกศาลก็ตัดสิ้นให้รือถอนออกจากพื้นที่ ช่วงนั้นผมก็ว่าหนักแล้ว ผมพยายไม่คิดอะไรมากตอนนั้นเงินเดือนของตำรวจผม จาก27,000 บาท หักใช้หนี้ สหกรณ์แลัว เหลือเงินแต่ 6,000 บาท ที่จะต้องกินต้องใช้ แฟนผมจึงให้แม่หาเงินให้ 30,000 บาท ผมยืมพี่สาว อีก 20,000บาท ในช่วงจากแค่เดือน เม.ย. -มิ.ย.2559 เพื่อซื้อกระเป๋า,เสือผ้าและน้ำสลัด มาขายตามตลาดนัดในช่วงที่ร้านอาหารปิดจนถึงปัจจุบันบางนัดก่อขาดทุนไม่ได้ค่าเช่าที่ บางนัดก็ได้แต่ก็ไม่มากพอที่จะดูแล่ค่าใช้จ่ายที่มีมาก แค่เงินให้ลูกไปโรงเรียนก็ตกไปเดือนละ 6,000 บาท แล้ว(มี 3 คน ครับ) สรุปแล้วผมมีหนีสินที่รอการยืดจาก บสก. บ้าน 2 หลังที่นา 1 แปลง ยอดเงิน 5,400,000 บาท รอการฟ้องล้มละลายจาก ธนาคาร ออมสิน 1,400,000 บาท เป็นหนี้สหกรณ์ตำรวจ 800,000 บาท หนี้นอกระบบอีก 800,000 บาท หนี้ กยศ.อีก 110,000 บาท มีธนาคารและสถาบันการเงินฟ้องแฟนผมอีก 5 สถานบัน ร่วมของผมอีก 3 คดี เป็น 8 คดี รถยนต์ถูกฟ้องอีก 2 คดี รวมแล้วหนี้น่าจะตกอยู่ที่ประมาณ 10,000,000 บาท ตอนนี้ผมเหลือรายได้แค่ 6,000 บาท หารายได้จากการออกตลาดนัดเต็มที่ก็เดือนละ 3,000 บาท อายุราชการเหลืออีก 20 ปี แต่ไม่สามารถกู้เงินอะไรได้แล้ว รอวันที่ฟ้องลืมละลายและออกจากราชการ บ้านและที่นาคงจะถูกยืด ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีแล้วครับชีวิตถึงจะดีขึ้น

เกียรติศักดิ์
kiadtisak300621@gmail.com
12 กรกฎาคม 2559 12:13

คุณเกียรติศักดิ์ ฟังที่เล่าไปแล้วรู้สึกเหน่ือยแทน แต่ก็มองเห็นความพยายามในการต่อสู้บนเส้นทางที่ซ่ือสัตย์สุจริต แ่ดูเหมือนจะรอดมาได้เพียงชีวิตของตัวเองภรรยาและลูก พร้อมกับหนี้สินมากมาย ถึงกระนั้นก็ตาม อยากให้คิดว่า โชตเรายังดีไม่เสียลูกเมียหรือคนใกล้ เงินทองทรัพยสินหมดแล้วหาใหม่ได้ แต่คนใกล้หากต้องจากไปคงยากจะได้คืน เพราะฉะนั้นไม่เป็นไร บอกกับตัวเองไว้ สองมือสองขากับหนึ่งสมองต้องรอดได้และจะก้าวต่อไป จำไว้อย่าได้ท้อถอย คุณมีลูกสามคนที่เฝ้าจ้องมองคุณอยู่ ถ้าวันนี้คุณไม่ได้อะไร แต่ได้หัวใจแห่งความกล้าหาญของลูก ๆ ที่จะเติมเต็มและทำให้ความฝันของคุณเป็นจริง พระพุทธเจ้าตรัสว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีเหตุผลในตัวของมันเองเสมอ อย่าส้ินศรัทธาในความดีงามที่เราทำอยู่ ดิฉันมีเพื่อนเป็นโหร เขาบอกว่าหลายสสิบปีที่ผ่านมา เหมือนผีห่าตาซานมันบุกเมืองไทยทำให้เกิดควมลำบากข้าวยาากหมากแพงทุกคนเดือดร้อน ทุกข์ทั่วแผ่นดิน แต่ไม่เป็นไรหากเราเป็นคนพุทธเชื่อเรื่องบุญบาป จงตั้งสติและรักษาความดีงามเอาไว้ เมื่อสถานการณ์บ้านเมือเเปลี่ยนไป ทุกอย่างจะค่อย ๆ คืนสภาพความดีงามเดิม ๆ ขอเพียงเราอย่าโยนส่ิงดี ๆ ในตัวเราไป เราอาจจะยังค้นไม่พบความสุข แต่ที่เราทำทุกวันนี้ก็เพื่อลูกหลานเราในอนาคต เพราะฉะนั้นความดีเท่านั้นจะคงอยู่และรักษาคนดี เพราะฉะนั้นจงเช่ือในคุณความดีทำความดีต่อไป จากที่คุณเล่าไป ความขยันและตั้งใจของคุณและภรรยามีมาก แต่ธุรกิจที่คุณสองคนทำอยู่นั้นเป็นธุรกิจเมือง คือของที่นำไปขาย หากขายไม่ได้ก็เอามากินไม่ได้ ไม่สามารถลดต้นทุนได้ เคยพิจารณาดูหรือไม่ว่า เศรษฐกิจพอเพียงที่เราได้ยินอยู่นั้น มันอยู่ตรงไหนในงานอาชีพของคุณ คือคุณเป็นข้าราชการเป็นความมั่นคงของลูกเมียและตัวเอง จะต้องรักษาไว้อย่าเอามาเสี่ยง แต่ก็ไม่เป็นไร ทุกอย่างที่เกิดขึ้นประสบการณ์คือครูคือบทเรียน อยากให้ตั้งสติค่อย ๆ แก้ไขอย่ายอมแพ้ อย่าหนี อย่าลงโทษตัวเอง และอย่าโกรธ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ต้องยอมรับว่า เราตัดสินใจเอง ถึงวันนี้เราจะแก้ไขอย่างใจเย็น คุณและภรรยาได้ช่วยกันทำงานทำมาหากินอย่างสุจริตมาตลอด เราได้มีโอกาสทำในส่ิงที่เราอยากทำ แต่เพราะสถานการณ์บ้านเมืองไม่อำนวย การทำการค้ายามสงครามกับยามบ้านเมืองสงบ ผลย่อมต่างกัน ขอให้มีความกล้าหาญในการแก้โจทย์ตรงหน้านี้ให้ผ่านไปทีละข้อทีละอย่าง ผ่านมันไปให้ได้ไม่ว่าจะยากแต่ไหน ไม่มีอะไรลำบากไปกว่าที่ผ่านมาแล้ว เพราะฉะนั้นอดทนและมั่นคง ดิฉันรู้ว่าคุณทุกข์สาหัส ใคร ๆที่รู้เรื่องก็อยากช่วย แต่โจทย์นี้พัวพันอยู่กับครอบครัว คุณยังโชคดีที่มีครอบครัวที่รักกันและช่วยเหลือกันถึงไม่มากก็ขอให้ค่อยเจรจากันทีละคนทีละขั้นตอน นอกเหนือจากที่คุณเล่าไป ครอบครัวพ่อแม่ของคุณทำนาทำไร่หรือทำสวนหรือไม่ คุณเป็นตำรวจรู้หรือไม่ว่า ที่ดินที่ สปก เอาคืนมาจากคนที่บุกรุกนั้น คุณสามารถไปติดต่อ สปก ถามว่ามีที่ไหนใกล้บ้านเราที่เราสามารถไปขอจับจองได้ เขาจะแบ่งปันให้เฉพาะคนที่มีอาชีพเกษตรกรรมเท่านั้น คุณพ่อแม่คุณทำนาทำไร่ทำสวนหรือไม่ ท่านอาจมีสิทธิ์ขอได้ อย่าคิดแต่ทำอาชีพคนเมือง ทำสวนครัวเศรษฐกิจพอเพียงอาจเป็นคำตอบสำหรับครอบครัวคุณก็ได้ ไหน ๆ ก็พยายามทำธุรกิจในเมืองมาแล้ว ลองทำสวนครัวไว้กินบ้างขายบ้างจะดีกว่าไหม จะทำหรือไม่ ไม่เป็นไร เป็นตำรวจต้องหาข้อมูลให้ได้ และจัดหาจับจองไว้มห้ลูกใหหลานบ้างก็ดีนะ ส่วนเรื่องค้าขายทำธุรกิจคงต้องหยุดก่อน ค่อยเคลียร์วางแผนใช้หนี้ให้เป็นขั้นตอน ระหว่างนี้พิจารณาปัญหาความไม่ประสบความสำเร็จว่าเป็นเพราะ เรามีจุดอ่อนตรงไหน เกิดอะไขึ้น หากลูกอายุเข้า 10 ขอบก็ต้องคุยให้ลูกได้เรียนรู้ไปด้วยกัน อย่าผลักลูกออกจากบ้านจากครอบครัวจากปัญหาที่เรามี หากเราไม่ดึงลูกให้มารับรู้บ้าง เรามุ่งจะแก้ไขปัญหาตามลำพังลูกอาจมีปัญหาเหมือนเด็กแว้นทั่วไป เพราะเขาไม่มีอะไรทำ ไม่รู้พ่อแม่ทำอะไร เพราะฉะนั้นตั้งสติ มีอะไรคุยไปได้ ยินดีเป็นกำลังใจ และขอให้โชตดี จะรอเมลล์ของคุณ

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
13 กรกฎาคม 2559 11:15
Post อันดับที่ 1

ขอบคุณครับสำหรับคำแน่นำผมจะลองสอบถามที่ สปก.ดูนะครับ

เกียรติศักดิ์
14 กรกฎาคม 2559 10:45
Post อันดับที่ 2

ตอบกระทู้


กลับด้านบน