มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ
เครียดเรื่องพ่อที่ป่วยและเรื่องเรียน

สวัสดีค่ะ ดิฉันอายุ26เป็นลูกสาวคนเดียวแต่ตอนนี้มีปัญหาชีวิตหนักเลยค่ะ เนื่องด้วยอยู่ดีๆพ่อก็มาป่วยหลายปีแล้วเดินไม่ได้ ทำให้เป็นภาระกับหนูมาก หนูก็เรียนอยู่แต่หนูเองก็เริ่มเครียดค่ะ เรียนมา8ปีแล้ว ยังไม่จบแต่ใกล้แล้วแต่หนูเริ่มรู้สึกทนไม่ไหวเพราะมหาลัยนี้ค่อนข้างเรียนยากเพราะเป็นอินเตอร์และมีคำนวนทำให้จบช้า ไม่มีใครช่วยหนูได้จริงๆค่ะ พ่อก็มีภาวะเครียด บ่นด่าชีวิตเกือนทุกวัน พูดจารุนแรงหยาบคายกับหนู หนูต้องเจอเต็มๆเพราะแม่เสียไปนานแล้วและไม่มีพี่น้อง แล้วหนูยังไม่มีเพื่อนสักคน ปรึกษาน้า น้าก็ช่วยได้แค่จำกัด บอกไม่อยากแบกภาระต่อไปล่ะ หนูเครียดมากเลยค่ะ หนูอยากออกจากบ้านไปมีชีวิตตัวเอง พ่อบ่นด่าหนูหยาบคายเกือนทุกวัน อารมณ์รุนแรง พ่ออายุ68 หนูอยากทำงานออกไปอยู่เองแต่ก็ทำไม่ได้ หนูอยากร้องไห้มากค่ะ ทุกวันนี้ไปมหาลัยก็เป็นทุกข์ใจมาก กลับมาบ้านก็ยิ่งทุกข์พอหนูร้องไห้พ่อก็ด่า หนูไม่รู้จะทำไงจริงๆค่ะ หนูอยากให้ทางมูลนิธิช่วยเหลือหนูค่ะ หนูจนปัญญา ไม่มีใครให้หนูพึ่งแล้ว

เบส
flyaway.likeabird@gmail.com
19 กันยายน 2558 23:34

หนูเบส ถ้าคนเราจะเป็นอย่างนก บินได้อย่างนก ก็คงจะดีนะ แต่ลูกนกตราบใดที่ยังบินไม่แข็ง เราก็ต้องอยู่กับพ่อแม่หรืออยู่รังนอนต่อไป หนูคงเบื่อ เหงา เครียดและสับสนมากกับชีวิตปัจจุบัน โดยเฉพาะเมื่อพ่อมาป่วยช่วยตัวเองไม่ได้ พ่อก็คงทุกข์เครียด และเกลียดตัวเองที่ต้องมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่า ตัวเองทำให้ลูกสาวคนเดียวทุกข์ไม่มีความสุข ใจจริงพ่อก็ไม่อยากเป็นอยู่ในสภาพนี้ แต่เมื่อวิบากกรรมนำพาชีวิตเราสองคนพ่อลูกให้ต้องมาอยู่เช่นนี้ เราก็ต้องค่อย ๆ เรียนรู้ ช่วยเหลือประคับประคองกันไป ช่วยกันทำให้ชีวิตเรา ทุกข์น้อยที่สุด! ที่อยากถามคำถามคือ หนูเรียนมหาวิทยาลัยอินเตอร์มา 8 ปีแล้ว ค่าเล่าเรียนคงจะแพงมาก ใครเป็นคนจ่ายค่าเล่าเรียนคะ? เงินพ่อ หรือเงินกู้จากรัฐ หากเป็นเงินของพ่อ เราสามารถจะใช้เงินนั้นมาจ้างผู้ช่วยพยาบาลให้ดูแลพ่อบ้างได้ไหม เงินของพ่อก็ให้พ่อใช้บ้าง เป็นไปได้หรือเปล่า? ปัจจุบันพ่อไปรักษาหรือเคยรักษาที่โรงพยาบาลไหน อยากให้หนูไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ ให้มาเยี่ยมบ้าน พาพ่อไปพบจิตแพทย์เพื่อจะได้ยา เพราะอาการป่วยทางกายอาจนำไปสู่การป่วยจิตได้ แต่ถ้าได้ยาแล้วพ่อจะสงบลงและมีสติมากขึ้น อาการด่าหยาบคายก้าวร้าวต่าง ๆ ที่หนูบอกมาจะลดลง ที่สำคัญในวาระที่พ่ออ่อนล้าไม่มีแรง ขาดพลังจะต่อสู้กับชีวิต หนูเป็นลูกคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีความกล้าหาญในการเชิญกับปัญหาโดยไม่บ่นว่าใคร ไม่ต่อว่ากับชีวิต เพราะชีวิตคือการต่อสู้ หากเราไม่สู้แล้ใครจะสู้เพือเรา ก่อนหน้านี้พ่อแม่ก็สู้เพื่อเรา ถึงเวลาที่เราจะต้องปกป้องช่วยเหลือดูแลพ่อของเรา ในเมื่อเรียนมาถึง 8 ปีเสียเงินแล้วมากมาย อีกไม่นานก็ไม่จบ ก็ค่อยประคบประคองกันต่อไป เข้มแช็งยิ้มแย้มแจ่มใสเข้าไว้ อดทน ขยัน เหนื่อยนักก็ลงนั่งพักผ่อน แล้วก็ลุกขึ้นทำต่อไป พยายามอดทนเรียนให้จบเพราะนั่นคือเป้าหมายของหนู แต่หากไม่จบ ก็ไม่เป็นไร หากจำเป็นจะต้อง ดร๊อบ ก็อาจต้องดร๊อบ เพราะในความเป็นจริง หากหนูเรียนจบมา ใครสัญญาบ้างว่าหนูจะได้งานดี ๆ มีรายได้สูง มีหน้าตาเป็นที่ยอมรับในสังคม มีใครสญญาว่าหนูจะมีชีวิตที่เป็นสุข แต่วันนี้ งานที่ยิ่งใหญ่กับหนูมากกว่าปริญญา ก็คือการช่วยเหลือดูแลแสดงความกตัญญูต่อพ่อของหนู เพราะท่านก็อาจมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน แต่การใส่ใจดูแลและการให้เห็นลูกสาวคนเดียวมีเมตตากรุณาช่วยเหลือดูแลเป็นกำลังกายกำลังใจของพ่อ พ่อก็คงมีความสุขและตายไปอย่างมีความสุข เช่นเดียวกัน ความสุขและความสำเร็จจากการได้ใช้เวลากับพ่อ ดูแลแสดงความกตัญญูต่อพ่อของหนูจะถูกสะสมเป็นทุนชีวิตหนูให้เจริญารุ่งเรืองต่อไป ตรงหน้านี้คือบทเรียน คือภาคปฏิบัติที่หนูไม่ควรมองข้าม เมตตาต่อพ่อแม่ ก็เหมือนเมตตาต่อตัวเอง ทำตรงหน้าให้ดีที่สุดแล้วทุกอย่างจะค่อย ๆดีขึ้น นั่นคือช่วยเหลือดูแลให้พ่อมีความสงบสุข แล้วเราก็จะสุขไปด้วย หากปล่อยวันเวลานี้ผ่านไป นานไปพ่อจากไปแล้ว เราอาจร่ำรวยย่ิงใหญ่ แต่วันนั้นเมือหันกลับมามองปัจจุบันนี้ หนูอาจทุกข์ เพราะได้พบว่าไม่ได้ทำส่ิงสำคัญที่ควรทำในวันนี้ และอาจทำให้เหนูต้องเสียใจต่อไปได้ หนูไม่ได้บอกว่าอยู่ที่ไหน จังหวัดอะไร แต่ทุกจังหวัดจะมีหน่วยงานกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประจำจังหวัดอยู่ลองโทร 1300 และถามว่าเขาจะช่วยอะไรเราได้บ้างนะ ลองทำดูขอเป็นกำลังใจ ทำหน้าที่ขณะนี้ให้ดีที่สุด จิตใจเราจะได้สงบสุขนะ!

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
20 กันยายน 2558 12:45
Post อันดับที่ 1

สวัสดีค่ะ ขอบคุณมากที่ให้คำปรึกษาค่ะ แต่หนูอยากขออธิบายอีกนิดนึงค่ะ คือว่าหนูกับพ่อทะเลาะกันเกือบทุกวันเพราะว่าพ่อมักจะจู้จี่จุกจิก เดี๋ยวจะเอานั่น เอานี่ เรื่องเยอะมากเลยค่ะ ทำให้หงุดหงิดบ่อยๆ แล้วเวลาหนูหงุดหงิดขึ้นมาจะเครียดมากๆเลยค่ะ บางทีต้องตวาดพ่อ มันก็ทำให้กลายเป็นเรื่องชวนทะเลาะกัน หนูยอมรับว่าหนูเหนื่อยใจมาก บางทีพอทะเลาะกับพ่อก็ทำให้ไม่มีสมาธิอ่านหนังสือเลย เพราะยอมรับว่าพ่อค่อนข้างมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเองเหมือนกัน เช่น บางทีเราวางของไว้ พ่อก็หยิบเขวี่ยงไปที่พื้นเลยเพราะหาว่าเกะกะ ทำให้หนูเครียดมากเหมือนกัน ก็พยายามช่วยเท่าที่ช่วยได้แล้วค่ะ แต่เหมือนพ่อจะเรียกร้องเยอะ ก็ยังมีนิสัยเอาแต่ใจเหมือนเด็กๆ ปวดหัวมากจริงๆ อีกอย่างที่ได้ถามมาว่าใครเป็นคนออกค่าเล่าเรียน ค่าเล่าเรียนก็เป็นเงินของพ่อนี่ล่ะคะ แต่ถ้าถามว่าอยู่ได้ยังไงทั้งๆที่พ่อก็ไม่ได้ทำงาน ก็มีเงินเก็บของพ่อบางส่วน และ10ปีให้หลังที่ผ่านมาน้าก็ช่วยอ่ะค่ะ หมายถึงออกค่าใช้จ่ายค่ากินค่าอยู่ให้เพราะสัญญากับแม่หนูไว้ก่อนที่แม่จะเสียว่าให้ช่วยดูแลหนูกับพ่อจนกว่าจะเรียนจบ แต่น้าก็อาจทำงานได้อีกไม่กี่ปีก็เกษียณแต่แกเป็นข้าราชการซีสูง ยังไงก็มีเงินบำนาญอยู่แล้วค่ะ ใจจริงหนูก็อยากจ้างผู้ช่วยพยาบาลมาดูแลพ่อนะ เคยลองคุยกับน้าดูแล้ว ทีแรกน้าก็สนใจแต่พอดูค่าใช้จ่าย น้าบอกไม่ไหวเพราะแพงมาก หนูก็เลยไม่รู้จะทำไงคะ คงไม่มีที่ไหนสามารถจ้างได้ถูกๆ หนูก็พยายามหาทางออกของปัญหานี้อยู่แต่มันก็ยังหาไม่ได้ค่ะ บ้านหนูอยู่กรุงเทพค่ะ หนูอยากทราบว่าเบอร์1300เขาจะให้การช่วยเหลืออย่างไร หรือพอจะช่วยหาคนมาดูพ่อเป็นระยะๆบ้างได้ไหม? จะได้แบ่งเบาภาระหนูค่ะ ขอบคุณค่ะ

เบส
20 กันยายน 2558 23:20
Post อันดับที่ 2

หนูเบส การที่คนคนหนึ่งเคยเป็นผู้นำครอบครัวทำมาหากินได้แล้วกลับต้องกลายเป็นเหมือนคนพิการ เดินไม่ได้สร้างความทุกข์ท้อเบื่อหน่าย โกรธตัวเองโกรธโชคชะตา เหงา โดดเดี่ยวอยู่คนเดียวเพราะลูกไปเรียน จะหยิบจับเดินไปไหนทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้ย่ิงทำให้หงุดหงิดอารมณ์เสียได้ตลอดเวลา หากมีอาการทางประสาทแทรกด้วยย่ิงทำให้เกิดความก้าวร้าวอารมณ์กราดเกรี้ยว ส่วนหนูเบสอายุยังน้อย ความอดทนมีน้อย ไม่เข้าใจความรู้สึกของคนป่วย ตัวเองก็เกครียดเรื่องเรียน ทำให้ไม่ต้องการเผชิญสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ส่วนหนึ่งหนูอาจคิดว่ามองว่าไม่ใช่หน้าที่ที่จะต้องมาดูแลพ่อ แต่เราก็ีมีกันสองคนพ่อลูก เขาได้ทำงานสะสมเงินไว้ เขาจะไม่ให้หนูก็ได้ เขาจะนำเงินมาใช้จ่ายสำหรับตัวเาเองเขาก็มีสิทธิ์ แต่เพราะรักลูกเขาจึงอดทนอยู่ในสภาพนี้ อยากให้หนูได้ฝึกความอดทนเพิ่มขึ้น หาเรื่องพูดคุยเล่าเรื่องเกี่ยวกับที่มหาวิทยาลัยเรื่องเพื่อน พ่อจะได้รู้สึกว่า ไม่ได้ถูกทอดท้ิงไว้ตามลำพังในโลกนี้คนเดียว ที่ว่าพ่อเรียกร้องเอาแต่ใจมาก เพราะอยากให้ลูกสนใจใส่ใจเป็นเรื่องธรรมดา อย่าถือสาอย่าโกรธ ที่หนูทำดีมาได้ขนาดนี้ก็นับว่าดีมากแล้ว อย่ามีอารมณ์ไม่พอใจโกรธ หรือก้าวร้าวเพราะจะทำให้ความดีที่มีอยู่กระเด็นหายไปนะ พยายามตั้งใจทำด้วยความเมตตาจริง ๆ การจ้างผู้ช่วยพยาบาลมาดูแล ใช่เป็นค่าจ้างที่แพงมาก เด็ก ๆ เหล่านี้อายุไม่เกิน 22-23 ปีจบชั้นมัธยมสามหรือมัธยมหก ผ่านการอบรมระยะสั้น ๆ สามเดือน แล้วมาทำงาน ขายความอดทน คือทำในส่วนที่หนูไม่อยากทำไม่ชอบทำ ทำไม่ได้ดี หรือทำไม่ไหว แต่รับเงินเดือน ๆ ละ 9,000 - 15,000 หรือมากกว่านั้น ส่วนหนูเบสเสียเงินมากมายในการเรียนจบออกมาก็คงได้เงินเดือนเริ่มต้นไม่เกิน 15,000 บาท ซึ่งสำหรับคนป่วยแล้วย่อมอยากได้ลูกดูแลมากกว่าจะจ้างคนอื่น อย่างไรก็ตาม อาจารย์เพียงเปรียบเทียบให้ฟัง ในเมื่อหนูมุ่งมั่นจะเรียนให้จบก็เป็นการดี กรณีหาคนมาช่วยแบ่งเบาเยี่ยมดูแลพ่อระหว่างวัน อยากให้หนูโทรไปที่ 1555 ถามว่าหนูอยู่เขต........จะติดต่อสูนย์สาธารณสุขเขตที่หนูอยู่เบอร์โทรศัพท์อะไร ให้หนูไปที่ศูนย์สาธารณสุขเขตนั้น ไปพบนักสังคมสงเคราะห์ที่ศูนย์นั้นแ้วขอให้เขาส่งนักสังคมสงเคราะห์มาเยี่ยมบ้าน เล่าเรื่องสุขภาพของพ่อให้ฟัง ขอให้เขามาเยี่ยมพูดคุย พาพ่อไปพบแพทย์ประจำสาธารณสุขเป็นระยะ ๆ หรือขอให้นักสังคมสงเคราะห์ ติดต่อ อสส คืออาสาสมัครสาธารณสุข ที่อยู่ในเขตบ้านหนูให้มาเยี่ยมพ่อเวลากลางวัน พ่อจะได้มีเพื่อนคุย หากโชดคีอาจได้ความช่วยเหลือในราคาไม่แพงสำหรับให้มาช่วยดูแลพ่อนะ อาจารย์ก้ไม่รู้ว่าหนูเรียนสาขาอะไรนะ แต่บ้านเราตอนนี้ ประชาชนแทบทุกครัวเรือนมีัปญหาด้านสุขภาพ มีผู้พิการผู้ป่วยและผู้สูงอายุที่ต้องการความช่วยเหลือ คนรุ่นใหม่น่าจะสนใจทำงานพัฒนาแก้ไขช่วยเหลือปัญหาในชุมชนดีกว่าสนใจเรื่องไฮเทคซึ่งช่วยคนรวยให้รวยยิ่งขึ้นอ่ยางเดียว ลองคิดดูนะ อยากให้คุยกับนักสังคมสงเคราะห์ขอความช่วยเหลือเขาอย่างที่อาจารย์แนะนำ ส่วนที 1300 คือผู้ทำหน้าเหมือนนักสังคมสงเคราะห์เช่นกัน เหมาะสำหรับกรณีฉุกเฉิน กรณีของหนูใช้บริการของ กทม ศูนย์สาธารณสุขจะดีกว่า มีอะไรหนูปรึกษาไปได้ค่ะ ดูแลตัวเองให้ดีนะ

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
21 กันยายน 2558 12:59
Post อันดับที่ 3

ตอบกระทู้


กลับด้านบน