มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ
เพ่ิมเติมข้อมูลเรื่องพ่อ

สวัสดีค่ะ อาจารย์ จากการที่อาจารย์แนะนำให้หนูโทรไปที่เบอร์1300 และ1555 หนูได้ลองโทรไปที่เบอร์1300เป็นที่แรกค่ะ แล้วสอบถามได้ความว่าเป็นเบอร์ของกรมพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หนูได้เล๋าเรื่องเกี่ยวกับพ่อให้เขาฟัง เหมือนที่เล่าให้อาจารย์ฟังนั่นล่ะคะ แต่เขาบอกว่าจริงๆเขาก็บอกว่าจะมีเจ้าหน้าที่ลงเยี่ยมบ้านเช่นกันแต่ตอนนี้ ไม่สามารถทำได้เนื่องจากขาดแคลนเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ไม่พอค่ะ และหนูก็ลองสอบถามอีกว่าจะสามารถหาคนมาดูพ่อเป็นระยะได้ไหม? เขาก็บอกว่ายังไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบตรงนี้นะคะ หนูก็เลยคิดว่าถ้าเป็นเบอร์1555 หรือ ศูนย์สาธารณสุขของ กทม ก็คงจะเป็นในลักษณะเดียวกันคือ เจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ขาดแคลนเจ้าหน้าที่ หนูจึงมาแจ้งให้อาจารย์ทราบค่ะว่าบางที่การพึ่งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำได้ เช่นกัน หนูจึงคิดว่าตอนนี้คงต้องอดทนและพึ่งตัวเองไปก่อน เพราะเท่าที่หนูเคยทราบมา หน่วยงานของรัฐประชาชนได้รับบริการไม่ทั่วถึงอยู่แล้ว อีกอย่างถ้าเกิดพ่อได้รับบริการนั้นจริงๆ ก็ไม่ทราบว่าพ่อจะยอมรับหรือเปล่าเพราะเวลาพ่ออารมณ์ไม่ดีก็จะบอกว่า อย่าเอาคนมาจุ้นจ้านกับพ่อ แล้วเมื่อกี้หนูลองค้นหาข้อมูลในเน็ตก็ไปเจอศูนย์ที่เขาจัดหาผู้ช่วยพยาบาล มาดูแลตามบ้านและได้ลองคุยกับเขาทางไลน์เกี่ยวกับกรณีของพ่อ เขาบอกสามารถทำได้แต่ต้องจ่ายค่าจ้าง15,000บาท/เดือน ซึ่งหนูคงจ้างไม่ได้หรอกค่ะ เพราะ หนูยังไม่ได้ทำงาน อีกอย่างค่าจ้างระดับนี้ก็จะเท่ากับเงินเดือนแรกเริ่มของหนูเลยพอทำงาน ซึ่งคนที่จะจ้างได้ต้องมีเงินมากพอในระดับที่มากกว่าเงินเดือนปกติทั่วไป และญาติก็คงไม่ออกเงินให้อยู่แล้วค่ะ หนูก็เลยคิดว่าแหม ถ้าเรามีเงินมากพอก็คงจะดีนะจะได้เซ็นสัญญาจ้างเลย เพราะหนูคิดว่าถ้าได้ใครสักคนมาช่วยก็จะแบ่งเบาภาระไป ไม่ต้องมานั่งเครียด ทะเลาะกันอยู่แบบนี้ เพราะพ่อก็ขี้น้อยใจนะ พอหนูพูดอะไรพ่อก็เก็บไปคิดหาว่าหนูว่าพ่อตลอด แล้วเวลาแกโต้กลับก็ใช่ย่อยนะคะ ทำให้เราจี๊ดได้เหมือนกัน เหมือนมดกัดเจ็บน่ะ ขอบคุณค่ะ Post : เบส E-Mail : Date : 25 กันยายน 2558

เบส
2 ตุลาคม 2558 16:40

หนูเบส เมื่อที่ 1300 มีปัญหา ก็ต้องลอง 1555 ดูไม่เสียหายในการโทรไปขอข้อมูลและเพื่อยืนยันว่าเราได้พยายามจะช่วยเหลือตนเองแล้ว ที่สูนย์สาธารณสุข กทม ทุกเขตจะมี อสส หรือ อาสาสมัครในชุมชนที่สามารถลงไปเยียมได้ ลองอีกครั้งนะ จะได้มีหลักฐานว่าคุณได้ร้องขอความช่วยเหลือแล้ว หากเขายังทำไม่ได้ จะได้ส่งข้อมูลให้ฝ่ายบริหารนะ อีกอย่างหนึ่ง หนูเบสได้โ?รศัพท์ไปคุยกับอาจารย์แล้ว ก็ลองปรับปรุงตนเอง ชีวิต และสิ่งแวดล้อมให้สว่างกระจ่างใสขึ้น ทุกวันนี้คุณก็ยอมรับเองว่า อยู่ตามลำพังไม่เกี่ยวข้องพูดจากับใครมาก ชีวิตเราเหมือน ปิดหน้าต่างประตูอยู่ในความมืดตามลำพัง ไม่ร้องขอไม่เอ้ือมไปรับความช่วยเหลือจากชุมชน ทำให้เครียดคิดวนไปเวียนมา ลองทำอย่างที่อาจารย์แนะนำ คือสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนบ้าน จะได้ไว้วาน ฝากฝัง หรือจ้างเด็ก ข้างบ้านให้มาแวะเยี่ยมคุณพ่อบ้าง หากท่านอยู่คนเดียวมีคนแวะมาเยี่ยมบ้างเกิอะไรขึ้นจะได้เข้าไปช่วยกันทัน พ่อจะได้ไม่เหงา อีกอย่างหนึ่งคือ ค่าจ้างผู้ช่วยพยาบาลมาดูแลพ่อ เงินเดือนสูงพอ ๆ กับถ้าหนูทำงาน เพราะฉะนั้นเรียนใกล้จบแล้ว หากหางานยังไม่ได้ก็ดูแล เรียนรู้ในการพยาบาลพ่อ ก็คงจะดีกว่าไปจ้างคนอ่ืน เพราะท่านก็เสียเงินค่าเล่าเรียนให้หนูมาแปดปีแล้ว จะหาเงินคืนให้เท่ากับที่จ่ายไปไม่รู้กี่สิบปี ตอนนี้เอาแต่พยายามเรียนรู้ดูแล หาคนมาดูแลท่านในช่วงยังไม่มีงานทำก็น่าจะดีกว่าจะไปจ้างคนดื่นนะ อาจารย์ก็รู้ว่าหนูเครียดที่พยายามเรียนให้จบ แปดปีที่เรียนเอกชนมาเป้นมาก นับว่าคุณพ่อให้โอกาสหนูมากนะ ขณะเดียวกันการเจ็บปว่วยของพ่อแม่ เหมือนให้โอกาสลูแได้แสดงความกตัญญููตอบแทนคุณท่านบ้าง ตั้งสติทำให้ดีที่สุด ความสงบสุขในจิตใจจะเกิดขึ้นเอง อลงไตร่ตรองดูให้ดี Post อันดับที่ 1 Post : อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร E-Mail : Date : 25 กันยายน 2558

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
2 ตุลาคม 2558 16:42
Post อันดับที่ 1

อาจารย์ค่ะ ไว้หนูจะลองโทรดูล่ะกันค่ะ แต่ตอนนี้หนูรู้สึกเครียดมาก คือเกือบทุกวันหนูต้องมานั่งดูแลพ่อ แล้วก็ต้องทำนู่นทำนี่ให้ คือบอกตรงๆว่ามันก็เป็นอะไรที่น่าเบื่อหน่ายมาก หลายครั้งหนูก็เกิดคำถามในจิตใจตนเองว่า "ทำไมฉันจะต้องอยู่แบบนี้"? "มันยุติธรรมกับฉันไหมที่ต้องมาอยู่ในสภาพเช่นนี้"? "ทำไมเพื่อนๆไม่เห็นต้องมาดูแลพ่อแม่ที่ป่วย"? "ทำไมฉันจึงไม่ได้ใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่เหมือนคนอื่นๆ"? "ทำไมฉันต้องทำทุกอย่าง"? คือ หนูจะเกิดคำถามเหล่านี้ขึ้นมาในหัวสมองเสมอๆ ทุกครั้งที่รู้สึกเครียด กดดันหรือโดนพ่อเรียกใช้ หนูเองก็มีภาวะซึมเศร้าเหมือนกันค่ะ หนูจึงไม่อาจมีใจเข้มแข็งได้ตลอดเวลา เพราะหนูเองก็อ่อนล้าทางจิตใจ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา หนูก็รู้สึกเครียด กดดันตลอด หนูรู้สึกว่าตัวเองหาทิศทางในชีวิตไม่เจอ ไม่รู้จะไปทางไหน บางช่วงก็สุข บางช่วงก็ทุกข์ เศร้า ออกไปข้างนอกก็ต้องพยายามเก็บความรู้สึก เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น บางครั้งก็รู้สึกมองโลกอย่างไม่มีความหวัง บางช่วงก็มีความสุขบ้างแต่ส่วนใหญ่จิตใจจะทุกข์มากกว่าสุข บางครั้งก็รู้สึกว่าโลกไม่ใช่ของเรา เราไม่ใช่คนของโลกอะไรประมาณนั้น ตั้งแต่พ่อมาป่วยก็รู้สึกว่าจิตใจจะหม่นหมองขึ้น ก็พยายามเข้าใจและปรับตัว บางช่วงก็สุข มันแล้วแต่สถานการณ์ในชีวิตด้วยอ่ะค่ะ บางครั้งก็มองโลกอย่างว่างเปล่า แล้วเวลาที่หนูเครียดจัดๆหนูก็ปวดหัว แล้วก็รู้สึกอ่อนเพลียอยากจะนอน มันจะรู้สึกเราอ่อนแรง ไม่ค่อยมีพลังใจทำอะไร ทั้งที่แต่เดิมอะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็จะกระตื้อรื้อร้นอย่างเต็มที่ แต่พอมาตอนนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป อะไรที่เคยทำแล้วมีความสุขก็ไม่สุขเหมือนเดิม มันขัดกับความรู้สึกยังไงไม่รู้ค่ะ สมัยหนู18เข้ามหาลัยใหม่ๆพ่อยังสบายดีอยู่ค่ะ ช่วงนั้นก็รู้สึกชีวิตมีความสุขมาก แต่พอหนูอยู่ปี3อยู่ดีๆพ่อก็มาล้มป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงกลายเป็นแบบนี้ หนูก็เคยคิดว่าทำไมอยู่ดีๆพ่อถึงมาป่วยทั้งๆที่ตอนปี1ปี2พ่อยังสุขภาพดีอยู่เดินเหินได้ปกติ ถ้าจะบอกว่าพ่ออายุมากขึ้น หนูก็เห็นคุณอาผู้ชายอายุน้อยกว่าพ่อปีเดียว ถึงคุณอาจะมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน หรือโรคอื่นๆในตัวแต่คุณอาก็ยังเหมือนคนปกติ ช่วยเหลือตัวเองได้ เดินเหินได้ หยิบจับอะไรเองได้ หนูก็เลยท้อใจอย่างมาก รวมทั้งอารมณ์พ่อเองด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ Post อันดับที่ 2 Post : เบส E-Mail : Date : 25 กันยายน 2558

เบส
2 ตุลาคม 2558 16:44
Post อันดับที่ 2

หนูเบส เข้าใจนะว่าหนูกำลังเหนื่อยล้าระทดท้อ สับสน ไม่มีความสุข โดยเฉพาะหนูยังมองไม่เห็นว่า ชีวิตของคนเรานั้น มีทั้งสุขและทุกข์ มีเกิด แก่ เจ็บและตายเป็นธรรมดาของมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม ไม่ว่าจะเป้นใครระดับไหนก็ต้องเดินท่านทางสายเหล่านี้กันทั้งนั้น จะต่างกันตรงระยะเวลา ก่อนหน้านี้พ่อยังไม่ป่วย หนูเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ ๆ ก็มีความสุขดี ต่อมาพ่อป่วย หนูมีพ่อคนเดียว พ่อก็มีลูกคนเดียว แม่เสียชีวิตไปก่อน เรื่องราวเหล่านี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แม่ของหนูก็ไม่อยากตายไปก่อน พ่อของหนูก็ไม่อยากป่วย หนูเองก็อยากเรียนให้เก่งไม่อยากต้องเรียนถึงเกือบแปดปีขณะนี้ แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้ เกิดขึ้นแล้ว ไม่มีใครตอบได้ว่า ทำไมชีวิตฉันต้องเป็นอย่างนี้ ทำไมชีวิตฉันไม่เหมือนคนอื่นเขา ถ้าเป็นคนพุทธก็จะเชื่อว่าเป็นวิบากกรรมแต่ปางก่อน นั่นคือกรรมกำหนดให้เกิดขึ้น แต่หากเราไม่เช่ือว่าเป็นวิบากกรรมแต่ปางก่อน ก็ไม่เป็นไร พระพุทะเจ้าตรัสว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีเหตุผลในตัวของมันเสมอ หน้าที่ของเราคือหาเหตุผลนั้นให้เจอ หนูอาจไม่เชื่อเรื่องกรรมกำหนด ไม่เป็นไร ท่ี่ผ่านมาอาจเป็นกรรมหรือไม่ ก็ไม่สำคัญ เพราะในเมื่อเราเกิดมามีชีวิต มีสองแขนสองมือหนึ่งสมอง ก็สมารถช่วยเหลือตัวเองตอ่ไปได้ เพราะฉะนั้นไม่เมื่อชีวิตเป็นอย่างที่เป็นอยู่ ก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันอย่างกล้าหาญ อดทน ค่ออย ๆ กำ หนดหรือหแหก้ไขกรรมให้เป็นนนนอย่างที่เราต้องการได้ไม่ต้องถามใคร เพียงค่อย ๆ จัดการแก้ไขไปทีละข้อ พอจะเข้าใจอย่างที่อาจารย์พูดอธิบายนี้ไหม เช่นกันที่ผ่านมากรรมกำหนดหรือเปล่าเราอาจไม่สนใจจะรับรู้ แต่จากนี้ไป หนูจะดีกว่าไหมที่จะเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตขิงตัวเองด้วยตัวเอง หนูอยากจะทำอย่างไร อยากให้ชีวิตเป็นอย่างไร ลองนั่งลงวางแผนซวิว่าจะทำอย่างไรกับเหตุการณืตรงหน้านี้ หากหนูไม่ต้องการดูแลพ่อ อยากออกไปเช่าคอนโดอยู่ลำพัง อยากหางานทำเอง ช่วยตัวเอง ลองคิดดูซิว่าจะทำได้ไหม จะหางานเช่าคอนโดอยู่เองไม่ต้องพึ่งพอ่ได้หรือไม่ อย่างไรที่หนูคิดว่าจะยุติธรรมกันตัวเอง เอาตัวรอดไม่ต้องสนใจพ่อต่อไปอย่างนั้นหรือ คิดว่าจะทำได้ไหมไม่ต้องพึ่งพ่อ? หากหนูคิดว่าไม่ยุติธรรมที่ต้องมามีชีวิตดูแลคนแก่คนเจ็บอย่างนี้ ลองก้าวออกไปซิว่าจะทำได้หรือไม่ เงินที่พอ่อมีอยู่ก็ปล่อยให้ท่านไปจ้างคนมาดูแลท่านเองจะดีไหม จะได้ยุติธรรมสำหรับทั้งสองฝ่าย ว่าไหม? จากที่เราคุยกันผ่านจดหมายและคุยผ่านโทรศัพท์ ก็เข้าใจความทุกข์ของหนู แต่อยากให้หนูคิดถึงหัวอกพ่อด้วย พ่อก็ไม่อยากเป็นอย่างนี้ เคยทำงานมีเงินกลับต้องพิการช่วยตัวเองไม่ได้ ซ้ำลูกสาวคนเดียวก็ไม่รักเบื่อไม่อยากอยู่ด้วย แต่ค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็ยังเป็นเงินพ่อ มันยุติธรรมสำหรับพ่อไหม? อย่างที่บอกตอนต้นชีวิตคนเรามีทุกข์สุขคู่กันเหมือนกันทุกผู้คน ถึงครวทุกข์จงกล้าหาญที่จะเผชิญอย่างมีศักดิ์ศรีด้วยความอดทน พยายามและด้วยความเมตตาต่อคนรอบข้าง ไม่อยากเห็นหนูนั่งทุกข์โศกสงสารตัวเอง เพราะนับว่าหนูโชคดีที่เกิดมามีฐานะมีพ่อคอยดูแลส่งเสียหากไม่มีพ่อเราจะอยู่อย่างทุกวันนี้ได้ไหม เราคุณกันมาหลายเรื่อง อาจารย์ก็คิดว่าหนูก็ไม่ใช่คนฉลาดน้อย เพราะฉะนั้นไตร่ตรองมองโลกในทางบวก ขอบคุณสวรรค์พ่อแม่ที่ให้ชีวิตที่ดีกับเราขนาดนี้ สะสมความรู้ประสบการณ์ไว้ช่วยเหลือดูแลสร้างฐานะ สร้างชีวิตตัวเองให้ดีกว่าที่เป็นอยู่เชื่อว่าโอกาสมีเสมอ ขอเพียงให้มองโลกด้วยความหวัง และมีพลังจะก้าวเวดินต่อไป ขอให้เกิดสติและปัญญานะ Post อันดับที่ 3 Post : อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร E-Mail : Date : 28 กันยายน 2558

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
2 ตุลาคม 2558 16:47
Post อันดับที่ 3

ตอบกระทู้


กลับด้านบน