มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ
ไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง

สวัดดีค่ะหนูขอปรึกษาปัญหาครอบครัวที่ไม่ลงตัวค่ะคือครอบครัวหนูทำธุรกิจครอบครัวคือเต็นรถยนต์มือ2แต่แบ่งแยกกัน3ครอบครัวคือครอบครัวหนู ครอบครัวพ่อแม่หนูและครอบครัวพ่อแม่สามีแต่ธุรกิจนี้เริ่มจากพ่อแม่หนูเป็นผู้สร้างมันหลังจากนั้นพ่อแม่ไม่มีทุนจะทำต่อหนูและสามีเลยได้ทุนจากพ่อแม่สามีมาทำต่อทำไปเรื่อยๆจนสามีเก่งสมารถทำด้วยตัวเองได้จนอาจจะไม่ต้องพึ่งพ่อแม่หนูแล้วพ่อแม่หนูสมารถหาทุนหนึ่งก้อนมาร่วมทำด้วยแต่เกิดปัญหาสามีหนูเค้ามองว่าพ่อแม่หนูไม่ดูแลรถของหนูกะสามีมีแต่จะเร่งขายรถของตัวเองแล้วตอนนี้พ่อแม่สามีก็มาขอร่วมด้วยอีกแต่ทางพ่อแม่สามีลงแค่ทุนไม่ได้ลงแรงอะไรเลยคือโอนแค่เงินมาแล้วเอากำไรไปคนที่ทำคือสามีหนูและพ่อแม่หนูถ้ามันเกิดเหตุการณ่แบบนี้หนูควรจะแก้ปัญหาอย่างไรให้การลงทุนของทั้ง3ครอบครัวไม่มีปัญหาและไม่แตกแยกไม่ให้ใครคนใดคนหนึ่งคิดว่าเกิดการเอาเปรียบกันเกิดขึ้นตอนนี้หนูกับสามีอยู่ตรงกลางค่ะแต่แม่กะสามีหนูไม่ลงรอยกันนะค่ะคือแม่หนูเค้าเป็นคนเอาแต่ใจสั่งอะไรใครก็ต้องทำตามแม่สั่งได้ทุกคนยกเว้นสามีหนูสามีหนูเป็นคนไม่ฟังใครไม่ค่อยทำตามใครเลยขัดใจแม่หนูเค้าเลยไม่ลงรอยกันจะคอยจับผิดกันตลอดเวลาหนูซึ่งยืนอยู่ตรงกลางเครียดไม่มีเวลาหยุดเลยค่ะ

สุดารัตน์
katzaa@hotmail.com
8 พฤศจิกายน 2557 11:56

หนูสุดารัตน์ ความกตัญญูรู้คุณต่อผู้มีคุณ คือใบเบิกทางของความสำเร็จ ความเจริญรุ่งเรื่องและความสุข กรณีของคุณและสามี ปฏิเสธไม่ได้ว่าพ่อแม่ของสุดารัตน์เป็นผู้เร่ิมต้นลงทุนระยะยาวด้วยวันเวลาและความอดทนอุตสาหพยายามของเส้นทาง กว่าหนูและสามีจะก้าวเข้ามาและขอรับช่วงทำงานนี้ต่อ ซึ่งหากเป็นคนอื่นนอกจากจะโอนกันตามจริงราคาของที่มีอยู้แล้ว ก็ต้องบวกราคาระยะเวลาของชื่อเสียงที่เป็นทุนอยู่เดิม สามีคุณจึงจะได้เป็นเจ้าของร้านนี้จริง ๆ หากพ่อแม่หนูไม่ให้โอกาส การเริ่มต้นโดยลำพังไม่มีพี่เลี้ยงคอยดูแลชี้แนะก็จะมีปัญหาการบริหารจัดการมากพอสมควร แต่ทั้งหมดนี้พ่อแม่คุณได้ลงทุนไปก่อนแล้ว แม้จะมองไม่เห็นเป็นทุนทรัพย์ แตนี่คือโอกาสที่สามีได้มาเพราะนั่นคือพ่อแม่ของสุดารัตน์ หากสามีคุณไม่ได้โอกาสจนมี ฐาน ที่มั่นคงคือพ่อแม่คุณดูแลช่วยเหลือรองรับอยู่ข้าง หลัง ก็ไม่แน่ว่าพ่อแม่สามีจะสนับสนุนเงินทุนให้หรือไม่ เพราะฉะนั้นพ่อแม่สุดารัตน์ เป็นผุ้มีพระคุณที่ให้โอกาสในการเร่ิมต้น พ่อแม่สามีให้โอกาสในการส่งเสริมสนับเงินทุนให้ทำต่อ ต่อมาพ่อแม่คุณหาเงินมาร่วมทุนต่อไปทำให้กลายเป็นเจ้าของสามคนสามส่วน การบริหารจัดการเรื่องค่าแรงคนทำงาน ใครทำก็ต้องได้รับเงินเดือนไปเป็นคน ๆ ส่วนเงินทุนก็หารกำไรไปตามเปอเซ็นต์ที่ลงไป นั่นคือ หากสุดารัตน์ สามี พ่อแม่ของคุณเป็นคนทำงานคือขายด้วยกัน รับิดชอบการจัดการในร้านด้วยกัน ก็ตั้งเงินเดือนไปตามความเหมาะสม จ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้วจึงค่อยหัก นำกำไรที่เหลือมาแบ่งตามส่วน หากจัดการเช่นนี้ได้แล้ว พ่อแม่สุดารัตน์จะได้รู้สึกว่า ได้รับความยุติธรรมแล้ว พฤติกรรมที่สามีคุณกล่าวหาก็จะค่อย ๆ หายไป เคยทำอย่างนี้กันบ้างแล้วหรือยัง ลองนั่งคุยกันตรง ๆ สามีคุณและสุดารัตน์ จะต้องปฏิบัติต่อพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายด้วยความเคารพ นอบน้อม กตัญญูต่อท่านให้มากที่สุด กำไรเป็นเรื่องทีหลัง แต่ทำอย่างไรให้เราทุกคนมีความสุข ค่อย ๆ เจริญาเติบโตร่ำรวยหรือไม่มีหนี้สินก็พอใจแล้ว สร้างฐานความสัมพันธ์ให้มั่นคง ตอบแทนบุญคุณผุ้มีพระคุณเสียก่อน แล้วทุกอย่างก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นเองนะ อย่าไปแย้งว่า นี่พ่อแม่ฉัน นั่นพ่อแม่เธอ ทั้งสองพ่อแม่ล้วนมีคุณต่อเราทั้งนั้น ทำหน้าที่ของเราให้ดีท่ีสุดเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกของเรา ลองไตร่ตรองพูดคุยกันตรง ๆ นะ ขอให้โชคดี!

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
9 พฤศจิกายน 2557 11:31
Post อันดับที่ 1

แล้วหนูควรจะทำอย่างไรดีค่ะสามีหนูเขาถึงจะตระหนักถึงบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของพ่อแม่หนูค่ะหนูพยายามบอกและก็เตือนเค้าแต่เค้าก็ยังดูแข็งๆอยู่แม่หนูเค้าเคยพูดว่าคนอื่นว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆกล้าไปกอดไปหอมได้ยังไงสามีหนูเค้าเลยคิดมาตลอดว่าแม่หนูน่าจะไม่รักเค้าเหมือนลูกแท้ๆแน่นอนและเค้าก็อคติกะแม่หนูหลายอย่างส่วนแม่หนูเองก็อคติกะสามีหนูเหมือนกันค่อยจะจะจับผิดกันพอจับผิดได้กะต่างฝ่ายต่างมาฟ้องหนูหนูลำบากใจมากหนูยกตัวอย่างนะค่ะเค้าใช้รถยนแล้วไม่ค่อยเติมน้ำมัน(เป็นรถหนูกับสามี)สามีหนูก็บ่นว่าแม่ใช้รถทำไมไม่ค่อยเติมน้ำมันให้เลยพอหมดก็เป็นเราที่เติม อะไหล่รถที่ซื้อมาไว้พอแม่ไม่มีเงินก็ขายโดยไม่บอกมารู้อีกทีเวลาจะใช้สามีหนูก็มาโวยวายกะหนู ของกินที่ซื้อมาไว้กินแม่กะน้องก็กินจนหมดบ้างทีไม่เหลือไว้ให้กินบ้าง นมที่ลงทุกอาทิตย์เวลาไม่อยู่เค้ามาส่งกะแม่แม่ก็ไม่จ่ายให้มาเก็บที่เราทั้งที่แม่กะน้องกินหมดอะไรประมาณนี้ค่ะทุกอย่างมันเป็นปัญหาหมดจนหนูคนที่อยู่ตรงกลางสุขภาพจิต สุขภาพร่างกายมันแย่จริงๆค่ะ

สุดารัตน์
10 พฤศจิกายน 2557 10:16
Post อันดับที่ 2

คุณสุดารัตน์ เคยคุยเรื่องนี้กับคุณพ่อไหม พูดเหมือนปรับทุกข์กับพ่อเรื่อง แม่ไม่ติมน้ำมันรถทำให้เวลาเราจะใช้เกิดความกังวล หรือหากเกิดขึ้นมาบ่อยมากแล้ว ก็พูดขอร้องแม่ตรง ๆ ส่วนเรื่องอาหารที่กินกันน้อง ก็คุยกับน้องให้่ช่วยเตือนแม่ให้ซื้อหรือเก็บเอาไว้ให้เราบ้าง หรือบอกเราล่วงหน้าจะได้ซื้อมาทดแทนที่กินไป เรื่องบางเรื่องก็พูดได้อย่างตรงไปตรงมา เช่นกรณีเติมน้ำมันรถ ส่วนเรื่องของกินพูดมากไปก็อาจจะสะเทือนใจ เพราะฉะนั้นบางเรื่องมองข้ามเสียได้ก็ทำ บางเรื่องก็พูดคุยกันตรง ๆ อย่างไม่มีอารมณ์ คือไม่ต้องโกรธไม่พอใจ นี่คือพ่อแม่ถ้าเราไม่อดทนกับท่านตอนนี้แล้วจะไปทนเอาเมื่อไร เวลาเครียดโกรธพ่อแม่ไม่พอใจ ขอให้นึกถึงเราเมื่อวัยเด็ก พ่อแม่ก็อดทนกับเรามามากแล้ว เราเกรงใจสามีเพราะเขาเป็นคนนอก แต่เราก็เฉยเสียบ้าง บอกเขาไม่ต้องถือสา ขอให้ยอมรับพ่อแม่อย่างที่เขาเป็นบ้าง ที่สำคัญการที่ลูกเขยมีปฏิกิริยาโต้ตอบกับการกระทำของพ่อแม่ยิ่งทำให้พ่อแม่ไม่พอใจ ให้เขาอดทนหน่อย เรื่องที่เล่ามา คุณไม่ต้องไปซีเรียสหรือหงุดหงิด ฟังแล้วก็ปล่อยใ้ห้ผ่านไปบ้าง ไม่งั้นหากหยิงจับมาเป็นเรื่อง เราก็จะมีแต่เรื่องที่ไม่สบายใจ พยายรามเรียนรู้ที่จะอดทนให้มาก ให้อภัยไม่ถือสา แต่ฟังทกคนเพื่อความสบายใจของคนที่เรารัก เรารู้ว่าแก้ไขเปลี่ยนแปลงพ่อแม่ไม่ได้ แต่ตัวเราต้องปรับเปลี่ยนท่าทีและความคิดไม่เป็นปรปักษ์กับพ่อแม่ ใจเย็นกับสามีฟังเขาบ่นแล้วหาเรื่องอื่น ๆ ดี ๆ มาพูดคุยบอกเขาให้มองข้ามไปบ้าง พ่อแม่นั้นมีเวลาน้อยลงทุกที เป็นหน้าที่ของเราต้องพยายามเข้าใจ ทำได้ไหม ลองไตร่ตรองดู

อาจารย์ อรอนงค์ อินทรจิตร
10 พฤศจิกายน 2557 13:37
Post อันดับที่ 3

ตอบกระทู้


กลับด้านบน